ชายและหญิงสวมเครื่องประดับหรูหราและอัญมณีมาถึงพร้อมกันในขณะนี้ชายผู้นั้นสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร เขาหล่อและดูเรียบร้อย แถมยังเขาสวมแว่นตากรอบทองและดูอ่อนโยนมาก แต่ผิวซีดของเขาและกลิ่นหอมจาง ๆ จากร่างกายทำให้เขาดูคล้ายกับเด็กสาวในสายตาของคนรุ่นเก่าเขาอาจจะดูไม่สมชายชาตรีนักสำหรับผู้หญิงเธอสูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ใบหน้าของเธอบอบบางราวกับหยก เสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา และเครื่องประดับของเธอมีราคารวมเท่ากับเงินเดือนของคนธรรมดาถึงสิบปีเสื้อผ้าของเธอมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มันเผยให้เห็นเอวเล็ก ๆ ของเธอ ซึ่งทำให้ผู้คนอยากสัมผัสมันโดยไม่รู้ตัวสองคนนั้นคือ สตีเว่น วอล์คเกอร์ และเฮเซล มาโลน“นายน้อยวอล์คเกอร์ไม่ใช่หรือ? ฉันกำลังสงสัยว่าทำไมถึงมีนกกางเขนบินเข้ามาในห้องของเรา! ปรากฎว่าเป็นคุณนี่เอง ใจดีจริง ๆ มานี่ด้วยตัวเองเชียว!”จูน ลีซึ่งตอนนี้มีใบหน้าของเธอดำคล้ำเหมือนน้ำหมึก กลับมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้า เธอประจบสอพลอคนที่เพิ่งมาถึง“เฮเซล ลูกไม่ได้ไปสัมภาษณ์ที่ไคเซ็น กรุ๊ปเหรอ?”เฮเซลยิ้มน้อย ๆ เผยให้ด้านที่มีเสน่ห์ของเธอ “ด้วยความช่วยเหลือจากนายน้อยวอล์คเกอร์ การสั
ฮาร์วีย์ ยอร์กดูเฉยเมยและจิบชาของตัวเองการโอ้อวดแบบนี้ทำอะไรเขาไม่ได้เว้นเสียแต่ว่าสตีเว่น วอล์คเกอร์จะซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินและวางมันไว้ข้างหน้าเขา หาไม่ใช่แบบนั้น ฮาร์วีย์ก็จะไม่รู้สึกอะไรสำหรับเคลลี่ มาโลน เขามีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย ดังนั้นเขาจึงเกลียดพฤติกรรมอวดรวยแบบนี้ไปโดยปริยายแต่ปัญหาคือสตีเว่นไม่ได้พูดอะไรออกมาเอง กลับเป็นจูน ลีที่ฉวยโอกาสนี้เยาะเย้ยฮาร์วีย์ ดังนั้นสตีเว่นจึงไม่ได้พูดอะไร“เอาล่ะครับ คุณลุง!”สตีเว่นหยิบกล่องของขวัญออกมา เขาวางมันลงบนโต๊ะ ฉีกยิ้มและพูดว่า “คุณลุงครับ นี่คือวิสกี้ที่กลุ่มไคเซ็นของเราขายดีมาก ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรุณารับมันไปนะครับ! นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับสุขภาพของคุณลุง ช่วยให้อายุยืนแข็งแรง ถือเป็นของขวัญแทนความขอบคุณของผม”“มันไม่แพงอะไรนัก ดังนั้นโปรดอย่าถือสาเลย”เคลลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เขายังคงพูดว่า “ขอบคุณ”“นี่คือวิสกี้ในตำนานที่คนในแวดวงชนชั้นสูงดื่มกันหรือ?” จูนรู้สึกประหลาดใจเมื่อมองดูสิ่งนี้ “ว่ากันว่าการดื่มมันอย่างต่อเนื่องจะสามารถช่วยกระตุ้นเซลล์และคงความเป็นหนุ่มสาวได้นานหลายทศวรรษ”“ว่ากันว่ามันขายหมดไปนานแล้ว แม
