โดยธรรมชาติแล้ว แมนดี้ ซิมเมอร์รู้ดีว่าไม่จำเป็นต้องเสวนาอะไรด้วยอีกหากเธอเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา ชาร์ลี กิ๊บส์และคนอื่น ๆ ยิ้มกว้างราวกับมีชัย ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของพวกเขา พวกเขารู้สึกดีใจ คืนนั้นพวกเขาจะถ่ายทำภาพยนตร์ที่แมนดี้แสดงเอง! สำหรับฮาร์วีย์ ยอร์กคนงี่เง่า พวกเขาจะเผื่อเงินไว้ให้เขาไว้เมื่อทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ว่าไว้ในขณะนั้นเอง ฮาร์วีย์เดินขึ้นมาแล้วมองชาร์ลีด้วยท่าทางเย้ยหยัน “ผมมีเงื่อนไขเพียงข้อเดียว คือคุณต้องดื่มจนล้มผมให้ได้ก่อนที่คุณจะไปยุ่งกับซีอีโอซิมเมอร์! ถ้าคุณล้มผมไม่ได้ คุณไม่มีสิทธิ์ดื่มกับเธอ!”“ถ้างั้นก็เอาสิ! มาเริ่มกันเลย!” ชาร์ลีและคนอื่น ๆ แทบรอไม่ไหวแล้ว ฮาร์วีย์ตัวคนเดียว แล้วถ้าหากเขาดื่มได้เป็นพันแก้วล่ะ? แต่พวกเขามีกันอยู่ถึงสิบคนเชียวนะ! "ก็ได้! แต่เพราะเรากำลังจะดื่มกัน อย่างนั้นใครที่ไม่เกี่ยวก็ออกไปเสียสิ เราไม่ต้องการให้ใครมาดื่มให้กันตอนนี้!”ชาร์ลีชำเลืองมองคนตัวสูงกว่าแล้วยิ้ม นั่นคือกฎการดื่ม เป็นคำขอที่สมเหตุสมผลทีเดียว และถ้าเขาไม่บังคับให้คนอื่น ๆ ออกไป เขาจะทรมานแมนดี้ได้อย่างไร“คุณ…” พวกระดับสูงทั้งหมดจากรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จ้อ
"มา! อีกรอบ!” รอบแล้วรอบเล่าผ่านไป ในที่สุดชาร์ลี กิบส์และคนอื่น ๆ ก็ดื่มเหล้าไปประมาณสี่สิบออนซ์ ฮาร์วีย์ ยอร์กยิ่งบ้ายิ่งกว่าเดิม เขาดื่มคนเดียวอย่างน้อยสี่ร้อยออนซ์ แต่ใบหน้าของเขายังคงเฉยเมยราวกับว่าไม่มีอะไรผิดปกติภาพที่เห็นไม่เพียงแต่ทำให้ชาร์ลีหวาดกลัวเท่านั้น แต่ยังทำให้แมนดี้หวาดกลัวมากยิ่งขึ้นอีกด้วย สีหน้าของเธอดูแย่เหลือทน เธอคิดว่าเขากำลังล่อหลอกคนอื่น แต่จริง ๆ แล้วเขากลับเอาอยู่ซะอย่างนั้น!ชาร์ลีและคนอื่น ๆ ดื่มนมเปรี้ยวก่อนหน้านี้เพื่อให้ทนต่อแอลกอฮอล์ แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกพะอืดพะอมหลังจากดื่มสุราไปสี่สิบออนซ์ “ทุกคน ยังไหวอยู่ไหม? มาต่ออีกสองสามรอบดีกว่า!” ฮาร์วีย์พูดขณะยิ้ม จากนั้นจึงขอให้บริกรนำสุราที่เข้มข้นกว่ามาให้ชาร์ลีและคนอื่น ๆ แทบจะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่หลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พวกเขาไม่เชื่อ พวกเขารู้สึกว่าฮาร์วีย์คงทนต่อไปไม่ไหวแน่ในเวลาไม่นาน สุราที่มีแอลกอฮอล์สูงถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์ก็เวียนรอบโต๊ะไปอีกสิบรอบ แต่ฮาร์วีย์ก็ยังสบายดี เขาดูสงบมาก จนดูราวกับว่าเขาดื่มเพียงน้ำเปล่าเท่านั้นในขณะที่ตอนนี้ชาร์ลีและคนอื่น ๆ แทบจะยืนไม่ไหว แม้ว่ายังสร่างเม
