เบนจามิน ลินช์เก็บหมายเลขโทรศัพท์ไปอย่างระมัดระวังและขอให้โยนา ลินช์มารับมันไว้ เขาพูดว่า “น้องยอร์กคุณสามารถให้โยนาช่วยคุณได้ทุกอย่างที่คุณต้องการในมอร์ดู”“พวกเรา ตระกูลลินช์ค่อนข้างมีอิทธิพลในดินแดนมอร์ดูของเรา ผมสัญญาว่าทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างราบรื่น”เห็นได้ชัดว่าเบนจามินยังสัมผัสว่าฮาร์วีย์ ยอร์กมาที่มอร์ดูด้วยเรื่องใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดูจะน่าลำบากใจ!แต่เขาติดหนี้บุญคุณฮาร์วีย์ที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ดังนั้นเขาจึงประกาศอย่างชัดเจนว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะยืนหยัดเคียงข้างฮาร์วีย์อย่างแน่นอนเขายังพยายามดึงฮาร์วีย์มาอยู่ข้างกายเขาย่อมต้องสนใจปรมาจารย์อย่างฮาร์วีย์แม้ว่าโยนาจะเย็นชาและดื้อรั้นไปสักหน่อย แต่เธอไม่ใช่คนโง่จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับทัศนคติของเบนจามิน เธอเข้าใจว่าฮาร์วีย์คือบุคคลที่พวกเขาต้องดึงเข้ามาเป็นพวกโยนากล่าวด้วยความเคารพว่า “พี่ยอร์กฉันต้องขอโทษที่คิดน้อยและทำให้ขุ่นเคืองใจเมื่อครู่!“ถ้าในอนาคตคุณต้องการอะไร บอกฉันได้เลย!”ฮาร์วีย์ยิ้มและพูดว่า “ด้วยความยินดี คุณลินช์ คุณใจดีมาก”เขาหยิบนามบัตรของโยนาขึ้นมาขณะพูดพวกเขาดูเหมือนจะเป็นคนที่มีภูมิหล
หลังจากที่โยนา ลินช์ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และเธอก็พูดต่อว่า “แต่ถ้าเขามาจากประเทศหมู่เกาะ…”เบนจามิน ลินช์หรี่ตาและพูดอย่างเฉยเมยว่า “นั่นไม่น่าเป็นไปได้หรอก แต่ถ้าได้รับการยืนยันว่าเขามาจากประเทศหมู่เกาะจริง หลังจากเราช่วยเขาสามครั้งและตอบแทนบุญคุณของเขาได้แล้ว ก็ฆ่าเขาทิ้งซะ”โยนาขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “เข้าใจแล้วค่ะ!”เบนจามินมองดูสีหน้าของโยนา ก่อนจะหัวเราะและพูดว่า “ทำไม? เธอชอบเขาเหรอ? คิดว่าเขาไม่ใช่คนเลวอย่างนั้นใช่ไหม?“ฉันก็ยังคิดว่าเขาไม่ใช่คนเลว แค่ว่าตระกูลลินช์เป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของประเทศ H ที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งกว่านั้น ฉันก็เป็นผู้บังคับบัญชาลำดับต้น ๆ จึงต้องระมัดระวังหลายอย่าง ระวังตัวไว้ก่อนก็จะดีกว่า”“หากเราพบว่าเราเข้าใจเขาผิดจริง ๆ เราอาจมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาทีหลังก็ได้ คิดว่าน้องยอร์กคงเข้าใจเรา”ใบหน้าของโยนาขึ้สีเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ก้มหัวลงและพูดว่า “นายท่าน ไม่ต้องกังวล ดิฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง”เบนจามินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ “อ้อ ใช่ มีอีกเรื่องที่สำคัญ เธอต้องหาให้ได้ว่าใครคือคนที่พยายามจะลอบสังหารฉันก่อนหน้านี้”