“ที่แม่บ่นเมื่อวานไง ที่บอกว่าพ่อกำลังจะเอาญาติที่น่าสงสารมาเลี้ยงอีกแล้ว!”“ไม่คิดเลยว่าจะเป็นฮาร์วีย์ ยอร์ก!”“ทำไมเขาถึงกล้าไปร่วมงานเลี้ยงกัน? เมื่อเทียบกับนายน้อยวอล์คเกอร์แล้ว ฮาร์วีย์ก็ไม่ต่างไปจากขอทาน”“ทำไมตอนยังเด็กฉันถึงคิดว่าเขาหล่อกันนะ”เฮเซล มาโลนมองไปที่ฮาร์วีย์และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ จากนั้นจึงเปรียบเทียบสตีเว่น วอล์คเกอร์กับฮาร์วีย์ คนรักในวัยเด็กของเธอโดยไม่รู้ตัวเธอไม่รู้ว่าการเปรียบเทียบนั้นน่ากลัวแค่ไหนจนกระทั่งถึงตอนนี้!สตีเว่นมีความสามารถพิเศษตั้งแต่อายุยังน้อย เขาได้เป็นผู้จัดการด้านธุรกิจของไคเซ็น กรุ๊ป ตอนนี้เขายังเข้าร่วมชมรมรถออฟโรดของมอร์ดู และเป็นถึงหลานชายของรองหัวหน้าสาขาวอล์คเกอร์อีกหากไม่พูดถึงเส้นสาย อิทธิพล หรือความสามารถ คนสำคัญเช่นนี้ก็นับว่าเป็นบุรุษอันดับต้น ๆ ในมอร์ดูอยู่แล้วเมื่อเทียบกับเขาแล้วฮาร์วีย์ไม่คู่ควรที่จะถือรองเท้าให้เขาด้วยซ้ำความสัมพันธ์ในวัยเด็กของฮาร์วีย์และเฮเซล แค่คิดถึงเรื่องนี้เธอก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว'ตอนยังเด็กเธอคงตาบอดไปแล้ว ถึงขนาดคิดที่จะแต่งงานกับเขาด้วยซ้ำ!'แต่เมื่อฮาร์วีย์เห็นเฮเซล เขาก็แค่พยักหน้าอ
ฝูงชนเงียบกริบหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทุกคนต่างตกตะลึงในขณะที่มองไปที่ฮาร์วีย์ ยอร์ก“ฮาร์วีย์ นายหมายความว่ายังไง?”คิ้วของจูน ลีขมวดมุ่น เธอโกรธมาก“สตีเว่น วอล์คเกอร์ให้เกียรติจับมือกับนาย เป็นโอกาสสำหรับนาย ถ้านายไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร แต่นายกลับมาบอกว่าเขาไม่มีสิทธิ์จับมือนายงั้นเหรอ?”“นายบอกว่าเขามีสถานะ ความสามารถ และตัวตนต่ำต้อยเกินไป?”“แถมยังไม่คู่ควรที่จะจับมือนายเหรอ?”"นายคิดว่านายเป็นใคร?"“รองหัวหน้าสาขาหลงเหมินรึไง?”เฮเซล มาโลนตกตะลึงเมื่อเธอจ้องมองฮาร์วีย์ด้วยความประหลาดใจแต่ในไม่ช้าเธอก็เข้าใจว่าฮาร์วีย์ลูกเขยแต่งเข้าบ้านต้องมาที่มอร์ดูเพื่อมาเป็นลูกเขยของตระกูลมาโลน ชายผู้น่าสงสารคนนี้คงจะวางแผนที่จะกอบโกยเงินทองใส่ตัวอยู่แล้วแน่!เมื่อเห็นว่าเฮเซลและสตีเว่นมาด้วยกันต้องทำให้ฮาร์วีย์อิจฉาแน่ ๆ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาหาเรื่องสตีเว่นในขณะนี้ เฮเซลได้หมายหัวไปแล้วว่าฮาร์วีย์เป็นคนใจแคบเคลลี่ มาโลนตัวสั่น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าฮาร์วีย์จะพูดอะไรแบบนั้น เขาพยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์และพูดว่า “นายน้อยวอล์คเกอร์ ฮาร์วีย์ไม่ได้หมายความอย่างนั้น เขาหมายความว
