ความจริงก็คือ ไซม่อนและลิเลียนมีระดับที่ต่ำที่สุดในบรรดาทุกคนในตระกูลเยตส์ พูดง่าย ๆ ก็คือคีธ เยตส์เป็นถึงผู้บัญชาการลำดับสามของเซาท์ไลท์ เขามีตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงและมีอำนาจมากมายในมือ ลูกชายของเขาก็กำลังจะเข้ารับตำแหน่งรองสารวัตรของสถานีตำรวจบัควู้ด ชายหนุ่มที่อายุยังน้อยและมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จสูง สำหรับธัญญ่า เยตส์ เธอกำลังสร้างธุรกิจของตัวเอง แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่เธอก็จะได้รับผลกำไรเป็นเงินหลายพันดอลล่าร์ต่อปี ในทางกลับกันเลย์ตัน ลูฟ เขาก็เป็นถึงรองประธานของธนาคาร บัควู้ด เขาเองก็มีอำนาจมหาศาลในมือและยังมีสถานะทางสังคมที่ค่อนข้างสูงด้วยเช่นกัน อันที่จริงแล้วผู้คนมากมายต่างก็มาขอความช่วยเหลือจากเขาอยู่บ่อย ๆ เมื่อเทียบกับพวกเขาทั้งหมดแล้ว ทั้งไซม่อนและลิเลียนแทบจะไม่มีค่าอะไรเลย พวกเขาเป็นเพียงตัวตลกของตระกูลเท่านั้น แมนดี้ ซิมเมอร์ เธอเคยสร้างความประทับใจอันดีงามมาก่อน แต่สุดท้ายก็ต้องมาพังไม่เป็นท่าเพียงเพราะฮาร์วีย์ ยอร์ก ตอนนี้ ไซม่อนและลิเลียนนั้นดูตกต่ำจนยากที่จะเชื่อ ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังมาจากด้านนอกของประตูห้องโถง ชายวัยกลางคนสามสี่คนเ
ฝูงชนในงานเริ่มส่งเสียงเอะอะหลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้และเริ่มซุบซิบกันอย่างเมามันลำพังตัวตนของฟินน์ เยตส์นั้นก็น่าทึ่งมากพออยู่แล้ว แล้วคนที่เขาถึงขั้นกล่าวยกย่องด้วยตัวเองขนาดนี้จะเก่งกาจมากขนาดไหนกัน?แขกในงานเริ่มสับสนพรางเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ตระกูลเยตส์ไม่ได้พูดว่าฟินน์เป็นชายหนุ่มที่มีความสามารถมากที่สุดในรุ่นของเขาหรอกหรือ? มีพี่เขยอีกคนที่มีความสามารถพอ ๆ กันอีกด้วยหรือเนี่ย?”“จะเป็นไปได้อย่างไรที่หลานสาวของตระกูลเยตส์จะแต่งงานกับคนธรรมดา ๆ เล่า จริงไหม? ไม่ว่ายังไง เธอก็ต้องเลือกผู้ชายที่มั่งคั่งและมีอำนาจอยู่แล้ว ถูกไหม?”สายตาของฝูงชนต่างก็หันไปรอบ ๆ ในที่สุดก็หยุดลงที่ฮาร์วีย์ ยอร์ก เมื่อเห็นเช่นนั้นทุกคนต่างก็พากันตัวสั่นเทา“ผู้ชายคนนี้ กิริยาท่าทางของเขา…!”เหล่าซิมเมอร์ที่อยู่ในฝูงชน ทุกคนเริ่มดูวิตกกังวลเป็นอย่างมาก เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องซุบซิบต่าง ๆ นา ๆ พวกเขาชำเลืองมองและหัวเราะกันเบา ๆควินน์ ซิมเมอร์ เธอเอามือปิดปากตัวเองพรางหัวเราะ “คุณปู่ ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าทำไมตระกูลเยตส์จึงมองไปที่แมนดี้และครอบครัวของเธอ!”“ฮาร์วีย์ มันคงคุยโวโอ้อวดไว้น่ะสิ!”“พวกเ
