ด้วยคำพูดของฮาร์วีย์ ทุกคนต่างพากันมองเขาด้วยความรังเกียจโดยเฉพาะลิเลียนที่ตอนนี้หน้าหม่นมืดคล้ำเหมือนกลางคืนเธอรู้และเข้าใจคนแบบแม่ของเธอดีย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ลิเลียนแต่งงานกับไซม่อน เขาเป็นผู้ชายที่มีความทะเยอทะยาน ถึงอย่างนั้นคุณย่าเยตส์ก็ยังอยากจะบีบคอลิเลียนให้ตายเพราะคนที่เธอเลือกตอนนี้สามีของแมนดี้พูดออกมาอย่างไร้ยางอาย ไม่มีทางที่จะทำให้คุณย่าเยตส์อยากจะเจอครอบครัวเธออีกคุณย่าเยตส์ถอนหายใจออกมา จากนั้นเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะสบตาครอบครัวของแมนดี้เลยคีธจ้องไปที่ฮาร์วีย์อย่างเย็นชา จากนั้นหันหลังกลับและเดินจากไปเช่นกันแมนดี้เป็นคนมีความสามารถมากในสายตาของเยตส์ พวกเขาจึงยอมรับเธอเป็นญาติคนหนึ่งแต่เมื่อเธอแต่งงานกับผู้ชายอย่างฮาร์วีย์ ทุกคนต้องคิดใหม่ว่าพวกเขาควรยอมรับเธอไหม“ไม่เป็นไรนะพี่เขย คุณย่าเยทส์มักจะอารมณ์ไม่ดีแบบนี้ อีกสักพักก็จะดีขึ้น” ซีนเธียร์พยายามปลอบฮาร์วีย์ลิเลียนกัดฟันและตะคอกใสว่า “ซินเธียร์ ทำไมลูกถึงยังไปปลอบไอ้ขยะนี่อีก?!”“เขาพูดอะไรแบบนี้กับคุณย่าเยตส์ก็เท่ากับตัวเขาสกปรกน่าขยะแขยง!”“สิ่งที่คุณย่าเยตส์เกลียดที่สุดคือผู้ชายน่ารังเกียจ!”
หลังจากนั้นไม่นานไซม่อนก็ยืนขึ้นตัวสั่นแล้วเอามือโอบลิเลียน“ที่รัก อย่าร้องไห้สิ เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้างในเป็นอะไร ถ้าเป็นอะไรดี ๆ ล่ะ?!”“ดีงั้นเหรอ? มันจะดีได้ยังไง?!”สีหน้าของลิเลียนซีดเผือด“ฉันแค่หวังว่ามันจะเป็นคริสตัลหรือของโบราณ! ถ้ามันเป็นของธรรมดา…”ลิเลียนเหมือนจะเป็นลมอีกครั้งขณะที่เธอพูด..เธอมีโอกาสที่จะคืนดีกับคุณย่าเยตส์หลังจากหลายปีผ่านมา ถ้าฮาร์วีย์ไอ้ขยะนี่ทำให้เธอต้องพลาดโอกาสนี้ไปจริง ๆ เธออาจจะโกรธจนตายก็ได้!หลังจากนั้นไม่นานงานเลี้ยงวันเกิดก็กำลังจะเริ่มขึ้นแขกวีไอพีส่วนใหญ่ที่ควรเข้าร่วมในวันนี้ยังไม่มาถึงคนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตของเซาท์ไลท์และเป็นคนจากภาครัฐของบัควู้ดคีธเป็นผู้บัญชาการลำดับสามของเซาท์ไลท์และมีสถานะที่สูงมากในหน่วยงานรัฐ แต่คนกุมอำนาจและไม่ได้ด้อยด้อยกว่าใครเขาต้องทักทายทุกคนด้วยตัวเองเมื่อคนอื่น ๆ แสดงความเคารพเขาต่อหน้าในงานเลี้ยงคุณย่าเยตส์ยืนรออยู่ที่หน้าประตู เธอได้ยินมาว่าผู้บังคับบัญชาสูงสุดของเซาท์ไลท์ก็เข้าร่วมด้วยลูกหลานของตระกูลเยตส์ติดตามอย่างใกล้ชิด แม้แต่แมนดี้และครอบครัวของเธอก็ยังถูกธัญญ่าลากออกมา
