ภายในงานประชุมวิชาการ โยเอลวางสายโทรศัพท์ เขามองไปที่ลุค เซอร์เรย์และพูดด้วยใบหน้าอันเรียบเฉยว่า “ผู้นำตตระกูลของคุณคงจะมาที่นี่เร็ว ๆ นี้ และฉันหวังว่าเมื่อนั้นคุณจะยังทำตัวดื้อรั้นเหมือนเช่นในตอนนี้” ลุคมองด้วยสายตาและท่าทางที่เย้ยหยัน ตระกูลเซอร์เรย์ไม่ได้เป็นเพียงตระกูลตระกูลชนชั้นหนึ่งในบัควู้ดเพียงเท่านั้น แต่พวกเขายังมีสายสัมพันธ์อันดีงามกับตระกูลชนชั้นหนึ่งอีกสามตระกูลด้วย ใครจะไม่กลัวตระกูลที่มีอำนาจมากเช่นนี้? เขาจะรอจนกว่าผู้นำของตระกูลจะมาถึง จากนั้นเขาก็จะทำให้ฮาร์วีย์คุกเข่าและคลานมาแทบเท้าของเขา นอกจากนี้เขายังจะทำให้แน่ใจว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่โยเอลจะยังคงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการสูงสุดแห่งบัควู้ด! แขกในงานที่เฝ้าดูเหตุการณ์นี้อยู่ห่าง ๆ พวกเขาต่างสบตากันไปมาและแสดงออกถึงความอยากรู้อยากเห็น อีกทั้งเจมส์ เซอร์เรย์ผู้นำของตระกูลเซอร์เรย์ก็จะมาที่นี่ด้วยเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ดูเหมือนว่างานวันนี้จะถูกลิขิตให้เป็นวันแห่งการทะลวงท้องฟ้า! หลังจากที่โยเอลจัดการเรื่องก่อนหน้านี้เสร็จแล้ว เขาก็เดินไปหาฮาณ์วีย์ก่อนที่จะโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “มิสเต
"ผู้นำ! เขาเป็นคนทีตบผม อีกทั้งยังต้องการให้ผมคุกเข่าและขอโทษอีกด้วยซ้ำ!” “โยเอล เกรฮัมก็อยู่ข้างเขาด้วย!” “นี่มันคือการท้าทายชัด ๆ!” “เราต้องฆ่าพวกเขาทิ้งทั้งหมดและทำให้พวกเขาเสียใจที่พวกเขาเกิดมาในโลกใบนี้!” ทันทีที่ลุคเห็นเจมส์เดินเข้ามา เขาก็รีบวิ่งไปข้างหน้าและเริ่มตะโกนโหวกเหวกด้วยความไม่พอใจ เขาเป็นหลานชายสุดที่รักของเจมส์ ถ้าไม่เช่นนั้นเขาจะได้สวมมงกุฎเป็นเจ้าชายแห่งเซอร์เรย์ได้อย่างไร? ในอดีต เจมส์มักจะช่วยลุคลงโทษใครก็ตามตราบใดที่ลุคต้องการ เจมส์จ้องมองไปที่ฮาร์วีย์ที่ยังคงยืนสงบนิ่งอยู่ เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตบหน้าลุค เขาตะโกนว่า “เจ้าโง่! ฉันสอนให้แกอ่อนน้อมถ่อมตนทุกวัน แต่แกมักจะสร้างแต่ปัญหาข้างนอกอยู่เสมอเลย!” “แกต้องการให้ตระกูลเซอร์เรย์ประสบพบเจอกับปัญหาใหญ่หรืออย่างไร?” ลุคไม่คาดคิดว่าเจมส์จะตบเขาทันทีที่เจมส์มาถึง ไม่ใช่เพียงแค่ลุคคนเดียว คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าตระกูลเซอร์เรย์ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และทำงานในอุตสาหกรรมการศึกษา ซึ่งทั้งสองธุรกิจมีผลกำไรที่สูงมาก ในบรรดาตระกูลชนชั้นหนึ่งท
