โยนา ลินช์เป็นคนแรกที่ตะโกนใส่ฮาร์วีย์ ยอร์ก "ไอ้ส*รเลว! กล้าดียังไงมาแช่งเจ้านายของฉัน?!”เมื่อเธอพูดจบปืนที่เอวก็ปรากฏขึ้นในมือของเธอ มันเกือบจะจ่อไปที่หน้าผากของฮาร์วีย์ชายและหญิงหลายคนเอามือท้าวเอวไว้ฮาร์วีย์ไม่สนใจคนกลุ่มนี้และพูดอย่างเฉยเมยว่า “คนที่ต้องการเอาชีวิตคุณจะมาฆ่าคุณอย่างช้าที่สุดในอีกสามวัน ถึงตอนนั้นแม้แต่เทพฮาเดสก็ไม่อาจช่วยคุณได้”“ใครจะกล้ามาปลิดชีวิตนายท่าน?!” ใบหน้าสวยของโยนาเย็นชา!“ฉันไม่สนใจว่าคุณเป็นใคร แต่การมาเพื่อเรียกร้องความสนใจวิธีนี้ คุณเชื่อไหมว่า ฉันจะฆ่าคุณในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า”“คุณรู้ไหมว่านายท่านของฉันคือใคร?”“ในมอร์ดูนายท่านของฉัน…”ขณะพูดออกไป ชายวัยกลางคนก็จ้องมองโยนะอย่างเย็นชา ซึ่งทำให้เธอหยุดพูดทันทีเธอเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอหลุดปากออกไป เธอจึงเปลี่ยนไปหัวข้ออื่นทันทีและพูดว่า “รีบขอโทษนายท่านเสีย ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าคุณ!”ในขณะที่พูด เซฟตี้ปืนของโยนาก็ถูกปลดออก และคราวนี้ปืนก็กดเข้าที่หน้าผากของฮาร์วีย์"หนวกหู!"ดวงตาของฮาร์วีย์เย็นชา เขาตบหน้าเธอโยนาวูบไปชั่วครู่ และก่อนที่เธอจะทันได้ตอบโต้ บนใบหน้าของเธอก็รู้สึกเจ็บปวดอย
ฮาร์วีย์ ยอร์กชำเลืองมองโยนา ลินช์ด้วยท่าทางประหลาดใจ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรมาก นี่เป็นเรื่องในตระกูลของคนอื่นเบนจามิน ลินช์เชิญให้ฮาร์วีย์นั่งลง จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “พ่อหนุ่ม ผมจะเรียกคุณว่าอย่างไรดี?”ฮาร์วีย์พูดอย่างเฉยเมยว่า “ฮาร์วีย์ ยอร์ก”เบนจามินรินชาให้ฮาร์วีย์และถามอย่างจริงจังว่า “น้องชายยอร์ก คุณรู้ทักษะทางการแพทย์บ้างไหม?”ฮาร์วีย์ตอบเบาๆ ว่า “ไม่”“แล้วคุณรู้ทักษะด้านฮวงจุ้ยหรือเป็นหมอดูงั้นเหรอน้องยอร์ก?”"ไม่"“แล้วทำไมคุณถึงบอกว่าผมจะอยู่ได้ไม่นาน น้องยอร์ก” เบนจามินพูดอย่างใจเย็นราวกับว่าเขาคุ้นเคยกับชีวิตและความตาย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถซ่อนความหวั่นไหวในดวงตาได้คนเราอาจจะคุ้นเคยกับชีวิตและความตายของผู้อื่น แต่ไม่มีใครสามารถเพิกเฉยต่อชีวิตและความตายของตนเองได้ฮาร์วีย์พูดอย่างเฉยเมย “มีคนต้องการให้คุณตาย ถ้าผมจำไม่ผิด มีการลอบสังหารอย่างน้อยสามครั้งในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ยิ่งไปกว่านั้น การลอบสังหารทั้งสามระลอกนี้ได้ทิ้งบาดแผลให้คุณอย่างน้อยสิบแห่ง คุณได้จ้างหมอฝีมือดีมาดูแลอาการบาดเจ็บของคุณ”เบนจามินตกใจมาก“ที่จริงทักษะทางการแพทย์ของแพท