แมนดี้ ซิมเมอร์กลัวจนสติหลุด สายตาที่มองอกไปนั้นเต็มไปด้วยความน่ารังเกียจอย่างยิ่ง ชาร์ลี กิบส์รู้สึกพูดไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาประสบกับเรื่องน่าอายเช่นนี้ “ทุกคน ให้ผมช่วยนะ!”ฮาร์วีย์ ยอร์กยิ้มในขณะที่มองไปที่คนอื่น ๆ เขาจะมองไม่เห็นเจตนาชั่ว ๆ ของคนพวกนี้ได้อย่างไร? เขาไม่ให้เวลาพวกนั้นได้ตอบคำถาม ก่อนเทเหล้าเข้าปากพวกเขาทันที“อึก อึก!” ในไม่ช้าคนเหล่านั้นก็ควบคุมลำไส้ของตัวเองไม่ได้อีก “ซีอีโอชาร์ลีเราเพิ่งจะเริ่มกันเอง! ดื่มอีกรอบเป็นไง?” ฮาร์วีย์ยิ้มขณะถือเครื่องดื่มแห่งชีวิตให้ชาร์ลี ชาร์ลีลงไปกองกับพื้น กอปรไปด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวังเขาเงยหน้าขึ้นมองฮาร์วีย์ในขณะที่ทำหน้าราวกับไม่เชื่อ 'เขาเป็นมนุษย์หรือเปล่า?' 'นี่มันบ้าไปแล้ว!' 'เขาไม่ได้เมาสักนิด!' "ผม... ทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว!" ชาร์ลีส่ายศีรษะในขณะที่ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความกลัว“อย่างนั้นก็แย่สิ ตามข้อตกลงของเรา เราต้องแข่งกันทำคะแนนสิ!” ฮาร์วีย์กำลังยิ้ม “ผม… ผมจะเซ็นสัญญา… ทุกอย่างจะเป็นไปตามเงื่อนไขของคุณ…” ชาร์ลีสั่นราวกับเจ้าเข้า ณ จุดนี้ชาร์ลีไม่รู้ว่าเขาจำคำสั่งของท็อดด์ ฌองได้อย่างไรในใจของเขารู้แค่ว
"หมดกัน! หมดกัน! ฉันแค่อยากจะบอกว่าพี่เขยไม่เหมาะกับพี่เลยสักนิด! พี่ออกจะเจิดจรัสขนาดนี้! “รีบหย่ากับเขาเดี๋ยวนี้เลย!” ซีนเธียร์ ซิมเมอร์พูดอย่างอาย ๆ แมนดี้ ซิมเมอร์เขกศีรษะของซีนเธียร์และตอบ “เธอก็ไม่ได้ดีเลิศอะไรนี่!”“ไม่ต้องสนใจเรื่องของพี่กับพี่เขยของเธอหรอกน่า เข้าใจไหม?” “เราไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ เธอเอาเวลาไปตั้งใจเรียนดีกว่า!” ซีนเธียร์เดาะลิ้นแล้วตอบ “ก่อนจะเรียนก็ต้องมีตำราให้ศึกษาก่อนสิ! ถ้าพี่เขยไม่มีวิธีดี ๆ ล่ะก็ พี่ต้องยกเขามาให้ฉันเป็นการตอบแทน!” "อะไรนะ?!" แมนดี้คิดว่าเธอได้ยินผิด “ซินเธียร์ เธอเข้าใจสิ่งที่ตัวเองพูดออกหรือเปล่า?”แมนดี้ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน น้องสาวของเธอมักจะทำตัวไม่ดีเสมอ! เธอพูดอะไรแบบนี้ได้ยังไง? ซินเธียร์ยืดอกและเอียงศีรษะ“แน่นอน ฉันรู้น่าว่าตัวเองพูดอะไร! เขาต้องรับผิดชอบฉันสิ ถ้าฉันเรียนไม่ได้เพราะเขา!” หัวใจของซีนเธียร์เต็มไปด้วยความยินดีเมื่อเธอพูดคำเหล่านั้น แมนดี้คิดว่าเธอคงแค่ล้อเล่นตามประสาผู้หญิงเท่านั้นแมนดี้ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก จากนั้นเธอก็ถอนหายใจและตอบว่า “เอาล่ะ พี่เขยของเธอเมาแล้ว คืนนี้พี่ต้องดูแลเข