“เจ้าชายเซอร์เรย์ของคุณยั่วยุฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าและทำให้ฉันรู้สึกไม่สะดวกสบาย คุณคิดว่าฉันก้าวข้ามไปผ่านไปง่าย ๆ ได้ไหม?” ฮาร์วีย์พูดอย่างเฉยเมยขณะที่สำรวจเจมส์ เซอร์เรย์ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าของเขา เจมส์สูดหายใจเข้าลึก ๆ อีกครั้ง เขารู้แล้วว่าฮาร์วีย์มาจากไหน แม้ว่าเขาจะกลัวฮาร์วีย์อยู่บ้าง แต่ก็เป็นความกลัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เจมส์ตอบอย่างเคร่งขรึมว่า “มิสเตอร์ยอร์ก ผมรู้ว่าคุณเป็นใครและใครอยู่เบื้องหลังคุณ” “พวกเราเซอร์เรย์ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คนที่อยู่ข้างหลังคุณขุ่นเคือง เราต้องขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้” “แต่ได้โปรด อย่าใช้ความโชคดีของคุณมากจนเกินงามไปเลย” ลุคจับที่แก้มและคำราม “คุณปู่! ถังขยะนี้จะไปสามารถมีสถานะอะไรได้บ้าง? เขาเป็นแค่ลูกเขยที่เกาะชายกระโปรงอาศัยอยู่กับภรรยาไม่ใช่หรือ? ทำไมพวกเราตระกูลเซอร์เรย์ต้องไปกลัวเขาด้วย?” “ทำไมตระกูลเซอร์เรย์จะต้องขอโทษด้วย? แม้ว่าคุณปู่จะยอมรับความอัปยศเช่นนี้ได้ แต่ตระกูลของเราไม่สามารถรับได้!” "หุบปาก!" เจมส์จ้องไปที่ลุค เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาของวันนี้ แต่ลุคก็พยายามที่จะแทรกแซงและทำให้มันยิ่งแย่ลงไ
"คุณกำลังหมายถึงอะไร?" ฮาร์วีย์ถามอย่างไม่ใส่ใจ โยเอลกระซิบว่า “เด็กคนนั้น ลุค เขามีความสามารถไม่มาก แต่เขายังสามารถเป็นเจ้าชายของตระกูลเซอร์เรย์ได้ เหตุผลที่ใหญ่ที่สุดก็คือเขามีพ่อทูนหัวที่ดี” "ใคร?" “ราชาแห่งท้องถนนในเซาท์ไลท์ จอห์น ก็อตติ” โยเอลพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นพร้อม ๆ กับสีหน้าอันเคร่งขรึม สถานะของจอห์นสูงมาก ๆ เขาเป็นตัวละครที่แข็งแกร่งในท้องถนนของเซาท์ไลท์ ถึงแม้ว่าโยเอลจะเป็นถึงผู้บัญชาการสูงสุดแห่งบัควู้ด แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่สามารถกล้าที่จะยั่วยุจอห์น ก็อตติได้ ฮาร์วีย์หัวเราะ “คุณกำลังจะบอกว่าลุคจะไปขอให้จอห์นมาจัดการฉันเหรอ?” “น่าจะเป็นเช่นนั้น” โยเอลดูเคร่งเครียด “ผมรู้ว่าคุณแข็งแกร่งและทรงพลังมาก แต่ว่าตระกูลเซอร์เรย์นั้นรวยมากและจอห์นก็มีคนของเขามากมายมหาศาล ถ้าหากพวกเขารวมพลังเข้าด้วยกัน ผลกระทบจะยิ่งใหญ่มาก” “ยังไงก็ตาม โปรดระมัดวังตัวไว้ด้วยนะครับมิสเตอร์ยอร์ก” ฮาร์วีย์หันกลับมามองและเริ่มสำรวจไปที่โยเอลอย่างละเอียด จากนั้นเขาก็พูดด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยว่า “คุณหวังว่าจะมีความขัดแย้งครั้งใหญ่ระหว่างลุคกับฉันหรือ? ทั้งสองฝ่ายจะย่อยยับ ใช่ไห