ในขณะที่ทุกคนกำลังนินทา ชายหลายคนในเครื่องแบบก็เดินเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงอย่างสง่างามชายหนุ่มที่เดินนำพวกเขา เขาดูเหมือนคนอายุประมาณยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดปี แต่ดูมีสง่าราศรีของชนชั้นสูงเขาคือ ฟินน์ เยตส์ ลูกชายของคีธและลูกพี่ลูกน้องของแมนดี้ เขาเป็นร้อยตำรวจเอกที่สถานีตำรวจบัควู้ด และมีอำนาจในบัควู้ดเขาเข้าไปในห้องโถงอย่างอารมณ์ดี ตามด้วยคนของเขา“คุณย่า คุณพ่อ ผมขอแนะนำ นี่คือรองสารวัตรเกร็ก ฟินช์ผู้บัญชาการลำดับสองของสถานีตำรวจบัควู้ด และนี่คือเควิน คอลฟิลด์ ผู้บัญชาการลำดับสาม…”ฟินน์แนะนำเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจบัควู้ดอีกเจ็ดถึงแปดตำแหน่งที่สูงกว่า คนเหล่านี้มีตำแหน่งสูงกว่าเขาหนึ่งหรือสองระดับแต่สารวัตรใหญ่ไม่มาด้วยพวกคนตำแหน่งสูงเหล่านี้ต่างก็เคารพฟินน์มากทุกคนมอบของขวัญและอวยพรคุณย่าเยตส์“เราขออวยพรให้คุณย่าเยตส์โชคดีและมีชีวิตยืนยาวราว!”“ยินดีต้อนรับทุกคน! ฉันต้องขอบคุณทุกคนที่ดูแลลูกชายของฉันในช่วงเวลาปฏิบัติงาน!”คีธยิ้มให้และโบกมือทักทายคุณย่าเยตส์ยังเผยรอยยิ้มกว้างถึงหูให้พวกเขาเห็นสำหรับฟินน์ที่เชิญคนที่มีตำแหน่งสูงในสถานีตำรวจมาได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงใ
ความจริงก็คือ ไซม่อนและลิเลียนมีระดับที่ต่ำที่สุดในบรรดาทุกคนในตระกูลเยตส์ พูดง่าย ๆ ก็คือคีธ เยตส์เป็นถึงผู้บัญชาการลำดับสามของเซาท์ไลท์ เขามีตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงและมีอำนาจมากมายในมือ ลูกชายของเขาก็กำลังจะเข้ารับตำแหน่งรองสารวัตรของสถานีตำรวจบัควู้ด ชายหนุ่มที่อายุยังน้อยและมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จสูง สำหรับธัญญ่า เยตส์ เธอกำลังสร้างธุรกิจของตัวเอง แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่เธอก็จะได้รับผลกำไรเป็นเงินหลายพันดอลล่าร์ต่อปี ในทางกลับกันเลย์ตัน ลูฟ เขาก็เป็นถึงรองประธานของธนาคาร บัควู้ด เขาเองก็มีอำนาจมหาศาลในมือและยังมีสถานะทางสังคมที่ค่อนข้างสูงด้วยเช่นกัน อันที่จริงแล้วผู้คนมากมายต่างก็มาขอความช่วยเหลือจากเขาอยู่บ่อย ๆ เมื่อเทียบกับพวกเขาทั้งหมดแล้ว ทั้งไซม่อนและลิเลียนแทบจะไม่มีค่าอะไรเลย พวกเขาเป็นเพียงตัวตลกของตระกูลเท่านั้น แมนดี้ ซิมเมอร์ เธอเคยสร้างความประทับใจอันดีงามมาก่อน แต่สุดท้ายก็ต้องมาพังไม่เป็นท่าเพียงเพราะฮาร์วีย์ ยอร์ก ตอนนี้ ไซม่อนและลิเลียนนั้นดูตกต่ำจนยากที่จะเชื่อ ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังมาจากด้านนอกของประตูห้องโถง ชายวัยกลางคนสามสี่คนเ
