เจเรมี่ มาโลนมีสีหน้าเย็นชาทันทีที่เขานึกถึงเรื่องนี้ เขาเปิดประตูรถพร้อมกับคาบบุหรี่ไว้ในปากและพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “เอาข้าวของของนายไปใส่ในกระโปรงหลังรถ ระวังด้วย อย่าทำให้มันสกปรก”“แล้วก็ไปนั่งข้างหลัง หลังจากขึ้นรถแล้วก็ถอดรองเท้า ถือไว้ อย่าให้รถสกปรก!”“สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือการที่คนบ้านนอกอย่างนายมาที่นี่เพื่อเบียดเบียนซีอีโอมาโลน บอกไว้เลยนะ ฉันจะไม่ให้โอกาสนายได้ทำอย่างนั้นแน่!”ปัง!ฮาร์วีย์ ยอร์กมีท่าทีเฉยชา เขาเตะเจเรมี่ลงไปกับพื้นในทันทีเจเรมี่โกรธจัด “ไอ้เ*รนี่ แกจะเอาใช่ไหม?!”เพี๊ยะ!จากนั้นฮาร์วีย์ก็ตบหน้าเจเรมี่อย่างแรง ทำให้เขาก็กระเด็นออกไปทันที รอยฝ่ามือสีแดงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาเจเรมี่กุมใบหน้าอย่างไม่เชื่อ เขาไม่เคยคิดว่าฮาร์วีย์จะกล้าทำร้ายเขาแต่คนอย่างเขามักจะรังแกคนขี้ขลาดเสมอ เมื่อเห็นสีหน้าเฉยเมยของฮาร์วีย์ เขาก็สั่นโดยไม่รู้ตัวและพูดว่า “น้องยอร์ก เอาล่ะ ได้โปรด ได้โปรด!”หลังจากถูกฮาร์วีย์ตบหน้า เขาก็ไม่โอหังเหมือนเดิมจากนั้นฮาร์วีย์ก็เข้าไปนั่งเบาะหลังโดยไม่สนใจเจเรมี่ที่ตีหน้าขรึมอยู่ในขณะนี้แน่นอนว่าฮาร์วีย์จำเป็นต้องสอนบทเรียนให้กั
ฮาร์วีย์ ยอร์กตกตะลึงขณะมองดูสถานที่นี้นี่คือร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในปากอ่าวของมอร์ดู ว่ากันว่าร้านนี้มีประวัติยาวนานกว่าร้อยปีสถานที่นี้มีคุณภาพและมีระดับ มันมีบรรยากาศระดับไฮเอนด์ ซึ่งหรูหราและทันสมัยการรับประทานอาหารในสถานที่ดังกล่าว อาหารสักจานอาจมีราคาหลายร้อยดอลลาร์ หากต้องการจองห้องจะต้องมีจ่ายอย่างน้อยสองพันสามร้อยเหรียญเลยทีเดียวราคาดูเหมือนจะไม่น่ากลัว แต่คนจากชนชั้นแรงงานธรรมดา ๆ ไม่อาจใช้จ่ายในสถานที่ดังกล่าวได้เคลลี่ไปได้สวยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และถือว่าเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จแล้วสำหรับจูน ลี ภรรยาของเขาก็มีข่าวลือว่าเธอเปิดเฟรนไชน์ร้านเสริมสวย และธุรกิจก็ไปได้ดี รายได้ปีละหลายแสนเหรียญได้อย่างไม่ยากเย็นตระกูลเช่นพวกเขาเรียกได้ว่าอยู่ในวงชนชั้นสูงแห่งมอร์ดูเลยทีเดียว แต่พวกเขาสูงส่งเกินมาจะมารับประทานอะไรในที่แห่งนี้แล้ว“น้องยอร์ก กรุณาเข้าไป!”เจเรมี่ มาโลนรู้แล้วว่าญาติที่ดูน่าสงสารคนนี้เป็นคนโหดเหี้ยม เขารู้สึกว่าเขาสูงส่งชนิดที่ไม่มีใครเทียบได้ เขาไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับฮาร์วีย์ เขาจึงนำฮาร์วีย์เข้าสู่อาคารแห่งสันติภาพด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“คุณนา
