เคลลี่ มาโลนผงะเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำสองคำนี้ ไคเซ็น กรุ๊ปไคเซ็น กรุ๊ปเป็นกลุ่มใหญ่ ถ้าเขาสามารถทำงานในบริษัทนี้ได้ เขาจะมีอนาคตที่สดใสซึ่งดีกว่าบริษัทเล็ก ๆ ที่เขากำลังทำงานอยู่จูน ลีถอนหายใจอีกครั้ง แม้ว่าเธอจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากเฮเซล มาโลน แต่มันก็ดีกว่าปล่อยให้ไอ้เลวฮาร์วีย์ ยอร์กนี่มาทำตัวเป็งคางคกขึ้นวอในบริษัทเป็นหมื่นเท่าดังนั้นเธอจึงไม่พูดอะไรเฮเซลดูสับสน เธอคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะแนะนำฮาร์วีย์ให้รู้จักกับไคเซ็น กรุ๊ป แต่เธอรู้สึกว่าฮาร์วีย์เป็นพวกหัวรุนแรงและอาจทำให้เธอเสียชื่อเสียงได้ทุกเมื่อแต่เธอไม่ต้องการเห็นพ่อแม่ของเธอเอาแต่ทะเลาะกันเรื่องคนนอกอย่างฮาร์วีย์ ดังนั้นเธอจึงต้องยื่นมือออกมาแก้ปัญหา“แต่คุณพ่อ ขอหนูพูดให้ชัดเจนก่อน ในไคเซ็น กรุ๊ป น้องใหม่ของบริษัทไม่มีทางที่จะได้รับเงินหลายแสนดอลลาร์ พวกเขาจะดูที่ความสามารถก่อน! สถานที่นั้นให้ความสำคัญเรื่องความสามารถที่แท้จริงที่สุด”“หนูพาเขาเข้าไปทำงานได้เท่านั้น สำหรับความก้าวหน้าของเขานั้นล้วนขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง!”“ถ้าเขาทำผลงานได้ดี การจะหาเงินได้ปีละหลายแสนดอลลาร์ก็ไกลเกินเอื้อม อาจจะทำเงินได
จูน ลีก็คิดเช่นนั้นแม้แต่คนอย่างสตีเว่น วอล์กเกอร์ยังมีเงินเดือนเพียงสามแสนหนึ่งหมื่นดอลลาร์ต่อปีเท่านั้นฮาร์วีย์ ยอร์ก จะมีรายได้ต่อปีจำนวนหลายแสนดอลลาร์ได้อย่างไร?เขาคงได้แต่ฝัน!ทำไมเธอถึงยังต้องมานั่งทะเลาะกับเคลลี่ มาโลนในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้นี้ด้วย?จูนมองไปที่ฮาร์วีย์และพูดอย่างเย้ยหยัน ขณะที่กำลังคิด “ฮาร์วีย์! ถ้าตกลงตามนี้”“ก็รีบขอบคุณเฮเซล มาโลนเสียสิ!”“ไคเซ็น กรุ๊ป เป็นกลุ่มบริษัทที่มีชื่อเสียงมากในมอร์ดู เหล่าผู้ถือหุ้นล้วนเป็นสมาชิกระดับสูงของสาขาหลงเหมิน!“ถ้าได้ทำงานในบริษัทนี้คุณต้องภูมิใจแน่ เก็บไว้ประดับวงศ์ตระกูลก็ยังได้!”“แต่ฉันต้องขอบอกนายว่าหลังจากเข้าสู่ไคเซ็นกรุ๊ปแล้ว นายต้องจำหน้าที่ของนายให้ดี อย่าทำให้เฮเซลอับอายและสร้างปัญหาให้กับเธอ!“ถ้านายหาเงินได้หนึ่งแสนดอลลาร์ต่อปี ฉันจะไม่ห้ามเคลลี่เรื่องซื้อบ้านให้นาย!“และถ้านายหาเงินได้ปีละล้าน นายก็มีสิทธิ์จะทำคะแนนกับลูกสาวของฉัน!”“ก่อนที่จะทำตามเงื่อนไขเหล่านั้นได้ อย่าแม้แต่จะคิดเรื่องพวกนี้ นายเข้าใจไหม?!"เห็นได้ชัดว่าจูนปิดกั้นหนทางที่ฮาร์วีย์จะได้เข้าร่วมกับตระกูลมาโลนด้วยความช่วยเหลือ