สตีเว่น วอล์คเกอร์ถอนหายใจ เขาเหนื่อยเกินกว่าจะต่อล้อต่อเถียงกับฮาร์วีย์ ยอร์กอีกต่อไป เขามองไปที่เคลลี่ มาโลนและพูดว่า “ลุงมาโลน ผมจะไม่บอกลุงของผมที่เป็นถึงรองหัวหน้าสาขาเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะเห็นแก่เฮเซลและคุณป้ามาโลน“แต่คุณควรส่งไอ้บ้านนอกนี่กลับไปยังที่ที่เขาจากมา”“ไม่อย่างนั้น ขืนปล่อยให้เขาออกไปพ่นเรื่องไร้สาระข้างนอก ผมคงช่วยอะไรไม่ได้”สตีเว่นถอนหายใจ จากนั้นหันหลังกลับและจากไปหลังจากพูดคำเหล่านั้น เขาก็รู้สึกเหมือนถูกลากเข้าไปพัวพัน ถ้าเขายังอยู่ในห้องเดียวกับฮาร์วีย์แขกคนอื่น ๆ หางตากระตุก จากนั้นทุกคนก็ยืนขึ้นและแสดงรอยยิ้มฝืน ๆ บนใบหน้า“ซีอีโอมาโลน ผมยังมีธุระที่ต้องจัดการที่บ้าน ดังนั้นผมต้องขอกลับก่อน ครั้งหน้าผมจะเป็นเจ้ามือเอง! คราวหน้านะ!"หลังจากพูดไม่กี่คำ แขกก็เพ่นไปเร็วยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีกฮาร์วีย์พ่นเรื่องไร้สาระออกมาราวกับคนบ้า พวกแขกจะมีปัญหาเช่นกันหากมีคนจากหลงเหมินรู้เรื่องนี้แขกทุกคนล้วนเป็นจิ้งจอกแก่เจ้าเล่ห์ ใครจะกล้าทำให้หลงเหมิน องค์กรธุรกิจและตระกูลขนาดใหญ่ขุ่นเคือง เพราะคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่พวกเขาเพิ่งพบ?หลังจากนั้นไม่นาน ห้องจัดเล
“คุณยังอยากได้ลูกเขยที่ถูกไล่ออกจากตระกูลอื่นและยื่นคำขาดว่าจะให้เขาแต่งงานกับลูกสาวของเราอีก?!”“เคลลี่ มาโลน คุณมันบ้าไปแล้ว! คุณมันบ้า!”เคลลี่ตอบอย่างเย็นชาว่า “เฮเซล มาโลนและฮาร์วีย์ ยอร์กเป็นคู่รักในวัยเด็ก ทั้งสองตระกูลตกลงเรื่องการแต่งงานกันไว้แล้ว ผมเพียงทำตามคำสัญญา ทำไม มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”"คุณ…"จูน ลีโกรธมากจนหายใจไม่ออก เธอนั่งบนเก้าอี้และจ้องไปที่เคลลี่ราวกับอยากจะฉีกเขาเป็นชิ้น ๆเฮเซลขมวดคิ้ว เธอรู้สึกขยะแขยงขึ้นไปอีก เมื่อเธอมองไปที่ฮาร์วีย์นอกจากการล่าเรื่องใส่ตัวแล้วแล้ว ฮาร์วีย์ยังถนัดไขว่คว้าสิ่งที่เขาไม่คู่ควรมาครองเสียด้วยเป็นเพราะฮาร์วีย์ที่ทำให้พ่อแม่ที่รักและห่วงใยกันของเฮเซลต้องทะเลาะกันแม่ของเธออาจจะเป็นลมล้มพับไปเพราะความโมโหสตีเว่น วอล์คเกอร์โกรธมากจนต้องจากไปเช่นนั้น ไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงต่อไปเมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านั้น เฮเซลก็รู้สึกขยะแขยงมากขึ้นไปอีกฮาร์วีย์ไม่ต้องการให้ตระกูลมาโลนทะเลาะกันอีก เขายืนขึ้นและหยุดคนทั้งคู่“คุณลุง คุณป้า หยุดทะเลาะกันเถอะครับ!”“ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของผมเอง!”“ฉันได้เตรียมการไว้แล้วก่อนที่จะมายังมอ
