ฤดูหนาวกำลังจะมาถึง ลมเหนือพัดผ่านไปทั่วมอร์ดูในบริเวณบ้านพักริมทะเลแห่งหนึ่ง มีกองไฟกำลังเปล่งประกายภายในอาคารเก่าหลังหนึ่ง“มาครับเจ้าชาย คุณลองชิมเหล้าหมักอายุห้าสิบปีของผมดู!”“พวกเราประเทศ H ผู้ยิ่งใหญ่ดื่มเบียร์และไวน์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฤดูหนาวกำลังจะมา เพราะฉะนั้นเหล้าอย่างเดียวจะทำให้ร่างกายของเราอบอุ่น”ในคฤหาสน์วอล์คเกอร์ เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดในห้องโถงที่เคยเละเทะก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยของใหม่โต๊ะอาหารสี่เหลี่ยมมีคนนั่งอยู่แต่ละด้านแองเจลิน่าซึ่งหน้าแดงและบวมเล็กน้อยนั่งอยู่ที่ด้านหนึ่ง ชายหนุ่มในชุดสูทขนสัตว์นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งอารมณ์ของแองเจลิน่าไม่ได้น่ากลัวเหมือนตอนที่เธอเผชิญหน้ากับฮาร์วีย์ ในตอนนี้อารมณ์ของเธอดูสุขุมและช่ำชองมาก เธอแสดงออกถึงความสง่างามที่เคยมีมาตลอดเวลาที่อยู่ในแวดวงชนชั้นสูงนอกเหนือจากเหล้าหมักที่ยังไม่ได้เปิดแล้วยังมีอาหารรสเลิศทุกประเภทซึ่งถูกปรุงโดยเชฟมิชลินอยู่บนโต๊ะ“เจ้าชาย คุณเพิ่งลงจากเครื่อง คุณควรจะทานอะไรร้อน ๆ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นนะคะ”แองเจลิน่ามองอีกฝ่ายด้วยความชื่นชมและพยายามจะเอาใจเขาอย่างสุดจะพรรณนาถ้าเธออายุน้อยกว่า
ลูคัสยิ้ม “คุณน้าไม่ต้องห่วงครับ“ความสัมพันธ์ของผมกับไคท์จะไม่เปลี่ยนเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้“เชื่อใจผมก็พอครับ ไคท์ไม่ใช่แค่ลูกสาวของคุณแต่เธอยังเป็นคู่หมั้นของผมด้วย”“แน่นอนว่าผมจะต้องรักและเอาใจใส่เธออย่างยิ่งเขาดีดนิ้วเบา ๆ หลังจากที่พูดจบผู้หญิงในชุดสีแดงที่ยืนอยู่ในระยะไกลเดินเข้ามาและโค้งคำนับ“เมซี่ โทรหาพวกเขาหน่อย“บอกให้พวกเขาพาไคท์กลับมา”เมซี่ ฮาเวิร์ดพยักหน้าแล้วถอยหลังไป 2-3 ก้าว เธอกดโทรศัพท์ สีหน้าของเธอว่างเปล่าและเฉยเมยจากนั้นสีหน้าของเธอก็เริ่มแปลกไป เธอรีบกดหมายเลขอื่นจากนั้นก็เบอร์ที่สาม แล้วก็สี่…เธอโทรเป็นสิบสาย แต่ไม่มีใครรับสายหรือไม่ก็สายไม่ว่างเมซี่ไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไป เธอรีบไปหาลูคัสและกระซิบเบา ๆ ว่า “เจ้าชายคะ ติดต่อใครไม่ได้เลย ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่นอน”ลูคัสดูเฉย ๆ เขาเห็นแววตาที่งุนงงของแองเจลีน่าและพูดว่า “ค้นหาตำแหน่งของพวกเขาและให้คนอื่นไปช่วย”เมซี่โทรออกอีกสองสามครั้ง ในไม่ช้า ตาเธอกระตุกและเธอก็กระซิบกับลูคัสอีกครั้งว่า “เจ้าชาย ตำแหน่งของรถและโทรศัพท์มือถือชี้ไปทาง…“บริเวณที่เรียกว่าชายฝั่งของสามเหลี่ยมปี