“คุณอายุเท่าไหร่แล้ว? คุณยังวางแผนที่จะหาวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยเพื่อศึกษาต่ออีกเหรอ?” แมนดี้มีความสุขที่เห็นว่าฮาร์วีย์เริ่มมีแรงกระตุ้น ถ้าสามีของเธอตั้งใจเรียนจริง ๆ เธอก็ยินดีที่จะจ่ายเงินให้เขาไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่ฮาร์วีย์ส่ายหัวพร้อมกับท่าทางเคร่งขรึมและพูดว่า “ไม่ใช่สำหรับผมหรอก แต่เป็นสำหรับซีนเธียร์” “เธออยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ไม่ใช่เหรอ? เธอกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยเร็ว ๆ นี้” “ผมคิดว่ามหาวิทยาลัยในบัควู้ดนั้นไม่ค่อยดีนัก ผมเกรงว่าซีนเธียร์อาจจะต้องไปโวลซิ่ง, มอร์ดู, หรืออาจจะซานฟรานซิสโกสำหรับการเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย” แมนดี้หัวเราะและพูดว่า “ฮาร์วีย์ คุณปล่อยให้คุณพ่อกับคุณแม่จัดการเองเถอะ คุณเป็นแค่พี่เขยของเธอ คุณไม่ต้องกังวลมากนักหรอก” ฮาร์วีย์ถูขมับของเขา เขาไม่สามารถบอกแมนดี้ได้ว่าเขาได้เห็นด้านที่แท้จริงของผู้คนในระบอบการศึกษาของบัควู้ดที่งานประชุมวิชาการวันนี้ “ดูเหมือนว่าผมต้องเร่งเดินทางไปยังซานฟรานซิสโก ผมจะช่วยซีนเธียร์และไปดูมหาวิทยาลัยของที่นั่น” ฮาร์วีย์พึมพำออกมา ในตอนแรกเขาคิดว่าเขาไม่ต้องรีบเดินทางไปยังซานฟรานซิสโก แต่ตอนนี้ดูเหมือ
หลังจากตัดสินใจที่จะไปซานฟรานซิสโกและช่วยซีนเธียร์หามหาวิทยาลัยดี ๆ เพื่อเข้าเรียน ฮาร์วีย์ก็ขอให้อีวอนน์เตรียมการเบื้องต้นสำหรับเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ตัวอย่างเช่น บริษัทสาขาในซานฟรานซิสโกต้องการคนในท้องถิ่นที่มีความสามารถพึ่งพาได้เพื่อรับผิดชอบการดำเนินงาน แมนดี้แปลกใจมากหลังจากที่ฮาร์วีย์บอกเธอว่าเขาจะไปซานฟรานซิสโก “คุณจะไปที่นั่นเพื่อช่วยซีนเธียร์ค้นหามหาวิทยาลัยดี ๆ จริงหรือ? แล้วคุณจะอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน?” “สามหรือไม่เกินห้าวัน ประมาณนั้น” ฮาร์วีย์คิดเรื่องนี้ในใจ หากผลออกมาดี เขาจะสามารถจัดการเรื่องในสาขานี้ได้ภายในหนึ่งถึงสองวัน จากนั้นเขาก็จะสามารถไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในซานฟรานซิสโกได้ อันที่จริง ลึกลงไปในหัวใจของฮาร์วีย์ เขาหวังว่าแมนดี้จะไปกับเขาด้วย น่าเสียดายที่ช่วงนี้แมนดี้ยุ่งมาก ๆ เธอจะมีเวลาไปกับเขาได้อย่างไร? แมนดี้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าคุณอยากไปก็ไปได้ แต่ในเมื่อคุณจะไปที่นั่นแล้วก็ได้โปรดช่วยทำอะไรให้ฉันสักอย่างนะ” "มันคืออะไร?" ฮาร์วีย์ไม่ได้พิจารณาด้วยซ้ำว่าจะตกลงหรือปฏิเสธ เนื่องจากเป็นคำขอของภรรยาสุดที่รัก เขา
