ที่โรงแรมบัควู้ดตัวแทนของธุรกิจขนาดใหญ่จากมอร์ดูรวมตัวกัน ผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นผู้นำกลุ่มคือชาร์ลี กิบส์เขากำลังยืนอยู่ข้างโต๊ะไวน์ในขณะพูดโทรศัพท์ด้วยความนอบน้อม“นายใหญ่ท็อดด์วางใจได้เลยครับ เราจำสิ่งที่คุณสั่งเราได้!”“เราจะต้องถ่ายทำภาพยนตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจในคืนนี้ได้แน่ ผู้หญิงคนนี้จะถูกแย่งตำแหน่งและชื่อเสียงของเธอไปครับ!”ชาร์ลีกำลังยิ้มอย่างชั่วร้ายตระกูลฌองควบคุมธุรกิจไม่กี่แห่งที่มาจากมอร์ดูจากเบื้องหลังท็อดด์ ฌองออกคำสั่งให้พวกเขาเมื่อคืนนี้ ชาร์ลีและคนอื่น ๆ มักจะทำตามที่เขาสั่งเสมอหลังจากที่ชาร์ลีวางสาย เขาก็เริ่มตักโยเกิร์ตพร้อมกับตัวแทนคนอื่น ๆ โยเกิร์ตใช้แก้อาการเมาค้างและได้ผลค่อนข้างดีทีเดียวประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา สมาชิกของรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ก็ผลักประตูเข้ามาข้างในชาร์ลีแสดงสีหน้าบูดบึ้งขณะยืนอยู่ข้างหน้าเมื่อเห็นคนจำนวนมากติดตามแมนดี้“ซีอีโอซิมเมอร์ นี่มันหมายความอะไร?“เรามาที่นี่เพื่อคุยกับคุณเรื่องความร่วมมือทางธุรกิจ เพื่อดูว่ามีหนทางที่เราทั้งคู่จะทำงานร่วมกันได้หรือไม่ไม่ใช่เหรอ?”“คุณพาคนมาที่นี่มากมายขนาดนี้ทำไม? คุณวางแผนจะบังคับให
เมื่อได้เห็นแมนดี ซิมเมอร์กำลังลังเล ชาร์ลี กิ๊บส์ก็ยิ้มออก“ซีอีโอ ซิมเมอร์ แม้แต่กองกำลังที่แข็งแกร่งอย่างเราก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับโรงไฟฟ้าในท้องถิ่นได้! รีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์เป็นบริษัทท้องถิ่นนี่! อย่าบอกนะว่าคุณกลัวจริง ๆ!”คนอื่น ๆ หัวเราะออกมา“ซีอีโอ ซิมเมอร์ ถ้าดื่มไม่เป็นก็ทำธุรกิจไม่ได้หรอก!”“ทุกคนที่ทำธุรกิจล้วนเป็นนักดื่มที่เก่งกาจ!”“หากคุณไม่อยากดื่มเราก็จะไม่บังคับคุณหรอก แต่คุณต้องทำตามเงื่อนไขของเราเป็นการตอบแทน!”ตัวแทนหลายคนดูลำพองใจราวกับว่าแมนดี้อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาฮาร์วีย์ ยอร์กเดินออกมาทันทีหลังจากที่เห็นแมนดี้ขมวดคิ้ว“ตกลง เรารับคำท้า!”ผู้บริหารระดับสูงของรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ต่างจ้องมองฮาร์วีย์อย่างโกรธเกรี้ยวหลังจากที่เห็นเขาออกมาพูด พวกเขารู้สึกว่าฮาร์วีย์ไม่มีสิทธิ์เป็นตัวแทนของรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์และฮาร์วีย์คือคนที่ต้องถูกโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับรีเจนซี เอ็นเตอร์ไพรส์แมนดี้ถอนหายใจ เธอดูผิดหวังเล็กน้อยเมื่อจ้องมองไปที่ฮาร์วีย์เธอต้องการทดสอบตัวตนที่แท้จริงของฮาร์วีย์ด้วยการพาเขาไปทำธุรกิจแต่เธอไม่คิดว่าฮาร์วีย์จะบุ่ม