ในขณะนี้ใบหน้าของแมนดี้ ซิมเมอร์นั้นซีดเผือดจนไร้ซึ่งสีสัน เธอไม่รู้ว่าคำพูดนั้นจะแพร่กระจายไปไกลมากขนาดนี้ เธอไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของฟินน์อย่างไร และเมื่อในที่สุดเธอก็กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง และกำลังจะแก้ไขสถารกานณ์ตรงหน้า แต่ทว่าฮาร์วีย์กลับมาขัดจังหวะของเธอ “น้องชาย ฉันนี่แหละคือเจ้าชายยอร์กตัวจริง” สำหรับฮาร์วีย์คงไม่เป็นไรถ้าตระกูลเยตส์จะรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา อีกทั้งเขายังแอบสังเกตุดูปฏิกิริยาของพวกเขาด้วย ฟุ่ววววว! ฝูงชนต่างหายใจเข้าออกไม่เป็นจังหวะและเสียงดัง 'ชายคนนี้คือเจ้าชายยอร์กจริง ๆ หรือ?' 'เขาเป็นคนที่ควบคุมตระกูลยอร์กและเป็นผู้ก่อสร้างบริษัทที่มีมูลค่าหนึ่งล้านดอลลาร์ด้วยตัวเขาเอง!' 'ตระกูลเยตส์กำลังจะร่ำรวยมหาศาลแล้ว!' ในหัวของฟินน์นั้นมันว่างเปล่าไม่มีความคิดอื่นใดหลงเหลืออยุ่ในขณะนี้ “โอ้ พี่เขยสุดเจ๋ง! ตระกูลเยตส์อยู่ในมือคุณแล้ว! ในอนาคตพวกเราคงต้องขอความช่วยเหลือสนับสนุนจากคุณ!” ในดวงตาของคีธนั้นมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความลึกซึ้ง หากชายที่อยู่เบื้องหน้าเขาคือเจ้าชายยอร์กจริง ๆ ตระกูลเยตส์คงพิจารณาทบทวนตำแหน่งของพวกเขาใหม่ อีกทั้งพวก
ผัวะ! ภายใต้สายตาของฝูงชนในงานที่กำลังตกตะลึงมึนงง คุณย่าเยตส์เหวี่ยงไม้เท้าฟาดหลังของฮาร์วีย์ หลังจากที่ตีเขา เธอก็ถ่มน้ำลายออกมาพร้อม ๆ กับท่าทางสุดเย็นชา “การรู้ข้อจำกัดของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ! แกไม่สําเหนียกถึงตัวตนของตัวเองบ้างเลยเหรอ?” จากนั้นเธอก็ใช้ไม้เท้าของเธอชี้ไปที่ไซม่อนและลิเลียน “จงช่วยสั่งสอนลูกเขยตัวดีของพวกเธอไว้ด้วยนะ! เขาไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าเมื่อใดควรพูดและเมื่อใดไม่ควรพูด?” “ถ้าพวกเธอไม่รู้วิธีสอนเขาอย่างถูกต้องเหมาะสม ก็พาเขาออกไปจากที่นี่แล้วรีบไสหัวออกไป!” “งานเลี้ยงวันเกิดของฉันควรจะเป็นงานเลี้ยงที่มีความสุขสนุกสนาน ไม่ใช่ละครสัตว์ที่จะมีตัวตลกออกมาทำตัวเป็นเฉกเช่นคนวิกลจริตได้!” คำพูดของเธอหนักแน่น ไซม่อนและลิเลียน ทั้งสองต่างก็ตกตะลึง พวกเขาทำได้เพียงแค่ก้มศีรษะลงและนิ่งเงียบ ลิเลียนน้ำตาไหลอาบหน้า นี่คือครอบครัวของเธอ! เธอใฝ่ฝันที่จะกลับมาหาครอบครัวของเธอด้วยความสง่างาม ทว่าเมื่อเธอกลับมา เธอกลับต้องมาพบเจอกับความน่าอับอายมากขนาดนี้! ในตอนนี้เธอแทบต้องการที่จะแขวนคอตัวเอง น่าอับอายสิ้นดี! เธอจะกลับมาเชิดหน้าชูตาต่อหน้าตระกูลเยต