เมซี่พูดอย่างเคร่งขรึม “เจ้าชายคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณเสียอารมณ์“แต่ฉันต้องทำ เรื่องนี้สำคัญมาก!”เสียงของลูคัสเย็นชา เขาพูดช้าๆ “พูดเลย!”เมซี่รีบเข้าไปใกล้หูของเขาและรีบกระซิบข่าวเบา ๆสีหน้าของลูคัสซึ่งเดิมที่สงบ กลับกังวลเมื่อได้ยินคำพูดของเมซี่“คุณผู้หญิงแองเจลิน่า ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะพาไคท์กลับมาอย่างปลอดภัยก่อนรุ่งสาง”ลูคัสสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็วและลุกขึ้นยืน“ผมยินดีมากที่ได้พบคุณวันนี้ แต่ผมมีธุระที่จะต้องไปจัดการ“พรุ่งนี้มาทานอาหารดี ๆ ด้วยกันอีกนะครับ“ครั้งหน้าผมขอเป็นเจ้ามือ”ไม่ว่าจะฉุกเฉินเพียงใด ลูคัสจะสามารถรักษาความสงบและท่าทางที่สุขุมไว้ได้เสมอ“ได้เลย ไปเถอะ”แววตาของแองเจลีน่าสั่นไหวเล็กน้อย เธอไม่บังคับให้ลูคัสอยู่ต่อ เธอเพียงแต่ยิ้มและพูดว่า “ไคท์ไร้เดียงสามาก ในเมื่อเธอยังอายุน้อย ได้โปรดอดทนกับเธอด้วย”แองเจลิน่าสันนิษฐานว่าคนของลูคัสที่ที่ถูกส่งไปจัการฮาร์วีย์และไคท์น่าจะได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตแล้ว บางทีลูคัสอาจแอบโกรธและกำลังจะไปทำลายฮาร์วีย์ให้รู้แล้วรู้รอดความคิดนี้ทำให้เธอมีความสุขตราบใดที่ลูคัสเคลื่อนไหว มันก็ไม่สำคัญว่
นอกจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนแล้ว เลนนี่และทีมงานหลายคนก็อยู่ด้วย เมื่อพวกเขาเห็นลูคัส พวกเขาทั้งหมดก็คุกเข่าพร้อมกันและทักทายเขา “เจ้าชาย!”ลูคัสถามอย่างเย็นชา “เดนเซลอยู่ไหน?”เลนนี่เดินไปข้างหน้าพร้อมกับกล่องของขวัญ“ดี! ดีมาก!"ลูคัสเอื้อมมือไปหยิบมัน เมื่อเขาเห็นหัวที่ขาดข้างใน สีหน้าของเขาแย่ลงสีหน้าของเดนเซลยังคงดุร้าย อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะตายอย่างเปล่าประโยชน์“เดนเซล ไม่ต้องห่วง ฉันจะหาตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนี้และสับเขาเป็นชิ้น ๆ เพื่อล้างแค้นให้แกเอง!”ลูคัสไม่ได้โกรธ สำหรับเขา ความโกรธไม่มีประโยชน์ การแก้แค้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเขาระงับอารมณ์ของเขาและกำลังจะวางกล่องลงอย่างไรก็ตาม ดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อเขาพบว่ามีบางอย่างติดอยู่ระหว่างคิ้วของเดนเซลฟุ่บ!ลูคัสดึงกระดาษแผ่นนั้นออกมามีข้อความสีแดงเขียนอยู่บนกระดาษ“ใครก็ตามที่พยายามจะทำร้ายหลงเหมิน…“จะต้องตาย!”ลูคัสผงะเล็กน้อย เสี้ยววินาทีต่อมาเขาก็หัวเราะดังลั่น“หลงเหมิน?!“ขู่ฉัน?!“ส่งข้อความถึงฉัน?!“ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าใครบนโลกนี้กล้าหยุดฉันจากการรับตำแหน่งหัวหน้