ที่บ้านของตระกูลเยตส์จากบัควู้ด เกือบจะกลายเป็นบ้านร้างไปโดยปริยายแล้วในตอนนี้ เมื่อเสาหลักของตระกูลล้มลง ในตระกูลเองก็พลอยซบเซาไปด้วย และบริษัท ซิลเวอร์ นิมบัส เอ็นเตอร์ไพรส์ก็ถูกขโมยไปจากแมนดี้ ซิมเมอร์ และล้มละลายไปในที่สุด ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วัน ผมของคุณย่าเยตส์ก็เปลี่ยนเป็นสีขาวราวกับหิมะ ราวกับว่าเธอแก่ขึ้นยี่สิบปีในเวลาอันสั้น ตระกูลเยตส์ที่เคยยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์จากบัควู้ด กลับกลายเป็นตระกูลที่ตกอับในตอนนั้น ทว่าปัจจุบันคนในตระกูลก็ยังอยู่ร่วมกัน“เป็นยังไง? ตระกูลเยตส์จากอเมริกาว่าอย่างไรบ้าง” คุณย่าเยตส์รีบถามฟีบี เยตส์ที่เพิ่งวางสายไป ฟีบีตัวสั่น “พวกเขาตกลงที่จะช่วยเรา แต่มีเงื่อนไขข้อเดียว จากวันนี้ไป เราคงต้องเป็นทาสของตระกูลมัน” “จากนี้ไป เราจะเป็นทาสของตระกูลเยตส์ในอเมริกาแบบเต็มตัว” ท่าทางของคนในตระกูลแปรเปลี่ยนไป “คุณย่าเยตส์ เรารับข้อเสนอนี้ไม่ได้! ตระกูลเยตส์จากบัควู้ดยังมีศักดิ์ศรีเหลืออยู่ เราจะยอมเป็นเบี้ยล่างตระกูลอื่นเช่นนี้ได้อย่างไร?”"ถูกต้อง! เราเป็นตระกูลข้าราชการ! ถ้าโดนหาว่าทำแบบนี้ ชาติหน้าเราจะอยู่ในรัฐบาลได้ยังไง!” “คุณย่าเยตส์โปรดไตร่ตรอง
ดวงตาของท็อดด์ฉายแววเย็นชา เขากัดฟัน “นายท่านรัสเซล โปรดให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะครับ ครั้งนี้ผมไม่พลาดแน่!”บ่ายวันนั้น ท็อดด์มาถึงรีเจนซี่เอ็นเตอร์ไพรซ์พร้อมกับสัญญาจากครั้งก่อน แมนดี้ต้องไปพบพวกเขา เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ถือหุ้นของรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ด้วย “คุณคือแมนดี้ ซิมเมอร์ใช่ไหม เรามาที่นี่ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว คือเราต้องการหุ้นทั้งหมดของรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์!” ทอดด์พูดด้วยน้ำเสียงไม่ยอมใคร แมนดี้ได้ฟังแล้วขมวดคิ้ว“นั่นเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ฉันเพิ่งเข้ารับตำแหน่งในบริษัทนี้ ยิ่งกว่านั้นปัญหาเกี่ยวกับกระแสเงินสดก็กำลังได้รับการจัดการใแล้วในตอนนี้ และในอนาคตอันใกล้นี้ก็จะพัฒนาไปได้อีกมากด้วย แล้วทำไมฉันถึงขายหุ้นให้คุณล่ะคะ?” “ใช่ค้ะ คุณฌอง เมื่อสองสามวันก่อนเราเคยต้องการขายหุ้น แต่ตอนนี้เรามีทางเลือกอื่นแล้ว”“บางทีคุณอาจจำเป็นต้องรู้ทันเหตุการณ์ล่าสุด และเนื่องจากคุณเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของเรา คุณจะเอนหลังและเพลิดเพลินไปกับเงินปันผลที่จะได้รับในอนาคตได้นะคะ” แม้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะนอบน้อมถ่อมตน แต่แท้จริงแล้วพวกเขากำลังทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับเขาอย่างอ้อม ๆ ท็อดด์นั่งไขว่ห้