น่าอับอายแค่ไหน! ก่อนหน้านี้ ลิเลียนคิดว่าเธอใช้ชีวิตที่น่าอับอายใตระกูลซิมเมอร์มามากพอแล้ว เธอไม่คิดว่าเธอจะสามารถอับอายได้มากกว่านั้น จนกระทั่งที่เธอกำลังรู้สึกในวันนี้! แม้แต่ไซม่อนเองก็กัดฟันกรอด พวกเขามาที่นี่เพื่อที่จะใกล้ชิดกับตระกูลเยตส์ให้มากยิ่งขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถใกล้ชิดเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยกับเหล่าตระกูลเยสต์ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถสร้างความสัมพันธ์ได้บ้าง แต่ในท้ายที่สุดมันเกิดอะไรขึ้น? นอกจากจะอับอายขายขี้หน้าสุด ๆ แล้ว พวกเขายังได้อะไรอีกไหม? "ออกไป! พวกคุณทำให้ตระกูลเยตส์ต้องมาอับอายขายขี้หน้า!” ฟินน์ตะโกนอย่างอดไม่ได้ “แค่นี้มันก็อุกอาจมากพอแล้ว!” “พวกคุณสามารถทำให้ตัวเองอับอายได้ทุกอย่างตามที่พวกคุณต้องการเลย แต่อย่ามาลากคุณพ่อและคุณย่าของฉันมาเกี่ยวในเรื่องนี้ด้วย!” “พวกคุณทุกคนคงจะไม่มียางอายแล้ว แต่ทั้งตระกูลจะมาเสื่อมเสียเพราะเรื่องนี้ไม่ได้!” ฟินน์พูดอย่างขมขื่นและไม่พอใจที่ครอบครัวของไซม่อนไม่เป็นไปตามที่เขาเคยคาดหวังไว้ ไซม่อนและลิเลียนไม่มีทางเลือก พวกเขาทำได้เพียงก้มศีรษะลงขณะพยายามถอยออกจากห้องโถงของงาน แมนดี้และซีนเธียร
“รีบไปด้านหน้ากันเถอะ ใกล้ถึงคิวของเราแล้ว!” ไซม่อนและลิเลียนรีบไปที่หน้าห้องโถงอย่างไม่อาย และคาดหวังว่าจะได้รับการตอบกลับที่ดี พวกเขาเริ่มจินตนาการถึงฉากที่คุณย่าเยตส์ยิ้มกว้างจนปากแทบจะถึงรูหูเมื่อเธอได้รับของขวัญนั้น “ถัดมาคือแจกันลายครามโบราณคู่หนึ่งที่มีประวัติยาวนานกว่าห้าร้อยปี! สิ่งเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นจากเตาเผาในสมัยโบราณ และมีค่ามาก ถ้ามีคนรวบรวมทั้งคู่มาได้ มูลค่าของมันก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมหาศาล!” พิธีกรยังคงอ่านรายการต่อไป ธัญญ่า เยตส์และเลย์ตัน ลูฟยืนขึ้นและแสดงความยินดีกับคุณย่าเยตส์ด้วยความเคารพ “เราขออวยพรให้คุณแม่อายุมั่นขวัญยืนอยู่กับลูกหลานไปนาน ๆ!” คุณย่าเยตส์ยิ้มกว้างจนไม่สามารถปกปิดไว้ได้ เธอส่งสัญญาณให้พิธีกรนำแจกันคู่มาวางตรงหน้าเธอ เธอมองดูมันเป็นเวลานาน ก่อนที่จะพยักหน้าเห็นด้วยกับที่พิธีกรได้เอ่ยมาก่อนหน้านี้ “โอ้ ธัญญ่า! เธอช่างน่ารักเสียจริง ๆ เชียว!” "แน่นอน! หนูจะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณแม่มีความสุข” ธัญญ่าตอบกลับพร้อมกลับรอยยิ้มกว้างให้กับตัวเอง ฝูงชนต่างก็ปรบมือให้กับการมอบของขวัญชิ้นนี้ ของขวัญของเธอดูมีค่ามากที่สุดในบรรดาของ