“ใช่ค่ะ คุณยอร์ก!”ราเชลนึกอะไรบางอย่างออก“นอกจากนี้ รถสองคันที่ไล่ตามคุณบนถนนเลียบชายฝั่งเมื่อครู่ไม่ใช่ของตระกูลวอล์คเกอร์”“พวกนั้นเป็นคนของลูคัส“หลังจากได้ยินว่าพวกนั้นตกลงไปในทะเล เขาก็โกรธและส่งเลอบรอนมาจัดการกับคุณ“ออกนอกบ้านช่วงนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ เลอบรอนไม่ใช่คนธรรมดา”“เลอบรอน?”ฮาร์วีย์ค่อนข้างสนใจชายคนนี้"เขาเป็นใคร?"“เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นนักแม่นปืนของหน่วยปฏิบัติการพิเศษแห่งอเมริกา เขาเชี่ยวชาญการใช้อาวุธปืนทุกประเภท!“หลังจากที่เขาออกจากกองทัพ ลูคัสก็จ้างให้เขามาจัดการกับปัญหาในราคาแพงลิ่ว“เลอบรอนมีใบอนุญาตทางการทูต แม้ว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา ลูคัสก็จะไม่ถูกลากเข้าไปเอี่ยวด้วย“ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีผู้คนตายด้วยน้ำมือของเลอบรอนนับไม่ถ้วน”ฮาร์วีย์ครุ่นคิดถึงคำพูดของเธอ จากนั้นเขาก็ถามว่า “เลอบรอนไม่ใช่ชื่อจริงของเขาใช่ไหม?”ราเชลตอบว่า “ค่ะ นั่นเป็นเพียงสมญานามของเขา สำหรับชื่อจริงของเขานั้นไม่มีใครรู้ว่าเขาชื่ออะไรกันแน่“ฉันจะให้คนคอยสืบหาที่อยู่ของเขา ฉันจะรายงานให้คุณทราบทันทีที่มีข้อมูลเพิ่มเติม”ฮาร์วีย์พยักหน้า ในขณะที่เขากำลังจะพ
ฮาร์วีย์รู้สึกผ่อนคลายและโล่งใจในเวลาเดียวกันเป็นเรื่องดีที่เลอบรอนปรากฏตัวก่อนที่ฮาร์วีย์จะไปถึงเฮงเดียน เวิร์ล สตูดิโอ หากมีซีนเธียร์อยู่ใกล้ ๆ เขาจะไม่สามารถแสดงฝีมือได้เต็มที่แต่เมื่อมองไปอีกมุม บางทีศัตรูของเขาอาจเตรียมการอะไรมากมายจนทำให้ซีนเธียร์ต้องถ่ายทำกลางดึกเพราะอย่างไรเสียนี่ก็เป็นเรื่องบังเอิญมากเกินไปฮาร์วีย์ไม่กลัวปืน แต่เขากังวลเรื่องซีนเธียร์ ก่อนหน้านี้เขาได้ส่งไทสันและคนของเขาอีกสองสามคนให้ไปคุ้มครองเธอ“คุณดูจองหองเหลือเกินนะ พ่อหนุ่ม…”เลอบรอนสงบและสำรวม“ในเมื่อคุณยอมรับว่าฆ่าพี่น้องของผม มันก็ง่ายกับผมขึ้นแล้ว”“คุณยินยอมที่จะจบชีวิตตัวเองไหม? หรือคุณอยากให้ผมเลาะผิวหนังของคุณออกทีละชิ้นหลังจากหักแขนขาของคุณทั้งหมดแล้ว”“ผมขอแนะนำให้คุณเลือกอย่างแรก ตายแบบไม่ทรมานน่ะดีที่สุดแล้ว”ฮาร์วีย์หรี่ตา เขาพูดจาโยกโย้ออกไปว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมก็จะให้คุณเลือกสองทางเหมือนกัน”“อย่างแรก คุกเข่าและร้องขอความเมตตาซะ”“อย่างที่สอง ตาย”เวลาเป็นสิ่งสำคัญ และฮาร์วีย์ก็ไม่ได้มีเวลาสำหรับเรื่องไร้สาระกับเลอบรอน“ดูเหมือนคุณจะเป็นพวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงสินะ”เ