ฮาร์วีย์ ยอร์กเดินออกจากอาคารแห่งสันติ แล้วมองไปข้างหลังโดยไม่พูดอะไรสักคำเขาเป็นหัวหน้าสาขาของหลงเหมินแห่งมอร์ดู และนี่คือที่ที่เขาจะเปิดเผยตัวตนของเขาแม้ว่าเคลลี่ มาโลนและครอบครัวของเขาไม่เชื่อฮาร์วีย์ แต่ในอนาคตพวกเขาจะได้รู้ฮาร์วีย์ไม่คิดที่จะอธิบายเช่นกัน เขาเรียกรถแท็กซี่และมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางที่ไทสัน วูดส์จัดไว้ให้โทรศัพท์ของฮาร์วีย์สั่น เพราะมีข้อความเข้ามาเคลลี่ขอร้องให้ฮาร์วีย์พักในโรงแรมไปก่อน จากนั้นจึงบอกฮาร์วีย์ว่าอย่าไล่ตามความฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง และให้อยู่กับความเป็นจริง นอกจากนี้เขายังเตือนฮาร์วีย์ว่าอย่าได้พูดอะไรให้มากความฮาร์วีย์อดไม่ได้ที่จะยิ้มหลังจากเห็นข้อความ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พบกันนานแล้ว แต่เคลลี่ก็ยังเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพฮาร์วีย์รู้สึกว่าเคลลี่ห่วงใยเขาอย่างแท้จริงฮาร์วีย์ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากนั้นก็ตอบกลับไปโดยไม่ได้ให้คำอธิบายมากนัก โดยบอกว่าเขามีการเตรียมการอย่างอื่นไว้แล้วและหากเขามีเวลาจะไปเยี่ยมเคลลี่อีกครั้งหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถแท็กซี่ก็มาถึงคลับส่วนตัวระดับไฮเอนด์บริเวณปากอ่าวของมอร์ดูฮาร์วีย์มาที่ห้อง
จอร์จ ซาเบลเปิดรูปภาพในโทรศัพท์ด้วยความเคารพ ก่อนส่งภาพไปยังจอโทรทัศน์ จากนั้นจึงเริ่มอธิบาย“ในบรรดาบุตรชายสี่คนจากตระกูลบาวเออร์ บุตรชายคนที่สองและสามเป็นพวกไม่เอาถ่านทั้งคู่ ไม่มีข้อดีอะไรให้พูดถึง“แต่ไอเดน ลูกชายคนโต และมาร์โกลูกชายคนเล็กเป็นคนที่ค่อนข้างมีความสามารถ“นอกจากความสามารถในการต่อสู้ที่ดีแล้ว พวกเขายังได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกผู้ก่อตั้งสาขามอร์ดู ของหลงเหมินหลายคน“ก่อนหน้านี้ ไอเดนเป็นพันธมิตรกับรองหัวหน้าสาขาอย่างจอช วอร์ด ในขณะที่มาร์โก้เข้าร่วมกองกำลังกับรองหัวหน้าสาขาอย่างจัสติน วอล์คเกอร์ “รองหัวหน้าสาขาสองคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างมีอิทธิพล แต่พวกเขาไม่ได้ช่วยเหลือเด็กหนุ่มทั้งสองคนนี้โดยไม่หวังค่าตอบแทนใด ๆ“ทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลงกันว่าเมื่อตระกูลบาวเออร์ได้เลื่อนตำแหน่ง พวกเขาจะต้องสนับสนุนรองหัวหน้าสาขาเหล่านี้และจัดตั้งให้พวกเขาได้เป็นผู้นำสาขาอย่างเป็นทางการ“ตระกูลบาวเออร์มีอิทธิพลอย่างมากต่อสาขามอร์ดูของหลงเหมิน มันคงยากที่จะไต่เต้าขึ้นไปหากปราศจากการสนับสนุนจากตระกูลบาวเออร์”จอร์จเปิดภาพอีกภาพแล้วพูดต่อ“นี่คือดรูว์ เชลตัน รองหัวหน้าสาขาเพียงคนเดีย