“ที่แม่บ่นเมื่อวานไง ที่บอกว่าพ่อกำลังจะเอาญาติที่น่าสงสารมาเลี้ยงอีกแล้ว!”“ไม่คิดเลยว่าจะเป็นฮาร์วีย์ ยอร์ก!”“ทำไมเขาถึงกล้าไปร่วมงานเลี้ยงกัน? เมื่อเทียบกับนายน้อยวอล์คเกอร์แล้ว ฮาร์วีย์ก็ไม่ต่างไปจากขอทาน”“ทำไมตอนยังเด็กฉันถึงคิดว่าเขาหล่อกันนะ”เฮเซล มาโลนมองไปที่ฮาร์วีย์และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ จากนั้นจึงเปรียบเทียบสตีเว่น วอล์คเกอร์กับฮาร์วีย์ คนรักในวัยเด็กของเธอโดยไม่รู้ตัวเธอไม่รู้ว่าการเปรียบเทียบนั้นน่ากลัวแค่ไหนจนกระทั่งถึงตอนนี้!สตีเว่นมีความสามารถพิเศษตั้งแต่อายุยังน้อย เขาได้เป็นผู้จัดการด้านธุรกิจของไคเซ็น กรุ๊ป ตอนนี้เขายังเข้าร่วมชมรมรถออฟโรดของมอร์ดู และเป็นถึงหลานชายของรองหัวหน้าสาขาวอล์คเกอร์อีกหากไม่พูดถึงเส้นสาย อิทธิพล หรือความสามารถ คนสำคัญเช่นนี้ก็นับว่าเป็นบุรุษอันดับต้น ๆ ในมอร์ดูอยู่แล้วเมื่อเทียบกับเขาแล้วฮาร์วีย์ไม่คู่ควรที่จะถือรองเท้าให้เขาด้วยซ้ำความสัมพันธ์ในวัยเด็กของฮาร์วีย์และเฮเซล แค่คิดถึงเรื่องนี้เธอก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว'ตอนยังเด็กเธอคงตาบอดไปแล้ว ถึงขนาดคิดที่จะแต่งงานกับเขาด้วยซ้ำ!'แต่เมื่อฮาร์วีย์เห็นเฮเซล เขาก็แค่พยักหน้าอ
ฝูงชนเงียบกริบหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทุกคนต่างตกตะลึงในขณะที่มองไปที่ฮาร์วีย์ ยอร์ก“ฮาร์วีย์ นายหมายความว่ายังไง?”คิ้วของจูน ลีขมวดมุ่น เธอโกรธมาก“สตีเว่น วอล์คเกอร์ให้เกียรติจับมือกับนาย เป็นโอกาสสำหรับนาย ถ้านายไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร แต่นายกลับมาบอกว่าเขาไม่มีสิทธิ์จับมือนายงั้นเหรอ?”“นายบอกว่าเขามีสถานะ ความสามารถ และตัวตนต่ำต้อยเกินไป?”“แถมยังไม่คู่ควรที่จะจับมือนายเหรอ?”"นายคิดว่านายเป็นใคร?"“รองหัวหน้าสาขาหลงเหมินรึไง?”เฮเซล มาโลนตกตะลึงเมื่อเธอจ้องมองฮาร์วีย์ด้วยความประหลาดใจแต่ในไม่ช้าเธอก็เข้าใจว่าฮาร์วีย์ลูกเขยแต่งเข้าบ้านต้องมาที่มอร์ดูเพื่อมาเป็นลูกเขยของตระกูลมาโลน ชายผู้น่าสงสารคนนี้คงจะวางแผนที่จะกอบโกยเงินทองใส่ตัวอยู่แล้วแน่!เมื่อเห็นว่าเฮเซลและสตีเว่นมาด้วยกันต้องทำให้ฮาร์วีย์อิจฉาแน่ ๆ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาหาเรื่องสตีเว่นในขณะนี้ เฮเซลได้หมายหัวไปแล้วว่าฮาร์วีย์เป็นคนใจแคบเคลลี่ มาโลนตัวสั่น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าฮาร์วีย์จะพูดอะไรแบบนั้น เขาพยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์และพูดว่า “นายน้อยวอล์คเกอร์ ฮาร์วีย์ไม่ได้หมายความอย่างนั้น เขาหมายความว