เจเรมี่ มาโลนมีสีหน้าเย็นชาทันทีที่เขานึกถึงเรื่องนี้ เขาเปิดประตูรถพร้อมกับคาบบุหรี่ไว้ในปากและพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “เอาข้าวของของนายไปใส่ในกระโปรงหลังรถ ระวังด้วย อย่าทำให้มันสกปรก”“แล้วก็ไปนั่งข้างหลัง หลังจากขึ้นรถแล้วก็ถอดรองเท้า ถือไว้ อย่าให้รถสกปรก!”“สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือการที่คนบ้านนอกอย่างนายมาที่นี่เพื่อเบียดเบียนซีอีโอมาโลน บอกไว้เลยนะ ฉันจะไม่ให้โอกาสนายได้ทำอย่างนั้นแน่!”ปัง!ฮาร์วีย์ ยอร์กมีท่าทีเฉยชา เขาเตะเจเรมี่ลงไปกับพื้นในทันทีเจเรมี่โกรธจัด “ไอ้เ*รนี่ แกจะเอาใช่ไหม?!”เพี๊ยะ!จากนั้นฮาร์วีย์ก็ตบหน้าเจเรมี่อย่างแรง ทำให้เขาก็กระเด็นออกไปทันที รอยฝ่ามือสีแดงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาเจเรมี่กุมใบหน้าอย่างไม่เชื่อ เขาไม่เคยคิดว่าฮาร์วีย์จะกล้าทำร้ายเขาแต่คนอย่างเขามักจะรังแกคนขี้ขลาดเสมอ เมื่อเห็นสีหน้าเฉยเมยของฮาร์วีย์ เขาก็สั่นโดยไม่รู้ตัวและพูดว่า “น้องยอร์ก เอาล่ะ ได้โปรด ได้โปรด!”หลังจากถูกฮาร์วีย์ตบหน้า เขาก็ไม่โอหังเหมือนเดิมจากนั้นฮาร์วีย์ก็เข้าไปนั่งเบาะหลังโดยไม่สนใจเจเรมี่ที่ตีหน้าขรึมอยู่ในขณะนี้แน่นอนว่าฮาร์วีย์จำเป็นต้องสอนบทเรียนให้กั
ฮาร์วีย์ ยอร์กตกตะลึงขณะมองดูสถานที่นี้นี่คือร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในปากอ่าวของมอร์ดู ว่ากันว่าร้านนี้มีประวัติยาวนานกว่าร้อยปีสถานที่นี้มีคุณภาพและมีระดับ มันมีบรรยากาศระดับไฮเอนด์ ซึ่งหรูหราและทันสมัยการรับประทานอาหารในสถานที่ดังกล่าว อาหารสักจานอาจมีราคาหลายร้อยดอลลาร์ หากต้องการจองห้องจะต้องมีจ่ายอย่างน้อยสองพันสามร้อยเหรียญเลยทีเดียวราคาดูเหมือนจะไม่น่ากลัว แต่คนจากชนชั้นแรงงานธรรมดา ๆ ไม่อาจใช้จ่ายในสถานที่ดังกล่าวได้เคลลี่ไปได้สวยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และถือว่าเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จแล้วสำหรับจูน ลี ภรรยาของเขาก็มีข่าวลือว่าเธอเปิดเฟรนไชน์ร้านเสริมสวย และธุรกิจก็ไปได้ดี รายได้ปีละหลายแสนเหรียญได้อย่างไม่ยากเย็นตระกูลเช่นพวกเขาเรียกได้ว่าอยู่ในวงชนชั้นสูงแห่งมอร์ดูเลยทีเดียว แต่พวกเขาสูงส่งเกินมาจะมารับประทานอะไรในที่แห่งนี้แล้ว“น้องยอร์ก กรุณาเข้าไป!”เจเรมี่ มาโลนรู้แล้วว่าญาติที่ดูน่าสงสารคนนี้เป็นคนโหดเหี้ยม เขารู้สึกว่าเขาสูงส่งชนิดที่ไม่มีใครเทียบได้ เขาไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับฮาร์วีย์ เขาจึงนำฮาร์วีย์เข้าสู่อาคารแห่งสันติภาพด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“คุณนา