ฝูงชนในงานเริ่มส่งเสียงเอะอะหลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้และเริ่มซุบซิบกันอย่างเมามันลำพังตัวตนของฟินน์ เยตส์นั้นก็น่าทึ่งมากพออยู่แล้ว แล้วคนที่เขาถึงขั้นกล่าวยกย่องด้วยตัวเองขนาดนี้จะเก่งกาจมากขนาดไหนกัน?แขกในงานเริ่มสับสนพรางเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ตระกูลเยตส์ไม่ได้พูดว่าฟินน์เป็นชายหนุ่มที่มีความสามารถมากที่สุดในรุ่นของเขาหรอกหรือ? มีพี่เขยอีกคนที่มีความสามารถพอ ๆ กันอีกด้วยหรือเนี่ย?”“จะเป็นไปได้อย่างไรที่หลานสาวของตระกูลเยตส์จะแต่งงานกับคนธรรมดา ๆ เล่า จริงไหม? ไม่ว่ายังไง เธอก็ต้องเลือกผู้ชายที่มั่งคั่งและมีอำนาจอยู่แล้ว ถูกไหม?”สายตาของฝูงชนต่างก็หันไปรอบ ๆ ในที่สุดก็หยุดลงที่ฮาร์วีย์ ยอร์ก เมื่อเห็นเช่นนั้นทุกคนต่างก็พากันตัวสั่นเทา“ผู้ชายคนนี้ กิริยาท่าทางของเขา…!”เหล่าซิมเมอร์ที่อยู่ในฝูงชน ทุกคนเริ่มดูวิตกกังวลเป็นอย่างมาก เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องซุบซิบต่าง ๆ นา ๆ พวกเขาชำเลืองมองและหัวเราะกันเบา ๆควินน์ ซิมเมอร์ เธอเอามือปิดปากตัวเองพรางหัวเราะ “คุณปู่ ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าทำไมตระกูลเยตส์จึงมองไปที่แมนดี้และครอบครัวของเธอ!”“ฮาร์วีย์ มันคงคุยโวโอ้อวดไว้น่ะสิ!”“พวกเ
ในขณะนี้ใบหน้าของแมนดี้ ซิมเมอร์นั้นซีดเผือดจนไร้ซึ่งสีสัน เธอไม่รู้ว่าคำพูดนั้นจะแพร่กระจายไปไกลมากขนาดนี้ เธอไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของฟินน์อย่างไร และเมื่อในที่สุดเธอก็กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง และกำลังจะแก้ไขสถารกานณ์ตรงหน้า แต่ทว่าฮาร์วีย์กลับมาขัดจังหวะของเธอ “น้องชาย ฉันนี่แหละคือเจ้าชายยอร์กตัวจริง” สำหรับฮาร์วีย์คงไม่เป็นไรถ้าตระกูลเยตส์จะรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา อีกทั้งเขายังแอบสังเกตุดูปฏิกิริยาของพวกเขาด้วย ฟุ่ววววว! ฝูงชนต่างหายใจเข้าออกไม่เป็นจังหวะและเสียงดัง 'ชายคนนี้คือเจ้าชายยอร์กจริง ๆ หรือ?' 'เขาเป็นคนที่ควบคุมตระกูลยอร์กและเป็นผู้ก่อสร้างบริษัทที่มีมูลค่าหนึ่งล้านดอลลาร์ด้วยตัวเขาเอง!' 'ตระกูลเยตส์กำลังจะร่ำรวยมหาศาลแล้ว!' ในหัวของฟินน์นั้นมันว่างเปล่าไม่มีความคิดอื่นใดหลงเหลืออยุ่ในขณะนี้ “โอ้ พี่เขยสุดเจ๋ง! ตระกูลเยตส์อยู่ในมือคุณแล้ว! ในอนาคตพวกเราคงต้องขอความช่วยเหลือสนับสนุนจากคุณ!” ในดวงตาของคีธนั้นมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความลึกซึ้ง หากชายที่อยู่เบื้องหน้าเขาคือเจ้าชายยอร์กจริง ๆ ตระกูลเยตส์คงพิจารณาทบทวนตำแหน่งของพวกเขาใหม่ อีกทั้งพวก