คราวนี้ฮาร์วีย์ไม่หลบกระสุน เขายืนนิ่งและโยนกรวดที่เขากำไว้เมื่อสักครู่ตู้ม ตู้ม ตู้ม!ก้อนกรวดกระเด็นออกไปตามวิถีกระสุนราวกับฮาร์วีย์รู้ว่าพวกมันถูกเล็งไปยังที่ใด มันพุ่งเข้าใส่กระสุนได้อย่างพอดิบพอดีเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วบริเวณ ก่อนที่กระสุนจะเข้าถึงตัวฮาร์วีย์ พวกมันก็ระเบิดขึ้นเสียก่อนสีหน้าของเลอบรอนเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเห็น เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะคาดเดาวิถีการโจมตีของเขาได้เลอบรอนตวัดปืนและยิงอีกครั้งปึก ปึก ปึก!ฮาร์วีย์เร็วมาก เขาขว้างกรวดใส่กระสุนอีกครั้งกระสุนแตกตัวออกทันทีที่สัมผัสกับกรวด ถึงตอนนี้เลอบรอนเหลือกระสุนบนเข็มขัดเพียงครึ่งเดียววี้หว่อ วี้หว่อ วี้หว่อ!ไซเรนตำรวจที่ดังเสียดหูดังขึ้นในขณะนี้ มีคนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่และได้โทรแจ้งตำรวจเลอบรอนหยุดโจมตีและถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างช้า ๆ เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “คุณโชคดี หนุ่มน้อย ไม่เลวเลยล่ะ”“น่าเสียดายที่คุณทำให้เจ้าชายไม่พอใจ”“นี่แค่เรียกน้ำย่อย”“ในไม่ช้า คุณจะเข้าใจว่าปืนไรเฟิลซุ่มยิงของผมดีกว่าของเล่นแบบนี้มาก”“อีกสามวัน ผมจะมาเอาหัวคุณไป!”“คุณควรทำความสะอาดคอโสโครกของคุณให้ดีเสีย
ซีนเธียร์มองไปรอบ ๆ อย่างกระสับกระส่าย รอยยิ้มของเธอค่อนข้างเหือดแห้ง ผู้กำกับเฟร็ด มิลเลอร์กำลังยืนอยู่ข้างสเตซี่ในขณะที่ทีมแพทย์ที่เพิ่งมาถึงกำลังรักษาเธอสเตซี่เป็นลมหมดสติไปหลังจากที่ศีรษะของเธอได้รับบาดเจ็บจากม่านที่ตกลงมา แม้ว่าแพทย์จะทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปแล้ว แต่สเตซี่ยังต้องถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลในภายหลังอยู่ดีภาพที่เห็นทำให้ซีนเธียร์หวาดกลัว เธอไม่ใช่นักแสดงที่มีชื่อเสียงอะไร และผู้คนคงไม่ปฏิบัติกับเธอเหมือนสเตซี่ หากเธอประสบอุบัติเหตุแบบเดียวกัน เธออาจจะเลือดออกหมดตัวก่อนที่จะได้ไปโรงพยาบาลด้วยซ้ำ “สเตซี่ เกิดอะไรขึ้น! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณ?"ชายพุงพลุ้ยในชุดสูทพร้อมกับสาว ๆ สองสามคนก้าวเข้ามาข้างในอย่างรีบร้อน ความวิตกกังวล ฉายชัดบนใบหน้าของเขาทันทีที่เห็นสภาพของสเตซี่ ใบหน้าของเขาดูน่ากลัวอย่างยิ่งผู้อำนวยการมิลเลอร์รีบวิ่งไปต้อนรับชายคนนั้นทันที พร้อมกับตะโกนว่า “ซีอีโอคีตัน!”“ผู้ชายคนนั้นคือสามีของสเตซี่ ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นซีอีโอของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เห็นได้ชัดว่าเขาแก่กว่าสเตซี่ราวยี่สิบปีได้! เขามีโครงการที่แฟรเกรินท์ ฮิลล์และค่อนข้างร่ำรวยด้วย”“