สตีเว่น วอล์คเกอร์ถอนหายใจ เขาเหนื่อยเกินกว่าจะต่อล้อต่อเถียงกับฮาร์วีย์ ยอร์กอีกต่อไป เขามองไปที่เคลลี่ มาโลนและพูดว่า “ลุงมาโลน ผมจะไม่บอกลุงของผมที่เป็นถึงรองหัวหน้าสาขาเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะเห็นแก่เฮเซลและคุณป้ามาโลน“แต่คุณควรส่งไอ้บ้านนอกนี่กลับไปยังที่ที่เขาจากมา”“ไม่อย่างนั้น ขืนปล่อยให้เขาออกไปพ่นเรื่องไร้สาระข้างนอก ผมคงช่วยอะไรไม่ได้”สตีเว่นถอนหายใจ จากนั้นหันหลังกลับและจากไปหลังจากพูดคำเหล่านั้น เขาก็รู้สึกเหมือนถูกลากเข้าไปพัวพัน ถ้าเขายังอยู่ในห้องเดียวกับฮาร์วีย์แขกคนอื่น ๆ หางตากระตุก จากนั้นทุกคนก็ยืนขึ้นและแสดงรอยยิ้มฝืน ๆ บนใบหน้า“ซีอีโอมาโลน ผมยังมีธุระที่ต้องจัดการที่บ้าน ดังนั้นผมต้องขอกลับก่อน ครั้งหน้าผมจะเป็นเจ้ามือเอง! คราวหน้านะ!"หลังจากพูดไม่กี่คำ แขกก็เพ่นไปเร็วยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีกฮาร์วีย์พ่นเรื่องไร้สาระออกมาราวกับคนบ้า พวกแขกจะมีปัญหาเช่นกันหากมีคนจากหลงเหมินรู้เรื่องนี้แขกทุกคนล้วนเป็นจิ้งจอกแก่เจ้าเล่ห์ ใครจะกล้าทำให้หลงเหมิน องค์กรธุรกิจและตระกูลขนาดใหญ่ขุ่นเคือง เพราะคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่พวกเขาเพิ่งพบ?หลังจากนั้นไม่นาน ห้องจัดเล
“คุณยังอยากได้ลูกเขยที่ถูกไล่ออกจากตระกูลอื่นและยื่นคำขาดว่าจะให้เขาแต่งงานกับลูกสาวของเราอีก?!”“เคลลี่ มาโลน คุณมันบ้าไปแล้ว! คุณมันบ้า!”เคลลี่ตอบอย่างเย็นชาว่า “เฮเซล มาโลนและฮาร์วีย์ ยอร์กเป็นคู่รักในวัยเด็ก ทั้งสองตระกูลตกลงเรื่องการแต่งงานกันไว้แล้ว ผมเพียงทำตามคำสัญญา ทำไม มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”"คุณ…"จูน ลีโกรธมากจนหายใจไม่ออก เธอนั่งบนเก้าอี้และจ้องไปที่เคลลี่ราวกับอยากจะฉีกเขาเป็นชิ้น ๆเฮเซลขมวดคิ้ว เธอรู้สึกขยะแขยงขึ้นไปอีก เมื่อเธอมองไปที่ฮาร์วีย์นอกจากการล่าเรื่องใส่ตัวแล้วแล้ว ฮาร์วีย์ยังถนัดไขว่คว้าสิ่งที่เขาไม่คู่ควรมาครองเสียด้วยเป็นเพราะฮาร์วีย์ที่ทำให้พ่อแม่ที่รักและห่วงใยกันของเฮเซลต้องทะเลาะกันแม่ของเธออาจจะเป็นลมล้มพับไปเพราะความโมโหสตีเว่น วอล์คเกอร์โกรธมากจนต้องจากไปเช่นนั้น ไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงต่อไปเมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านั้น เฮเซลก็รู้สึกขยะแขยงมากขึ้นไปอีกฮาร์วีย์ไม่ต้องการให้ตระกูลมาโลนทะเลาะกันอีก เขายืนขึ้นและหยุดคนทั้งคู่“คุณลุง คุณป้า หยุดทะเลาะกันเถอะครับ!”“ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของผมเอง!”“ฉันได้เตรียมการไว้แล้วก่อนที่จะมายังมอ