ผัวะ! ภายใต้สายตาของฝูงชนในงานที่กำลังตกตะลึงมึนงง คุณย่าเยตส์เหวี่ยงไม้เท้าฟาดหลังของฮาร์วีย์ หลังจากที่ตีเขา เธอก็ถ่มน้ำลายออกมาพร้อม ๆ กับท่าทางสุดเย็นชา “การรู้ข้อจำกัดของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ! แกไม่สําเหนียกถึงตัวตนของตัวเองบ้างเลยเหรอ?” จากนั้นเธอก็ใช้ไม้เท้าของเธอชี้ไปที่ไซม่อนและลิเลียน “จงช่วยสั่งสอนลูกเขยตัวดีของพวกเธอไว้ด้วยนะ! เขาไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าเมื่อใดควรพูดและเมื่อใดไม่ควรพูด?” “ถ้าพวกเธอไม่รู้วิธีสอนเขาอย่างถูกต้องเหมาะสม ก็พาเขาออกไปจากที่นี่แล้วรีบไสหัวออกไป!” “งานเลี้ยงวันเกิดของฉันควรจะเป็นงานเลี้ยงที่มีความสุขสนุกสนาน ไม่ใช่ละครสัตว์ที่จะมีตัวตลกออกมาทำตัวเป็นเฉกเช่นคนวิกลจริตได้!” คำพูดของเธอหนักแน่น ไซม่อนและลิเลียน ทั้งสองต่างก็ตกตะลึง พวกเขาทำได้เพียงแค่ก้มศีรษะลงและนิ่งเงียบ ลิเลียนน้ำตาไหลอาบหน้า นี่คือครอบครัวของเธอ! เธอใฝ่ฝันที่จะกลับมาหาครอบครัวของเธอด้วยความสง่างาม ทว่าเมื่อเธอกลับมา เธอกลับต้องมาพบเจอกับความน่าอับอายมากขนาดนี้! ในตอนนี้เธอแทบต้องการที่จะแขวนคอตัวเอง น่าอับอายสิ้นดี! เธอจะกลับมาเชิดหน้าชูตาต่อหน้าตระกูลเยต
น่าอับอายแค่ไหน! ก่อนหน้านี้ ลิเลียนคิดว่าเธอใช้ชีวิตที่น่าอับอายใตระกูลซิมเมอร์มามากพอแล้ว เธอไม่คิดว่าเธอจะสามารถอับอายได้มากกว่านั้น จนกระทั่งที่เธอกำลังรู้สึกในวันนี้! แม้แต่ไซม่อนเองก็กัดฟันกรอด พวกเขามาที่นี่เพื่อที่จะใกล้ชิดกับตระกูลเยตส์ให้มากยิ่งขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถใกล้ชิดเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยกับเหล่าตระกูลเยสต์ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถสร้างความสัมพันธ์ได้บ้าง แต่ในท้ายที่สุดมันเกิดอะไรขึ้น? นอกจากจะอับอายขายขี้หน้าสุด ๆ แล้ว พวกเขายังได้อะไรอีกไหม? "ออกไป! พวกคุณทำให้ตระกูลเยตส์ต้องมาอับอายขายขี้หน้า!” ฟินน์ตะโกนอย่างอดไม่ได้ “แค่นี้มันก็อุกอาจมากพอแล้ว!” “พวกคุณสามารถทำให้ตัวเองอับอายได้ทุกอย่างตามที่พวกคุณต้องการเลย แต่อย่ามาลากคุณพ่อและคุณย่าของฉันมาเกี่ยวในเรื่องนี้ด้วย!” “พวกคุณทุกคนคงจะไม่มียางอายแล้ว แต่ทั้งตระกูลจะมาเสื่อมเสียเพราะเรื่องนี้ไม่ได้!” ฟินน์พูดอย่างขมขื่นและไม่พอใจที่ครอบครัวของไซม่อนไม่เป็นไปตามที่เขาเคยคาดหวังไว้ ไซม่อนและลิเลียนไม่มีทางเลือก พวกเขาทำได้เพียงก้มศีรษะลงขณะพยายามถอยออกจากห้องโถงของงาน แมนดี้และซีนเธียร