ฮาร์วีย์ ยอร์กขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนเป็นเย็นชา“ฮาร์วีย์ หลานอยู่ที่นี่แล้วเหรอ”น้ำเสียงอบอุ่นดังมาจากด้านหลังในขณะนี้จากนั้นก็มีมือใหญ่ยื่นออกมาและตบไหล่ของฮาร์วีย์“ไอ้หนู หลานโตแล้วจริง ๆ เปลี่ยนไปเยอะเลย แต่ใบหน้าของหลานยังคงอ่อนโยนและบอบบางเหมือนเดิม”“หากเจอกันบนถนน ยังไงลุงก็ต้องจำหลานได้”เคลลี่ มาโลนมองไปยังฮาร์วีย์ด้วยความรู้สึกโล่งใจบนใบหน้าฮาร์วีย์หันศีรษะไปและเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย เขายิ้ม “ลุงมาโลน ผมไม่ได้เจอลุงมาสิบกว่าปีแล้ว”“อืม หลานมาถูกเวลาแล้ว เมื่อที่โทรหาหลานเมื่อวานนี้ ลุงยังกังวลว่าจะได้เจอหลานเมื่อไหร่ ไม่คิดเลยว่าหลานจะมาปรากฏตัวที่นี่วันนี้!“ไหน ๆ ก็มาแล้ว มาสนุกกันเถอะ!“ในมอร์ดูมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากมาย คนหนุ่มสาวควรมาที่นี่เพื่อเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น หลานต้องการไปที่ไหนและต้องการซื้ออะไรก็บอกมาได้เลย ลุงจะจัดการให้เอง”เคลลี่หยิบบัตรธนาคารออกมาและกำลังจะมอบให้ฮาร์วีย์เห็นได้ชัดว่าเขาดีกับฮาร์วีย์มากแต่เมื่อเห็นฉากนี้ใบหน้าของจูน ลีก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา จากนั้นเธอก็มองไปที่ฮาร์วีย์ด้วยความรังเกียจ'เพิ่งได้รับโทร
“ฮาร์วีย์ เข้ามานั่งข้างลุงสิ ป้าของหลานคิดแต่เรื่องฉ้อฉลทั้งวัน อย่าไปสนใจเธอเลย!”เคลลี่ มาโลนนำฮาร์วีย์ ยอร์กเข้ามาในห้องและเมินเฉยจูน ลี ซึ่งกำลังเดือดดาลอยู่ทันทีจูนโกรธมากจนหางตากระตุก เธออยากจะตบเคลลี่สักฉาด และยังคิดไปว่าจะบีบคอฮาร์วีย์คนหน้าด้านเช่นเขาให้ตายฮาร์วีย์ไม่ได้ตั้งใจที่จะทานอาหารมื้อนี้ เขารู้ว่าอาหารมื้อนี้คงไม่อร่อยตั้งแต่ที่จูนปฏิบัติต่อเขาด้วยความดูถูกเหยียดหยามแต่เนื่องจากเคลลี่ปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี เขาจึงไม่อาจทำให้เขาผิดหวังได้“ทุกคน ผมขอแนะนำคุณให้รู้จัก นี่คือลูกชายของเพื่อนเก่าผมเอง ชื่อฮาร์วีย์ เขามาที่มอร์ดูในครั้งนี้เพื่อการพัฒนาธุรกิจ เพื่อเห็นแก่ผลช่วยดูแลเขาในอนาคตด้วย!”เมื่อเข้าไปในห้อง เคลลี่แนะนำฮาร์วีย์ด้วยท่าทางกระตือรือร้นเขาเพิ่งโทรไปเมื่อวานนี้ และในวันนี้ฮาร์วีย์ก็มาถึงมอร์ดูทันที ดังนั้นเคลลี่จึงคิดว่าฮาร์วีย์ตั้งใจมาหาเขาอย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ ตรงกันข้าม เขารู้สึกโล่งใจเล็กน้อยแขกที่มาร่วมงานล้วนเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจของเคลลี่ แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งคู่ แต่พวกเขาทุกคนก็ยังรักษา