ฮาร์วีย์ ยอร์กเดินออกจากอาคารแห่งสันติ แล้วมองไปข้างหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำเขาเป็นหัวหน้าสาขาของหลงเหมินแห่งมอร์ดู และนี่คือที่ที่เขาจะเปิดเผยตัวตนของเขาแม้ว่าเคลลี่ มาโลนและครอบครัวของเขาไม่เชื่อฮาร์วีย์ แต่ในอนาคตพวกเขาจะได้รู้ฮาร์วีย์ไม่คิดที่จะอธิบายเช่นกัน เขาเรียกรถแท็กซี่และมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางที่ไทสัน วูดส์จัดไว้ให้โทรศัพท์ของฮาร์วีย์สั่น เพราะมีข้อความเข้ามาเคลลี่ขอร้องให้ฮาร์วีย์พักในโรงแรมไปก่อน จากนั้นจึงบอกฮาร์วีย์ว่าอย่าไล่ตามความฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง และให้อยู่กับความเป็นจริง นอกจากนี้เขายังเตือนฮาร์วีย์ว่าอย่าได้พูดอะไรให้มากความฮาร์วีย์อดไม่ได้ที่จะยิ้มหลังจากเห็นข้อความ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พบกันนานแล้ว แต่เคลลี่ก็ยังเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพฮาร์วีย์รู้สึกว่าเคลลี่ห่วงใยเขาอย่างแท้จริงฮาร์วีย์ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากนั้นก็ตอบกลับไปโดยไม่ได้ให้คำอธิบายมากนัก โดยบอกว่าเขามีการเตรียมการอย่างอื่นไว้แล้วและหากเขามีเวลาจะไปเยี่ยมเคลลี่อีกครั้งหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถแท็กซี่ก็มาถึงคลับส่วนตัวระดับไฮเอนด์บริเวณปากอ่าวของมอร์ดูฮาร์วีย์มาที่ห้อง
จอร์จ ซาเบลเปิดรูปภาพในโทรศัพท์ด้วยความเคารพ ก่อนส่งภาพไปยังจอโทรทัศน์ จากนั้นจึงเริ่มอธิบาย“ในบรรดาบุตรชายสี่คนจากตระกูลบาวเออร์ บุตรชายคนที่สองและสามเป็นพวกไม่เอาถ่านทั้งคู่ ไม่มีข้อดีอะไรให้พูดถึง“แต่ไอเดน ลูกชายคนโต และมาร์โกลูกชายคนเล็กเป็นคนที่ค่อนข้างมีความสามารถ“นอกจากความสามารถในการต่อสู้ที่ดีแล้ว พวกเขายังได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกผู้ก่อตั้งสาขามอร์ดู ของหลงเหมินหลายคน“ก่อนหน้านี้ ไอเดนเป็นพันธมิตรกับรองหัวหน้าสาขาอย่างจอช วอร์ด ในขณะที่มาร์โก้เข้าร่วมกองกำลังกับรองหัวหน้าสาขาอย่างจัสติน วอล์คเกอร์ “รองหัวหน้าสาขาสองคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างมีอิทธิพล แต่พวกเขาไม่ได้ช่วยเหลือเด็กหนุ่มทั้งสองคนนี้โดยไม่หวังค่าตอบแทนใด ๆ“ทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลงกันว่าเมื่อตระกูลบาวเออร์ได้เลื่อนตำแหน่ง พวกเขาจะต้องสนับสนุนรองหัวหน้าสาขาเหล่านี้และจัดตั้งให้พวกเขาได้เป็นผู้นำสาขาอย่างเป็นทางการ“ตระกูลบาวเออร์มีอิทธิพลอย่างมากต่อสาขามอร์ดูของหลงเหมิน มันคงยากที่จะไต่เต้าขึ้นไปหากปราศจากการสนับสนุนจากตระกูลบาวเออร์”จอร์จเปิดภาพอีกภาพแล้วพูดต่อ“นี่คือดรูว์ เชลตัน รองหัวหน้าสาขาเพียงคนเดีย