โดยธรรมชาติแล้ว แมนดี้ ซิมเมอร์รู้ดีว่าไม่จำเป็นต้องเสวนาอะไรด้วยอีกหากเธอเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา ชาร์ลี กิ๊บส์และคนอื่น ๆ ยิ้มกว้างราวกับมีชัย ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของพวกเขา พวกเขารู้สึกดีใจ คืนนั้นพวกเขาจะถ่ายทำภาพยนตร์ที่แมนดี้แสดงเอง! สำหรับฮาร์วีย์ ยอร์กคนงี่เง่า พวกเขาจะเผื่อเงินไว้ให้เขาไว้เมื่อทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ว่าไว้ในขณะนั้นเอง ฮาร์วีย์เดินขึ้นมาแล้วมองชาร์ลีด้วยท่าทางเย้ยหยัน “ผมมีเงื่อนไขเพียงข้อเดียว คือคุณต้องดื่มจนล้มผมให้ได้ก่อนที่คุณจะไปยุ่งกับซีอีโอซิมเมอร์! ถ้าคุณล้มผมไม่ได้ คุณไม่มีสิทธิ์ดื่มกับเธอ!”“ถ้างั้นก็เอาสิ! มาเริ่มกันเลย!” ชาร์ลีและคนอื่น ๆ แทบรอไม่ไหวแล้ว ฮาร์วีย์ตัวคนเดียว แล้วถ้าหากเขาดื่มได้เป็นพันแก้วล่ะ? แต่พวกเขามีกันอยู่ถึงสิบคนเชียวนะ! "ก็ได้! แต่เพราะเรากำลังจะดื่มกัน อย่างนั้นใครที่ไม่เกี่ยวก็ออกไปเสียสิ เราไม่ต้องการให้ใครมาดื่มให้กันตอนนี้!”ชาร์ลีชำเลืองมองคนตัวสูงกว่าแล้วยิ้ม นั่นคือกฎการดื่ม เป็นคำขอที่สมเหตุสมผลทีเดียว และถ้าเขาไม่บังคับให้คนอื่น ๆ ออกไป เขาจะทรมานแมนดี้ได้อย่างไร“คุณ…” พวกระดับสูงทั้งหมดจากรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จ้อ
"มา! อีกรอบ!” รอบแล้วรอบเล่าผ่านไป ในที่สุดชาร์ลี กิบส์และคนอื่น ๆ ก็ดื่มเหล้าไปประมาณสี่สิบออนซ์ ฮาร์วีย์ ยอร์กยิ่งบ้ายิ่งกว่าเดิม เขาดื่มคนเดียวอย่างน้อยสี่ร้อยออนซ์ แต่ใบหน้าของเขายังคงเฉยเมยราวกับว่าไม่มีอะไรผิดปกติภาพที่เห็นไม่เพียงแต่ทำให้ชาร์ลีหวาดกลัวเท่านั้น แต่ยังทำให้แมนดี้หวาดกลัวมากยิ่งขึ้นอีกด้วย สีหน้าของเธอดูแย่เหลือทน เธอคิดว่าเขากำลังล่อหลอกคนอื่น แต่จริง ๆ แล้วเขากลับเอาอยู่ซะอย่างนั้น!ชาร์ลีและคนอื่น ๆ ดื่มนมเปรี้ยวก่อนหน้านี้เพื่อให้ทนต่อแอลกอฮอล์ แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกพะอืดพะอมหลังจากดื่มสุราไปสี่สิบออนซ์ “ทุกคน ยังไหวอยู่ไหม? มาต่ออีกสองสามรอบดีกว่า!” ฮาร์วีย์พูดขณะยิ้ม จากนั้นจึงขอให้บริกรนำสุราที่เข้มข้นกว่ามาให้ชาร์ลีและคนอื่น ๆ แทบจะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่หลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พวกเขาไม่เชื่อ พวกเขารู้สึกว่าฮาร์วีย์คงทนต่อไปไม่ไหวแน่ในเวลาไม่นาน สุราที่มีแอลกอฮอล์สูงถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์ก็เวียนรอบโต๊ะไปอีกสิบรอบ แต่ฮาร์วีย์ก็ยังสบายดี เขาดูสงบมาก จนดูราวกับว่าเขาดื่มเพียงน้ำเปล่าเท่านั้นในขณะที่ตอนนี้ชาร์ลีและคนอื่น ๆ แทบจะยืนไม่ไหว แม้ว่ายังสร่างเม