ณ ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกงควินตันและควินนี่ ยอร์กเดินอยู่เคียงข้างกัน มันยังคงเป็นภาพที่โดดเด่นอย่างมากเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกัน ถึงแม้จะอยู่มหานครนานาชาติระดับโลกเช่นนี้ก็ตามภายในโซนบอร์ดดิ้งทางขึ้นเครื่องของผู้โดยสารระดับวีไอพี ควินตันหยุดเดินและพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น “ฉันจัดการทุกอย่างที่ซานฟรานซิสโกไว้หมดแล้ว สิ่งที่เธอจะต้องทำคือแค่นั่งนิ่ง ๆ ก็พอ อย่าทำอะไรที่ไม่จำเป็น”ควินนี่ส่งรอยยิ้มที่สามารถพังตึกลงได้ให้กับเขา“กลัวเหรอ?”ควินตันไม่ได้ตอบกลับแต่รีบหันหลังทันทีพร้อมกับส่งสายตาน่าขนลุกกลับไปหลังจากที่เห็นหลังของเขาควินนี่ค่อย ๆ เอียงหัวของเธอพร้อมกับถอนหายใจและถาม “อุบายเล็ก ๆ พวกนี้จะมีประโยชน์จริง ๆ เหรอ?”“ถ้าพี่พลาดอีกครั้งล่ะก็ ฉันไม่คิดว่าคุณย่ายอร์กจะปล่อยไปง่าย ๆ แน่”...ณ ท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโกฮาร์วีย์รู้สึกเบื่อที่จะรอเมื่อเครื่องบินของควินนี่ได้มาถึงและลงจอดหลังจากเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ฮาลซีย์ โลว์ก็ปรากฏตัวขึ้นเธอสูงประมาณ 5.5 ฟุต สัดส่วนร่างกายของเธอมีความเข้ากันดีกับใบหน้ารูปหัวใจของเธอหรือพูดได้ง่าย ๆ ว่ามาตรฐานความสวยของเธออยู่ท
เป็นอย่างที่คาดคิดว่าฮาลซีย์ผู้ที่เพิ่งกลับมาจากการเรียนต่อที่ต่างประเทศ เธอจึงมีฝีปากที่น่าประทับใจถ้าเป็นคนอื่นคงโดนเธอด่าจนอับอายไปแล้วแต่ฮาร์วีย์ ผู้ที่รู้สึกชินกับคำพูดเหล่านี้แล้ว ทำให้เขาไม่รู้สึกอะไรเลยฮาร์วีย์จ้องมองไปที่ฮาลซีย์ผ่านกระจกมองหลังและถามเธอด้วยความสงสัย “ถ้าผมชอบการถูกเก็บไว้ล่ะครับ?”“ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันจะจัดการนายด้วยตัวของฉันเอง” ฮาลซีย์ตอบกลับอย่างเย็นชาหลังจากได้ยินฮาร์วีย์ยักไหล่ของเขา “คุณผู้หญิง คุณเรียนศิลปะการฆ่าจากต่างประเทศเหรอครับ? สิ่งแรกที่คุณคิดคือการฆ่าผมอย่างนั้นเหรอ? ที่นี่มันสหรัฐนะครับ!”“ไม่ต้องมาตีเนียนคุยกับฉัน อีกไม่นานฉันจะหาเงินก้อนใหญ่มาให้เพื่อให้นายเลิกยุ่งกับแมนดี้”“สบายใจเถอะ เงินก้อนนั้นคงมากพอที่นายจะใช้จนนายตายไปอย่างมีความสุข!”“ถ้านายยอมทิ้งแมนดี้ เราก็ตกลงกันเรื่องราคาได้นะ” ฮาลซีย์พูดอย่างเยือกเย็นต่อฮาร์วีย์พูดไม่ออก“คุณครับ ทำไมเอาแต่พูดเรื่องการหย่าของผมกับแมนดี้ล่ะ? คุณสงบและเป็นมิตรกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ?”“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพ่อตากับแม่ยายของผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้แล้ว”“การที่คนนอกอย่างคุณยังพูดเรื