พนักงานส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นั่นตกใจมากทันทีที่ได้ยินคำว่า "ตระกูลตระกูลตระกูลฌองแห่งมอร์ดู" พวกเขาหันไปหาแมนดี้ ดวงตาเต็มไปด้วยความวิตก “ซีอีโอซิมเมอร์! เมื่อเทียบกับปัญหาของเราในครั้งนี้ ทุกสิ่งที่เราเผชิญมาก่อนหน้านี้กลายเป็นเรื่องเล็กไปจนหมด! แต่นี่เรากำลังเผชิญหน้ากับตระกูลตระกูลตระกูลฌองแห่งมอร์ดูเชียวนะ!”“ความน่ากลัวของตระกูลนั้นเหนือกว่าที่ใครจะจินตนาการ! เมื่อพวกเขาเล็งมาที่รีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ คุณไม่คิดว่าเราควรจะขายบริษัททิ้งหรือ?”"ถูกต้อง! ตระกูลตระกูลตระกูลฌองแห่งมอร์ดูซื้อหลายบริษัทในบัควู้ดไป วันนี้เจ้าของบริษัทพถวกนั้นเสียชีวิตจากแรงกดดันเพราะพวกเขาดื้อดึง!”“พวกเขาเป็นหนึ่งในสิบตระกูลชั้นนำของประเทศ H! เราไม่อาจโกรธแค้นพวกเขาได้! และไม่สามารถแบกรับผลที่ตามมาได้แน่!” พนักงานคนหนึ่งเสริมด้วยเสียงต่ำ“ซีอีโอซิมเมอร์ ฉันคิดว่าโชคดีที่คุณท็อดจับตามองคุณนะ” “การได้แต่งงานกับตระกูลฌองถือเป็นโชคที่ไม่เหมือนใครดีนะ แม้ว่าคุณจะจบลงด้วยการเป็นภรรยาไร้นามก็ตาม แถมไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับแม้จะอุทิศตนทำความดีมาหลายปีด้วยซ้ำ!” แมนดี้ทั้งสงบและสุขุม แต่ลึก ๆ แล้วหัวใจของเธอเต็
วันถัดมา แมนดี้ ซิมเมอร์ เข้าบริษัทด้วยใบหน้าที่กอปรไปด้วยรอยคล้ำรอบดวงตา ก่อนที่เธอจะถึงที่ทำงาน ท็อดด์ ฌองก็เข้ามาพร้อมกลุ่มบอดี้การ์ดของเขาก่อนแล้วไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนใดในองค์กรกล้าเข้าใกล้เขาเมื่อเห็นบอดี้การ์ดเหล่านั้นมีปืนเหน็บเอว เมื่อมีปืนอยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย พวกเขาอาจตายได้ทุกวินาที จริงไหม…? ใครจะกล้าต่อกรกับคนเช่นนี้กัน? พนักงานของรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์พร้อมที่จะคุกเข่าต่อหน้าท็อดด์และตระกูลของเขาสันนิษฐานว่าพวกเขาสื่อสารกันเมื่อคืนนี้และตงตกลงกันได้ “ผมสงสัยว่าคุณได้เก็บเอาข้อเสนอของผมไปคิดหรือเปล่าซีอีโอซิมเมอร์” ท็อดด์นั่งลงบนโซฟา เขานั่งไขว่ห้างขณะพินิจพิเคราะห์แมนดี้ใบหน้าของแมนดี้แข็งทื่อ"เอาล่ะ แม้ว่าฉันจะเตรียมขายรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ให้คุณ แต่คุณไม่คิดว่าคุณควรจะมีมารยาทสักหน่อยเหรอคะ?” ท็อดด์ผงะเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดคิดว่าแมนดี้จะเห็นด้วย เขาหัวเราะขึ้น"ยอดเลย! ดูสิว่าคุณพร้อมแค่ไหนซีอีโอ ซิมเมอร์ ผมจะให้ราคากับคุณอย่างงามทีเดียว” “สิบห้าเซ็นต์!” ท็อดด์ควักเหรียญออกมาจากกระเป๋าของเขาและโยนมันลงบนพื้น และมันก็ส่งเสียงดังกึกก้อง เหรียญนั้น