ฮาร์วีย์ ยอร์กขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนเป็นเย็นชา“ฮาร์วีย์ หลานอยู่ที่นี่แล้วเหรอ”น้ำเสียงอบอุ่นดังมาจากด้านหลังในขณะนี้จากนั้นก็มีมือใหญ่ยื่นออกมาและตบไหล่ของฮาร์วีย์“ไอ้หนู หลานโตแล้วจริง ๆ เปลี่ยนไปเยอะเลย แต่ใบหน้าของหลานยังคงอ่อนโยนและบอบบางเหมือนเดิม”“หากเจอกันบนถนน ยังไงลุงก็ต้องจำหลานได้”เคลลี่ มาโลนมองไปยังฮาร์วีย์ด้วยความรู้สึกโล่งใจบนใบหน้าฮาร์วีย์หันศีรษะไปและเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย เขายิ้ม “ลุงมาโลน ผมไม่ได้เจอลุงมาสิบกว่าปีแล้ว”“อืม หลานมาถูกเวลาแล้ว เมื่อที่โทรหาหลานเมื่อวานนี้ ลุงยังกังวลว่าจะได้เจอหลานเมื่อไหร่ ไม่คิดเลยว่าหลานจะมาปรากฏตัวที่นี่วันนี้!“ไหน ๆ ก็มาแล้ว มาสนุกกันเถอะ!“ในมอร์ดูมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากมาย คนหนุ่มสาวควรมาที่นี่เพื่อเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น หลานต้องการไปที่ไหนและต้องการซื้ออะไรก็บอกมาได้เลย ลุงจะจัดการให้เอง”เคลลี่หยิบบัตรธนาคารออกมาและกำลังจะมอบให้ฮาร์วีย์เห็นได้ชัดว่าเขาดีกับฮาร์วีย์มากแต่เมื่อเห็นฉากนี้ใบหน้าของจูน ลีก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา จากนั้นเธอก็มองไปที่ฮาร์วีย์ด้วยความรังเกียจ'เพิ่งได้รับโทร
“ฮาร์วีย์ เข้ามานั่งข้างลุงสิ ป้าของหลานคิดแต่เรื่องฉ้อฉลทั้งวัน อย่าไปสนใจเธอเลย!”เคลลี่ มาโลนนำฮาร์วีย์ ยอร์กเข้ามาในห้องและเมินเฉยจูน ลี ซึ่งกำลังเดือดดาลอยู่ทันทีจูนโกรธมากจนหางตากระตุก เธออยากจะตบเคลลี่สักฉาด และยังคิดไปว่าจะบีบคอฮาร์วีย์คนหน้าด้านเช่นเขาให้ตายฮาร์วีย์ไม่ได้ตั้งใจที่จะทานอาหารมื้อนี้ เขารู้ว่าอาหารมื้อนี้คงไม่อร่อยตั้งแต่ที่จูนปฏิบัติต่อเขาด้วยความดูถูกเหยียดหยามแต่เนื่องจากเคลลี่ปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี เขาจึงไม่อาจทำให้เขาผิดหวังได้“ทุกคน ผมขอแนะนำคุณให้รู้จัก นี่คือลูกชายของเพื่อนเก่าผมเอง ชื่อฮาร์วีย์ เขามาที่มอร์ดูในครั้งนี้เพื่อการพัฒนาธุรกิจ เพื่อเห็นแก่ผลช่วยดูแลเขาในอนาคตด้วย!”เมื่อเข้าไปในห้อง เคลลี่แนะนำฮาร์วีย์ด้วยท่าทางกระตือรือร้นเขาเพิ่งโทรไปเมื่อวานนี้ และในวันนี้ฮาร์วีย์ก็มาถึงมอร์ดูทันที ดังนั้นเคลลี่จึงคิดว่าฮาร์วีย์ตั้งใจมาหาเขาอย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ ตรงกันข้าม เขารู้สึกโล่งใจเล็กน้อยแขกที่มาร่วมงานล้วนเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจของเคลลี่ แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งคู่ แต่พวกเขาทุกคนก็ยังรักษา