ชายและหญิงสวมเครื่องประดับหรูหราและอัญมณีมาถึงพร้อมกันในขณะนี้ชายผู้นั้นสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร เขาหล่อและดูเรียบร้อย แถมยังเขาสวมแว่นตากรอบทองและดูอ่อนโยนมาก แต่ผิวซีดของเขาและกลิ่นหอมจาง ๆ จากร่างกายทำให้เขาดูคล้ายกับเด็กสาวในสายตาของคนรุ่นเก่าเขาอาจจะดูไม่สมชายชาตรีนักสำหรับผู้หญิงเธอสูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ใบหน้าของเธอบอบบางราวกับหยก เสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา และเครื่องประดับของเธอมีราคารวมเท่ากับเงินเดือนของคนธรรมดาถึงสิบปีเสื้อผ้าของเธอมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มันเผยให้เห็นเอวเล็ก ๆ ของเธอ ซึ่งทำให้ผู้คนอยากสัมผัสมันโดยไม่รู้ตัวสองคนนั้นคือ สตีเว่น วอล์คเกอร์ และเฮเซล มาโลน“นายน้อยวอล์คเกอร์ไม่ใช่หรือ? ฉันกำลังสงสัยว่าทำไมถึงมีนกกางเขนบินเข้ามาในห้องของเรา! ปรากฎว่าเป็นคุณนี่เอง ใจดีจริง ๆ มานี่ด้วยตัวเองเชียว!”จูน ลีซึ่งตอนนี้มีใบหน้าของเธอดำคล้ำเหมือนน้ำหมึก กลับมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้า เธอประจบสอพลอคนที่เพิ่งมาถึง“เฮเซล ลูกไม่ได้ไปสัมภาษณ์ที่ไคเซ็น กรุ๊ปเหรอ?”เฮเซลยิ้มน้อย ๆ เผยให้ด้านที่มีเสน่ห์ของเธอ “ด้วยความช่วยเหลือจากนายน้อยวอล์คเกอร์ การสั
ฮาร์วีย์ ยอร์กดูเฉยเมยและจิบชาของตัวเองการโอ้อวดแบบนี้ทำอะไรเขาไม่ได้เว้นเสียแต่ว่าสตีเว่น วอล์คเกอร์จะซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินและวางมันไว้ข้างหน้าเขา หาไม่ใช่แบบนั้น ฮาร์วีย์ก็จะไม่รู้สึกอะไรสำหรับเคลลี่ มาโลน เขามีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย ดังนั้นเขาจึงเกลียดพฤติกรรมอวดรวยแบบนี้ไปโดยปริยายแต่ปัญหาคือสตีเว่นไม่ได้พูดอะไรออกมาเอง กลับเป็นจูน ลีที่ฉวยโอกาสนี้เยาะเย้ยฮาร์วีย์ ดังนั้นสตีเว่นจึงไม่ได้พูดอะไร“เอาล่ะครับ คุณลุง!”สตีเว่นหยิบกล่องของขวัญออกมา เขาวางมันลงบนโต๊ะ ฉีกยิ้มและพูดว่า “คุณลุงครับ นี่คือวิสกี้ที่กลุ่มไคเซ็นของเราขายดีมาก ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรุณารับมันไปนะครับ! นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับสุขภาพของคุณลุง ช่วยให้อายุยืนแข็งแรง ถือเป็นของขวัญแทนความขอบคุณของผม”“มันไม่แพงอะไรนัก ดังนั้นโปรดอย่าถือสาเลย”เคลลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เขายังคงพูดว่า “ขอบคุณ”“นี่คือวิสกี้ในตำนานที่คนในแวดวงชนชั้นสูงดื่มกันหรือ?” จูนรู้สึกประหลาดใจเมื่อมองดูสิ่งนี้ “ว่ากันว่าการดื่มมันอย่างต่อเนื่องจะสามารถช่วยกระตุ้นเซลล์และคงความเป็นหนุ่มสาวได้นานหลายทศวรรษ”“ว่ากันว่ามันขายหมดไปนานแล้ว แม