ฮาร์วีย์ ยอร์กพูดไม่ออกชั่วขณะและไม่รู้จะพูดอะไรต่อเคลลี่ มาโลนรู้สึกอายมากเช่นกัน ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะมีค่ามากน้อยเพียงใด ก็ล้วนเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงน้ำใจของฮาร์วีย์ แต่มันกลับกลายเป็นเช่นนี้...เขาอายนิดหน่อยและพูดว่า “เอาล่ะ อย่าเอาแต่พูดเรื่องไร้สาระกันเลย รีบกินเถอะ!”ในทันใดนั้นเอง โทรศัพท์ของฮาร์วีย์สั่น เขาหยิบมันขึ้นมารับสายโดยไม่รู้ตัวและได้ยินเสียงตื่นตระหนกของโยนาลินช์จากปลายสาย “นายน้อยยอร์ก มีบางอย่างเกิดขึ้น รีบมาเร็วเข้า ไม่งั้นฉันจะ…”โทรศัพท์ถูกตัดสายไปก่อนที่โยนาจะทันได้พูดจบ เมื่อฮาร์วีย์โทรกลับไปเขาก็ได้รับเพียงเสียงสัญญาณตอบรับมีบางอย่างเกิดขึ้นกับตระกูลลินช์!แม้ว่าฮาร์วีย์จะไม่อยากสนใจความเป็นไปของตระกูลลินช์มากนัก แต่ในตอนนี้เขาก็ยังกังวลเล็กน้อยเรื่องโยนาเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วรีบพูดว่า “ลุงมาโลน มีบางอย่างเกิดขึ้น ผมต้องไปแล้ว ทานอาหารค่ำให้อร่อยนะครับ วันหลังผมจะเชิญไปทานอาหารเย็นด้วยกัน!”จากนั้นเขาก็เพิกเฉยต่อการยื้อของเคลลี่และออกไปทันทีหลังจากที่เขาพูดจบ“ฮึ่ม ฉันแค่ตุ๋นเห็ดของเขาและต้มชาผู่เอ๋อ มาทำตัวอย่างนี้ได้ยังไง?”จูน ลี โกรธจนตัวสั
เคลลี่ มาโลนไม่รู้ว่าพ่อตาของเขาจะทำอะไรและตอบโดยไม่รู้ตัวว่า “หลานชายของผมมอบให้…”"หลานชายเหรอ? ดี ดี หลานชายคนนี้ค่อนข้างดีกับเธอนะ!”คุณพ่อลีบีบกากชาเล็กน้อยแล้วเคี้ยวในปาก จากนั้นเขาก็ส่ายหัวและพูดว่า “นี่คือชาผู่เอ๋อดิบจากโอไฮโอ มีต้นชาเหลืออยู่เพียงสามต้นในบริเวณชายแดน ผลผลิตต่อปีมีไม่ถึงร้อยก้อนด้วยซ้ำ”“ฉันเคยเห็นมันในการประมูลมาก่อน ราคาประมูลเกือบถึงหนึ่งแสนสองหมื่นดอลลาร์ต่อก้อน เด็กที่ให้ชาผู่เอ๋อนี้กับเธอนั้นต้องให้ความเคารพต่อเธอมากเลยล่ะ!”เคลลี่และครอบครัวตกตะลึง "อะไรนะ? ชาผู่เอ๋อดิบ? หนึ่งแสนสองหมื่นดอลลาร์ต่อก้อน?”คุณพ่อลีหัวเราะและกล่าวว่า “ฉันดูไม่ผิดหรอกเคลลี่ ยังไงก็เถอะ เธอต้องให้ชาผู่เอ๋อครึ่งหนึ่งกับฉัน ชาอยู่ไหน? ขอฉันดูหน่อย!"สายตาของเคลลี่จับจ้องไปที่หม้อบนโต๊ะโดยไม่รู้ตัวคุณพ่อลีมองตามสายตาของเคลลี่ไป มุมตาของเขากระตุกในวินาทีต่อมา “ไข่ต้มใบชา? เธอใช้ก้อนชาผู่เอ๋อร์ราคา หนึ่งแสนสองหมื่นดอลลาร์ต่อก้อนมาทำไข่ต้มใบชาเท่านั้นหรือ?!”จูน ลีขมวดคิ้วและพูด “พ่อ หยุดพูดอะไรเลอะเทอะจะได้ไหม? นี่คือของขวัญจากญาติจน ๆ ของเคลลี่ มันจะเป็นชาผู่เอ๋อร์ที่มีรา