แมนดี้ ซิมเมอร์กลัวจนสติหลุด สายตาที่มองอกไปนั้นเต็มไปด้วยความน่ารังเกียจอย่างยิ่ง ชาร์ลี กิบส์รู้สึกพูดไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาประสบกับเรื่องน่าอายเช่นนี้ “ทุกคน ให้ผมช่วยนะ!”ฮาร์วีย์ ยอร์กยิ้มในขณะที่มองไปที่คนอื่น ๆ เขาจะมองไม่เห็นเจตนาชั่ว ๆ ของคนพวกนี้ได้อย่างไร? เขาไม่ให้เวลาพวกนั้นได้ตอบคำถาม ก่อนเทเหล้าเข้าปากพวกเขาทันที“อึก อึก!” ในไม่ช้าคนเหล่านั้นก็ควบคุมลำไส้ของตัวเองไม่ได้อีก “ซีอีโอชาร์ลีเราเพิ่งจะเริ่มกันเอง! ดื่มอีกรอบเป็นไง?” ฮาร์วีย์ยิ้มขณะถือเครื่องดื่มแห่งชีวิตให้ชาร์ลี ชาร์ลีลงไปกองกับพื้น กอปรไปด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวังเขาเงยหน้าขึ้นมองฮาร์วีย์ในขณะที่ทำหน้าราวกับไม่เชื่อ 'เขาเป็นมนุษย์หรือเปล่า?' 'นี่มันบ้าไปแล้ว!' 'เขาไม่ได้เมาสักนิด!' "ผม... ทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว!" ชาร์ลีส่ายศีรษะในขณะที่ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความกลัว“อย่างนั้นก็แย่สิ ตามข้อตกลงของเรา เราต้องแข่งกันทำคะแนนสิ!” ฮาร์วีย์กำลังยิ้ม “ผม… ผมจะเซ็นสัญญา… ทุกอย่างจะเป็นไปตามเงื่อนไขของคุณ…” ชาร์ลีสั่นราวกับเจ้าเข้า ณ จุดนี้ชาร์ลีไม่รู้ว่าเขาจำคำสั่งของท็อดด์ ฌองได้อย่างไรในใจของเขารู้แค่ว
"หมดกัน! หมดกัน! ฉันแค่อยากจะบอกว่าพี่เขยไม่เหมาะกับพี่เลยสักนิด! พี่ออกจะเจิดจรัสขนาดนี้! “รีบหย่ากับเขาเดี๋ยวนี้เลย!” ซีนเธียร์ ซิมเมอร์พูดอย่างอาย ๆ แมนดี้ ซิมเมอร์เขกศีรษะของซีนเธียร์และตอบ “เธอก็ไม่ได้ดีเลิศอะไรนี่!”“ไม่ต้องสนใจเรื่องของพี่กับพี่เขยของเธอหรอกน่า เข้าใจไหม?” “เราไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ เธอเอาเวลาไปตั้งใจเรียนดีกว่า!” ซีนเธียร์เดาะลิ้นแล้วตอบ “ก่อนจะเรียนก็ต้องมีตำราให้ศึกษาก่อนสิ! ถ้าพี่เขยไม่มีวิธีดี ๆ ล่ะก็ พี่ต้องยกเขามาให้ฉันเป็นการตอบแทน!” "อะไรนะ?!" แมนดี้คิดว่าเธอได้ยินผิด “ซินเธียร์ เธอเข้าใจสิ่งที่ตัวเองพูดออกหรือเปล่า?”แมนดี้ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน น้องสาวของเธอมักจะทำตัวไม่ดีเสมอ! เธอพูดอะไรแบบนี้ได้ยังไง? ซินเธียร์ยืดอกและเอียงศีรษะ“แน่นอน ฉันรู้น่าว่าตัวเองพูดอะไร! เขาต้องรับผิดชอบฉันสิ ถ้าฉันเรียนไม่ได้เพราะเขา!” หัวใจของซีนเธียร์เต็มไปด้วยความยินดีเมื่อเธอพูดคำเหล่านั้น แมนดี้คิดว่าเธอคงแค่ล้อเล่นตามประสาผู้หญิงเท่านั้นแมนดี้ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก จากนั้นเธอก็ถอนหายใจและตอบว่า “เอาล่ะ พี่เขยของเธอเมาแล้ว คืนนี้พี่ต้องดูแลเข