“ที่แม่บ่นเมื่อวานไง ที่บอกว่าพ่อกำลังจะเอาญาติที่น่าสงสารมาเลี้ยงอีกแล้ว!”“ไม่คิดเลยว่าจะเป็นฮาร์วีย์ ยอร์ก!”“ทำไมเขาถึงกล้าไปร่วมงานเลี้ยงกัน? เมื่อเทียบกับนายน้อยวอล์คเกอร์แล้ว ฮาร์วีย์ก็ไม่ต่างไปจากขอทาน”“ทำไมตอนยังเด็กฉันถึงคิดว่าเขาหล่อกันนะ”เฮเซล มาโลนมองไปที่ฮาร์วีย์และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ จากนั้นจึงเปรียบเทียบสตีเว่น วอล์คเกอร์กับฮาร์วีย์ คนรักในวัยเด็กของเธอโดยไม่รู้ตัวเธอไม่รู้ว่าการเปรียบเทียบนั้นน่ากลัวแค่ไหนจนกระทั่งถึงตอนนี้!สตีเว่นมีความสามารถพิเศษตั้งแต่อายุยังน้อย เขาได้เป็นผู้จัดการด้านธุรกิจของไคเซ็น กรุ๊ป ตอนนี้เขายังเข้าร่วมชมรมรถออฟโรดของมอร์ดู และเป็นถึงหลานชายของรองหัวหน้าสาขาวอล์คเกอร์อีกหากไม่พูดถึงเส้นสาย อิทธิพล หรือความสามารถ คนสำคัญเช่นนี้ก็นับว่าเป็นบุรุษอันดับต้น ๆ ในมอร์ดูอยู่แล้วเมื่อเทียบกับเขาแล้วฮาร์วีย์ไม่คู่ควรที่จะถือรองเท้าให้เขาด้วยซ้ำความสัมพันธ์ในวัยเด็กของฮาร์วีย์และเฮเซล แค่คิดถึงเรื่องนี้เธอก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว'ตอนยังเด็กเธอคงตาบอดไปแล้ว ถึงขนาดคิดที่จะแต่งงานกับเขาด้วยซ้ำ!'แต่เมื่อฮาร์วีย์เห็นเฮเซล เขาก็แค่พยักหน้าอ
ฝูงชนเงียบกริบหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทุกคนต่างตกตะลึงในขณะที่มองไปที่ฮาร์วีย์ ยอร์ก“ฮาร์วีย์ นายหมายความว่ายังไง?”คิ้วของจูน ลีขมวดมุ่น เธอโกรธมาก“สตีเว่น วอล์คเกอร์ให้เกียรติจับมือกับนาย เป็นโอกาสสำหรับนาย ถ้านายไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร แต่นายกลับมาบอกว่าเขาไม่มีสิทธิ์จับมือนายงั้นเหรอ?”“นายบอกว่าเขามีสถานะ ความสามารถ และตัวตนต่ำต้อยเกินไป?”“แถมยังไม่คู่ควรที่จะจับมือนายเหรอ?”"นายคิดว่านายเป็นใคร?"“รองหัวหน้าสาขาหลงเหมินรึไง?”เฮเซล มาโลนตกตะลึงเมื่อเธอจ้องมองฮาร์วีย์ด้วยความประหลาดใจแต่ในไม่ช้าเธอก็เข้าใจว่าฮาร์วีย์ลูกเขยแต่งเข้าบ้านต้องมาที่มอร์ดูเพื่อมาเป็นลูกเขยของตระกูลมาโลน ชายผู้น่าสงสารคนนี้คงจะวางแผนที่จะกอบโกยเงินทองใส่ตัวอยู่แล้วแน่!เมื่อเห็นว่าเฮเซลและสตีเว่นมาด้วยกันต้องทำให้ฮาร์วีย์อิจฉาแน่ ๆ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาหาเรื่องสตีเว่นในขณะนี้ เฮเซลได้หมายหัวไปแล้วว่าฮาร์วีย์เป็นคนใจแคบเคลลี่ มาโลนตัวสั่น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าฮาร์วีย์จะพูดอะไรแบบนั้น เขาพยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์และพูดว่า “นายน้อยวอล์คเกอร์ ฮาร์วีย์ไม่ได้หมายความอย่างนั้น เขาหมายความว