เฮเซล มาโลนมองไปที่แม่ล้มตัวลงไปด้วยสีหน้าหม่นหมอง เธอเพิ่งรู้สึกตัวหลังจากนั้นครู่หนึ่ง“ฮาร์วีย์ ยอร์กเป็นสามีแต่งเข้าบ้านของซีอีโอสาวคนหนึ่งไม่ใช่หรือ? เขาต้องเอาของขวัญพวกนี้มาจากบ้านของอดีตภรรยามาให้เราแน่ ๆ!”“ดังนั้นของพวกนี้จึงเป็นของจริง!”เฮเซลก็เป็นลมในทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องนี้จู่ ๆ ครอบครัวมาโลนก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น***ในขณะเดียวกันฮาร์วีย์ก็มาถึงที่คฤหาสน์ตระกูลลินช์ด้วยรถแท็กซี่แล้วขณะนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ท้องฟ้าสลัวและไฟของคฤหาสน์ตระกูลลินช์ก็สว่างขึ้นภายใต้สายลมจากทะเลที่พัดเข้ามา วิลล่าโบราณทั้งหลังดูคล้ายบ้านผีสิงในตำนาน“ความอาฆาตแค้น…”ฮาร์วีย์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเขาเข้าไปในคฤหาสน์ของตระกูลลินช์แต่เขาไม่ได้พูดอะไร“นายน้อยยอร์ก คุณมาแล้ว!”ฮาร์วีย์กดกริ่ง ในไม่ช้าโยนาลินช์ซึ่งดูกลุ้มใจก็เข้ามาทักทายเขาจากนั้นทั้งสองก็เดินไปที่สวนหลังบ้าน“ทำไมจู่ ๆ ถึงวางสายไปล่ะ?” ฮาร์วีย์พูดออกไป“แม่บุญธรรมของฉันทำโทรศัพท์ฉันพัง ตอนนี้สถานการณ์ยุ่งเหยิง…” โยนายิ้มอย่างขมขื่นขณะที่พวกเขาเดินเข้าไป พวกเขาเห็นผู้คุมและผู้คุ้มกันหลายคนรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ
ในขณะเดียวกัน มีคนมากกว่ายี่สิบคนนอนอยู่บนพื้น กระดูกของพวกเขาถูกหักทั้งหมด บางคนถึงหายใจไม่ได้และมีปัญหาด้านการหายใจอาจกล่าวได้ว่าความทุกข์ระทมได้แพร่กระจายไปทั่วสถานที่และช่างน่าสยดสยองผู้คุ้มกัดมากกว่าหนึ่งโหลปกป้องเบนจามิน ลินช์ไว้ เบญจามินยังคงตะโกนออกไปด้วยใบหน้าซีดเซียว “ห้ามใช้อาวุธร้ายแรง อย่าทำร้ายนายหญิงลินช์!”เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากเห็นภรรยาของเขาต้องเจ็บปวดโยนา ลินช์เดินไปอย่างรวดเร็วและกระซิบว่า “พ่อบุญธรรม! นายน้อยยอร์กมาแล้ว!”“น้องยอร์ก!”เบนจามินรีบเข้ามาหาทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น เขากระซิบ “ผมขอโทษ มันเป็นความผิดของผมเอง! โปรดยกโทษให้ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผมด้วย!”“ใช่แล้วล่ะ ทุกอย่างเป็นเหมือนที่คุณพูดไว้เลย ตอนนี้มันเริ่มอยู่เหนือการควบคุมแล้ว!”“ได้โปรดเถอะ น้องยอร์ก ผมขอร้องคุณ โปรดเมตตาและช่วยภรรยาของผมก่อน!”“หลังจากเรื่องนี้สิ้นสุดลง ไม่ว่าคุณจะเอ่ยขออะไร ผมจะไม่ปฏิเสธ ต่อให้คุณต้องการชีวิตของผม ผมก็ให้ได้!”ในตอนนี้เบนจามินนึกเสียใจ ฮาร์วีย์ ยอร์กทำนายสถานการณ์ปัจจุบันของภรรยาเขาได้ตั้งแต่ก่อนเที่ยง ซึ่งได้อธิบายถึงปัญหาที่พวกเขากำลังเผชิญอ