"พวกแก!" ผู้เฒ่าเยตส์ตัวสั่นด้วยความโกรธ 'ทำไมแมนดี้และครอบครัวของเธอถึงให้ลูกบอลโคลนกับฉัน?! พวกเขากำลังเยาะเย้ยฉันที่ยังมีชีวิตอยู่ในวัยปูนนี้หรือ?!' “พี่คะ พี่ไม่จำเป็นต้องให้อะไรคุณแม่เลยก็ได้ ถ้าพี่ไม่ต้องการ! หรือถ้าไม่มีเงิน มีอย่างอื่นตั้งมากมายที่ดีกว่านี้ แม้แต่ผลไม้บ้าน ๆ ก็ยังจะดีกว่าสิ่งนี้เสียอีก!” ธัญญ่าไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดเกี่ยวกับการกระทำของพี่สาวเธอ ในตอนแรก เธอต้องการที่จะช่วยเหลือพี่สาวของเธอและสรรหาคำพูดดี ๆ มาช่วยลิเลียน แต่ผู้เฒ่าเยตส์ก็โกรธจัดจนตัวสั่นไปเสียแล้ว และธัญญ่าเองก็ไม่กล้าที่จะไปพูดอะไรที่อาจจะยั่วยุหญิงชราต่ออีกได้ ลิเลียน เธออยากที่จะเอาหัวของตัวเองโขกกับพื้นเต็มทน สิ่งต่าง ๆ มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าหากเธอและสามีไม่เดินมาด้านหน้า แต่ว่าพวกเขาได้ทำมันลงไปแล้ว และพวกเขาก็กลายมาเป็นจุดสนใจในห้องโถงทั้งหมด… แล้วก็ยังจะมาให้ของขวัญอะไรแบบนี้อีก! ช่างน่าขายหน้าจริง ๆ! ไม่เพียงแต่เฉพาะกับฝ่ายแม่ของเธอเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงบัควู้ดด้วย ไม่สิ ทั้งเซาท์ไลท์ ทั้งหมด! 'ฉันไม่ควรมา!' 'ทั้งหมดนี้มันเป็นความผิดของเจ้าทึ่มฮาร์วีย์!' 'ผู้ช
แมนดี้มองไปที่ฮาร์วีย์และเดินไปหาเขาด้วยท่าทางฟึดฟัด เธอดุเขาเบา ๆ “ฮาร์วีย์ คุณกำลังพยายามทำบ้าอะไรอยู่?” “คุณทำอะไรได้บ้างนอกจากจ้องมองกล่องของขวัญบ้า ๆ นั่น?” “จู่ ๆ ดอกไม้คงไม่โผล่ออกมาเพียงเพราะว่าคุณจ้องมัน ใช่มั้ย?” ฮาร์วีย์ขมวดคิ้วและตอบกลับว่า “คุณไม่เข้าใจ คุณปู่ไนส์เวลล์ให้สิ่งนี้แก่ผมมา มันต้องมีค่าสิ!” แมนดี้หัวเราะคิกคัก! 'คุณคิดว่าคุณปู่ไนส์เวลล์เป็นใคร?' 'เอาล่ะ สมมติว่าผู้ชายคนนั้นเขาชื่นชมคุณเพราะคุณรู้วิธีประเมินโบราณวัตถุ' 'แต่ว่าเขาเป็นคนให้สิ่งนี้กับคุณ คุณกำลังล้อเล่นอะไรกับใคร?' พิธีมอบของขวัญยังคงดำเนินต่อไป แม้แต่อเล็กซ์ สวิฟต์และคนอื่น ๆ ก็เตรียมของขวัญมามอบให้คุณย่าเยตส์ด้วยในวันนี้ แน่นอนว่าของขวัญที่เหลือไม่ได้หรูหราฟุ่มเฟือยมากนัก เป็นเพียงการ์ดอวยพรและภาพวาดธรรมดา ๆ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดเป็นข้าราชการ สำหรับพวกเขาการเข้าร่วมงานเลี้ยงก็ถือว่าเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่พวกเขาสามารถให้ได้แล้ว คุณย่าเยตส์ไม่กล้าขออะไรมากมายจากพวกเขาอีก พิธีกรในงานนั้นเขามากด้วยประสบการณ์และสามารถอ่านสถานการณ์ได้อย่างเฉียบคม เขาพยายามคุยโวโอ