ชายและหญิงสวมเครื่องประดับหรูหราและอัญมณีมาถึงพร้อมกันในขณะนี้ชายผู้นั้นสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร เขาหล่อและดูเรียบร้อย แถมยังเขาสวมแว่นตากรอบทองและดูอ่อนโยนมาก แต่ผิวซีดของเขาและกลิ่นหอมจาง ๆ จากร่างกายทำให้เขาดูคล้ายกับเด็กสาวในสายตาของคนรุ่นเก่าเขาอาจจะดูไม่สมชายชาตรีนักสำหรับผู้หญิงเธอสูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ใบหน้าของเธอบอบบางราวกับหยก เสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา และเครื่องประดับของเธอมีราคารวมเท่ากับเงินเดือนของคนธรรมดาถึงสิบปีเสื้อผ้าของเธอมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มันเผยให้เห็นเอวเล็ก ๆ ของเธอ ซึ่งทำให้ผู้คนอยากสัมผัสมันโดยไม่รู้ตัวสองคนนั้นคือ สตีเว่น วอล์คเกอร์ และเฮเซล มาโลน“นายน้อยวอล์คเกอร์ไม่ใช่หรือ? ฉันกำลังสงสัยว่าทำไมถึงมีนกกางเขนบินเข้ามาในห้องของเรา! ปรากฎว่าเป็นคุณนี่เอง ใจดีจริง ๆ มานี่ด้วยตัวเองเชียว!”จูน ลีซึ่งตอนนี้มีใบหน้าของเธอดำคล้ำเหมือนน้ำหมึก กลับมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้า เธอประจบสอพลอคนที่เพิ่งมาถึง“เฮเซล ลูกไม่ได้ไปสัมภาษณ์ที่ไคเซ็น กรุ๊ปเหรอ?”เฮเซลยิ้มน้อย ๆ เผยให้ด้านที่มีเสน่ห์ของเธอ “ด้วยความช่วยเหลือจากนายน้อยวอล์คเกอร์ การสั
ฮาร์วีย์ ยอร์กดูเฉยเมยและจิบชาของตัวเองการโอ้อวดแบบนี้ทำอะไรเขาไม่ได้เว้นเสียแต่ว่าสตีเว่น วอล์คเกอร์จะซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินและวางมันไว้ข้างหน้าเขา หาไม่ใช่แบบนั้น ฮาร์วีย์ก็จะไม่รู้สึกอะไรสำหรับเคลลี่ มาโลน เขามีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย ดังนั้นเขาจึงเกลียดพฤติกรรมอวดรวยแบบนี้ไปโดยปริยายแต่ปัญหาคือสตีเว่นไม่ได้พูดอะไรออกมาเอง กลับเป็นจูน ลีที่ฉวยโอกาสนี้เยาะเย้ยฮาร์วีย์ ดังนั้นสตีเว่นจึงไม่ได้พูดอะไร“เอาล่ะครับ คุณลุง!”สตีเว่นหยิบกล่องของขวัญออกมา เขาวางมันลงบนโต๊ะ ฉีกยิ้มและพูดว่า “คุณลุงครับ นี่คือวิสกี้ที่กลุ่มไคเซ็นของเราขายดีมาก ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรุณารับมันไปนะครับ! นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับสุขภาพของคุณลุง ช่วยให้อายุยืนแข็งแรง ถือเป็นของขวัญแทนความขอบคุณของผม”“มันไม่แพงอะไรนัก ดังนั้นโปรดอย่าถือสาเลย”เคลลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เขายังคงพูดว่า “ขอบคุณ”“นี่คือวิสกี้ในตำนานที่คนในแวดวงชนชั้นสูงดื่มกันหรือ?” จูนรู้สึกประหลาดใจเมื่อมองดูสิ่งนี้ “ว่ากันว่าการดื่มมันอย่างต่อเนื่องจะสามารถช่วยกระตุ้นเซลล์และคงความเป็นหนุ่มสาวได้นานหลายทศวรรษ”“ว่ากันว่ามันขายหมดไปนานแล้ว แม