ขณะที่ฮาร์วีย์ ยอร์กหรี่ตา นายหญิงลินช์ที่เห็นฮาร์วีย์เข้าก็ทำท่าราวกับสัตว์ร้ายที่ดูหวาดกลัว จากนั้นเธอก็คว่ำผู้คุ้มกันทุกคนที่ล้อมรอบเธอลงกับพื้นทันทีจากนั้นเธอก็เดินตรงไปหาูผู้คุ้มกันคนหนึ่ง เธอเหวี่ยงหมัดไปทุบเขา"อ๊า!"ผู้คุ้มกันลอยออกไป เขากระอักเลือดออกมาก่อนจะเป็นลมไป ไม่รู้ว่าซี่โครงหักไปกี่ซี่ปัง ปัง ปัง!ในวินาทีหลังจากนั้น ผู้คุ้มกันบางคนก็ลอยออกไปทีละคน และพวกเขาทำได้เพียงหายใจอย่างโรยริน พวกเขาร่วงลงสู่พื้น“เจ้าปีศาจร้าย ฉันขับไล่แกออกไปแล้วนี่ แต่แกยังดื้อดึงไม่ยอมออกจากร่างของนายหญิงลินช์!”“พวกที่รับผิดชอบด้านอาวุธและการต่อสู้ เรียงแถวเป็นแนวหน้าและเป็นทัพหน้าให้ผม!”“โค่นเธอลง!”ในวินาทีต่อมา ท่านอาจารย์ซิกเลอร์ก็รีบวิ่งออกมาจากด้านข้างโดยถือดาบไม้ท้อและกระดาษสีเหลืองที่ถูกเผาไหม้อย่างต่อเนื่องหลายแผ่นนายหญิงลินช์รู้สึกราวกับถูกสะกดไว้เล็กน้อยขณะที่ดาบถูกกวัดแกว่งผู้หญิงสองสามคนของคฤหาสน์ลินช์กำลังดูความสนุกจากข้างสนาม พวกเธอต่างพากันโห่ร้องเมื่อเห็นท่านอาจารย์ซิกเลอร์ทำท่าทางราวกับเป็นผู้เชี่ยวชาญจากจักรวาลและดูทรงพลังมาก“ท่านอาจารย์ซิกเลอร์ไม่มีวัน
ก่อนที่ทิโมธี เฟจจะพูดจบ ในวินาทีต่อมาใบหน้าของเขาก็ซีดเซียว และปากของเขาก็อ้าค้างเบนจามิน ลินช์และคนอื่น ๆ ก็มองตามไปโดยไม่รู้ตัวเช่นกันจากนั้นพวกเขาก็เห็นนายหญิงลินช์ซึ่งตอนแรกนั้นแข็งแกร่งและดุร้าย กลับชะงักไปโดยไม่รู้ตัวเมื่อฮาร์วีย์ ยอร์กเดินไปใกล้ในวินาทีต่อมาเธอก็หันหลังกลับและวิ่งหนี…ทิโมธีตะลึง!โยนา ลินช์ตะลึง!เบนจามินเองก็ตะลึงเช่นกัน!ทุกคนต่างตกตะลึง!แม้ว่าตอนนี้ทั้งเบนจามินและโยนาต่างก็เชื่อว่าฮาร์วีย์จะสามารถแก้ปัญหาได้ แต่พวกเขาไม่เคยคิดถึงผลลัพธ์ที่แสนวิเศษเช่นนี้ เพียงแค่ก้าวออกไปเขาก็ทำให้นายหญิงลินช์ที่ดุร้ายหวาดกลัวได้ในทันที“คิดจะหนีเอาตอนนี้ ไม่สายไปหน่อยหรือ?”ฮาร์วีย์ดูเฉยเมยและก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เขาเชื่องช้า แต่กลับสาวเท้าได้ยาวในแต่ละก้าวเดินนายหญิงลินช์ดูเหมือนจะหวาดกลัว เธอยิ่งวิ่งเร็วขึ้นไปอีกทั้งสองมาถึงสวนด้านหลังในชั่วพริบตา“ฮาร์วีย์น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?”“แม้แต่ปีศาจก็ยังกลัวเขา?”"เป็นไปไม่ได้ เขาก็แค่ไอ้บ้านนอกคนหนึ่ง เขาจะมีความสามารถเช่นนี้ได้ยังไง?!”ทิโมธีตกตะลึง เขาไม่เคยคิดเลยว่าพี่สาวที่ทรงพลังมากในปัจจุบัน จะก