ที่บ้านของตระกูลเยตส์จากบัควู้ด เกือบจะกลายเป็นบ้านร้างไปโดยปริยายแล้วในตอนนี้ เมื่อเสาหลักของตระกูลล้มลง ในตระกูลเองก็พลอยซบเซาไปด้วย และบริษัท ซิลเวอร์ นิมบัส เอ็นเตอร์ไพรส์ก็ถูกขโมยไปจากแมนดี้ ซิมเมอร์ และล้มละลายไปในที่สุด ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วัน ผมของคุณย่าเยตส์ก็เปลี่ยนเป็นสีขาวราวกับหิมะ ราวกับว่าเธอแก่ขึ้นยี่สิบปีในเวลาอันสั้น ตระกูลเยตส์ที่เคยยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์จากบัควู้ด กลับกลายเป็นตระกูลที่ตกอับในตอนนั้น ทว่าปัจจุบันคนในตระกูลก็ยังอยู่ร่วมกัน“เป็นยังไง? ตระกูลเยตส์จากอเมริกาว่าอย่างไรบ้าง” คุณย่าเยตส์รีบถามฟีบี เยตส์ที่เพิ่งวางสายไป ฟีบีตัวสั่น “พวกเขาตกลงที่จะช่วยเรา แต่มีเงื่อนไขข้อเดียว จากวันนี้ไป เราคงต้องเป็นทาสของตระกูลมัน” “จากนี้ไป เราจะเป็นทาสของตระกูลเยตส์ในอเมริกาแบบเต็มตัว” ท่าทางของคนในตระกูลแปรเปลี่ยนไป “คุณย่าเยตส์ เรารับข้อเสนอนี้ไม่ได้! ตระกูลเยตส์จากบัควู้ดยังมีศักดิ์ศรีเหลืออยู่ เราจะยอมเป็นเบี้ยล่างตระกูลอื่นเช่นนี้ได้อย่างไร?”"ถูกต้อง! เราเป็นตระกูลข้าราชการ! ถ้าโดนหาว่าทำแบบนี้ ชาติหน้าเราจะอยู่ในรัฐบาลได้ยังไง!” “คุณย่าเยตส์โปรดไตร่ตรอง
ดวงตาของท็อดด์ฉายแววเย็นชา เขากัดฟัน “นายท่านรัสเซล โปรดให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะครับ ครั้งนี้ผมไม่พลาดแน่!”บ่ายวันนั้น ท็อดด์มาถึงรีเจนซี่เอ็นเตอร์ไพรซ์พร้อมกับสัญญาจากครั้งก่อน แมนดี้ต้องไปพบพวกเขา เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ถือหุ้นของรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ด้วย “คุณคือแมนดี้ ซิมเมอร์ใช่ไหม เรามาที่นี่ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว คือเราต้องการหุ้นทั้งหมดของรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์!” ทอดด์พูดด้วยน้ำเสียงไม่ยอมใคร แมนดี้ได้ฟังแล้วขมวดคิ้ว“นั่นเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ฉันเพิ่งเข้ารับตำแหน่งในบริษัทนี้ ยิ่งกว่านั้นปัญหาเกี่ยวกับกระแสเงินสดก็กำลังได้รับการจัดการใแล้วในตอนนี้ และในอนาคตอันใกล้นี้ก็จะพัฒนาไปได้อีกมากด้วย แล้วทำไมฉันถึงขายหุ้นให้คุณล่ะคะ?” “ใช่ค้ะ คุณฌอง เมื่อสองสามวันก่อนเราเคยต้องการขายหุ้น แต่ตอนนี้เรามีทางเลือกอื่นแล้ว”“บางทีคุณอาจจำเป็นต้องรู้ทันเหตุการณ์ล่าสุด และเนื่องจากคุณเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของเรา คุณจะเอนหลังและเพลิดเพลินไปกับเงินปันผลที่จะได้รับในอนาคตได้นะคะ” แม้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะนอบน้อมถ่อมตน แต่แท้จริงแล้วพวกเขากำลังทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับเขาอย่างอ้อม ๆ ท็อดด์นั่งไขว่ห้