จอร์จ ซาเบลและโอลด์ ไนเนอร์ได้เตรียมการในมอร์ดูไว้หลายอย่างแล้ว ทั้งคู่ไม่สามารถรอให้ฮาร์วีย์ ยอร์กดำเนินการได้เพราะพวกเขาก็อยากจะมีโอกาสได้แสดงฝีมือเช่นกันฮาร์วีย์คิดแล้วตอบว่า “หากเราต้องดำเนินการตอนนี้ มันคงมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป”“ปล่อยให้พวกเขาสู้กันไปก่อน พอหัวส่วนใหญ่หายไป เราจะกวาดล้างส่วนหางเอง“มีข่าวเกี่ยวกับตระกูลสมิธบ้างไหม?”ฮาร์วีย์เปลี่ยนเรื่อง“ตระกูลสมิธ…”จอร์จมีสีหน้าเคร่งขรึม หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็กระซิบว่า “นายท่านยอร์ก ผมไร้ความสามารถ”“ผมพยายามรวบรวมข้อมูลจากทุกแหล่งที่ผมมี แต่หน่วยสอดแนมที่ส่งไปหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับมีตาที่มองไม่เห็นกำลังจ้องมองเราอยู่“นั่นคือเหตุผลที่หลังจากสูญเสียมือดีที่สุดของผมไปสองสามคน ฉันจึงห้ามไม่ให้พวกเขาทำภารกิจต่อ“ได้โปรดให้คำแนะนำผมทีว่าผมต้องทำอย่างไรต่อไป”ฮาร์วีย์รู้สึกงุนงงเล็กน้อย“หน่วยสอดแนมที่คุณฝึกฝนไม่ได้ข้อมูลอะไร และพวกเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่รู้ว่าพวกเขาตายหรือยังมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ?”จอร์จพยักหน้า"น่าสนใจ ตระกูลสมิธมีปัญหามากกว่าที่ฉันคิด คุณหรือคนของคุณอย่าได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องน
“เธอเป็นก็แค่ขยะ! ยังคิดว่าตัวเองเป็นคนเก่งที่สุดในหลงเหมินสาขามอร์ดูอีกเหรอ?!”“นายน้อยบาวเออร์ปฏิบัติต่อเธอด้วยความเคารพ!”“เธอยังไม่รู้จักรสชาติแห่งความตายหรอก แต่ขาก็ก้าวลงนรกไปครึ่งหนึ่งแล้ว!”“เธอควรจะยอมสละและแบ่งหุ้นที่เป็นของนายน้อยบาวเออร์ แล้วเธอก็จะสามารถเพลิดเพลินกับเกียรติยศและความร่ำรวยทั้งหมดที่เธอเคยมีได้! มึอาหารดี ๆ และชุดสวย ๆ ที่เคยได้ใส่!”“แต่เธอมันไม่มีหัวคิด! เรื่องนี้เธอจะโทษใครได้?!“มา พาเธอกลับมา! นายน้อยบาวเออร์รออยู่!”ในขณะที่ผู้นำกลุ่มกำลังพูด เขาก็ตบหน้าเธออีกสองครั้ง ราเชล ฮาร์ดีดูคล้ายกับว่าเธอกำลังจะเป็นลมหลังจากถูกทุบตีอย่างหนักแต่เรเชลยังคงมีสติสัมปชัญญะอยู่บ้าง เธอมองไปยังทิศทางของฮาร์วีย์ ยอร์ก และคนอื่น ๆ โดยไม่รู้ตัว จากนั้นจึงพึมพำเบา ๆ ว่า “ช่วยฉันด้วย…”เพี๊ยะ!นักสู้คนนั้นตบหน้าเธออีกครั้ง จากนั้นอุทานอย่างเย็นชา “ช่วยเธอเหรอ? ใครจะกล้า?! ใครจะยอมเหยียบหน้านายน้อยบาวเออร์?!”เขาชี้ไปที่ฮาร์วีย์หลังจากพูดคำเหล่านั้น จากนั้นพูดอย่างเย็นชา “จำไว้ นายไม่เห็นอะไรทั้งนั้น! นายไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง!”“หากนายไม่ฟัง ฉันจะฆ่านาย!”นั