“นายท่านลินช์?!”ลูกน้องของเขาทุกคนอ้าปากค้างเมื่อเห็นฉากนี้และเริ่มล้อมฮาร์วีย์ ยอร์กในทันทีโยนา ลินช์ยังพูดในขณะที่กุมแก้มของเธอด้วยว่า “ไอ้ส*รเลว แกมันอวดดี!”คงไม่มีใครคิดว่าวิธีแก้ปัญหาที่ฮาร์วีย์บอกคือการส่งเบนจามินให้ลอยออกไปเช่นนี้เขาต้องเป็นพวกไร้สมองอย่างแน่นอน!"หยุด! หยุด!”“อย่าทำอะไรวู่วาม!”ทันใดนั้นเอง เบนจามินพยายามลุกขึ้นจากพื้นและพูดกับโยนาและคนอื่น ๆ“พวกเธอจะหยาบคายกับน้องยอร์กไม่ได้!”โยนาและคนอื่น ๆ ผงะไปครู่หนึ่ง “นายท่านลินช์ ผู้ชายคนนี้ทำร้ายคุณ…”"ทำร้าย? บ้าเหรอ น้องยอร์กกำลังช่วยฉัน!”ทีแรก เบนจามินยังรู้สึกว่าฮาร์วีย์กำลังยั่วโมโหเขา ดังนั้นเขาจึงรำคาญมาก แต่เมื่อเขาฟื้นขึ้น เขาก็รู้ในทันทีว่าเขาได้พบกับปรมาจารย์ตัวจริงเข้าแล้วโยนาและคนอื่น ๆ มองไปรอบ ๆ พวกเขาตกใจมากที่เห็นว่าผิวพรรณของเบนจามินดีขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดสิ่งสำคัญที่สุดคือ ไม่เพียงแต่เลือดบนพื้นจะเป็นสีดำเท่านั้น แต่มันยังส่งกลิ่นเหม็นที่ไม่อาจบรรยายได้ออกมาไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันออกมาได้เพราะฮาร์วีย์เตะเขานี่มันได้ผลอย่างนั้นหรือโยนาและคนอื่น ๆ ตกตะลึงเล็กน้อย พวกเขา
เบนจามิน ลินช์เก็บหมายเลขโทรศัพท์ไปอย่างระมัดระวังและขอให้โยนา ลินช์มารับมันไว้ เขาพูดว่า “น้องยอร์กคุณสามารถให้โยนาช่วยคุณได้ทุกอย่างที่คุณต้องการในมอร์ดู”“พวกเรา ตระกูลลินช์ค่อนข้างมีอิทธิพลในดินแดนมอร์ดูของเรา ผมสัญญาว่าทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างราบรื่น”เห็นได้ชัดว่าเบนจามินยังสัมผัสว่าฮาร์วีย์ ยอร์กมาที่มอร์ดูด้วยเรื่องใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดูจะน่าลำบากใจ!แต่เขาติดหนี้บุญคุณฮาร์วีย์ที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ดังนั้นเขาจึงประกาศอย่างชัดเจนว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะยืนหยัดเคียงข้างฮาร์วีย์อย่างแน่นอนเขายังพยายามดึงฮาร์วีย์มาอยู่ข้างกายเขาย่อมต้องสนใจปรมาจารย์อย่างฮาร์วีย์แม้ว่าโยนาจะเย็นชาและดื้อรั้นไปสักหน่อย แต่เธอไม่ใช่คนโง่จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับทัศนคติของเบนจามิน เธอเข้าใจว่าฮาร์วีย์คือบุคคลที่พวกเขาต้องดึงเข้ามาเป็นพวกโยนากล่าวด้วยความเคารพว่า “พี่ยอร์กฉันต้องขอโทษที่คิดน้อยและทำให้ขุ่นเคืองใจเมื่อครู่!“ถ้าในอนาคตคุณต้องการอะไร บอกฉันได้เลย!”ฮาร์วีย์ยิ้มและพูดว่า “ด้วยความยินดี คุณลินช์ คุณใจดีมาก”เขาหยิบนามบัตรของโยนาขึ้นมาขณะพูดพวกเขาดูเหมือนจะเป็นคนที่มีภูมิหล
หลังจากที่โยนา ลินช์ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และเธอก็พูดต่อว่า “แต่ถ้าเขามาจากประเทศหมู่เกาะ…”เบนจามิน ลินช์หรี่ตาและพูดอย่างเฉยเมยว่า “นั่นไม่น่าเป็นไปได้หรอก แต่ถ้าได้รับการยืนยันว่าเขามาจากประเทศหมู่เกาะจริง หลังจากเราช่วยเขาสามครั้งและตอบแทนบุญคุณของเขาได้แล้ว ก็ฆ่าเขาทิ้งซะ”โยนาขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “เข้าใจแล้วค่ะ!”เบนจามินมองดูสีหน้าของโยนา ก่อนจะหัวเราะและพูดว่า “ทำไม? เธอชอบเขาเหรอ? คิดว่าเขาไม่ใช่คนเลวอย่างนั้นใช่ไหม?“ฉันก็ยังคิดว่าเขาไม่ใช่คนเลว แค่ว่าตระกูลลินช์เป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของประเทศ H ที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งกว่านั้น ฉันก็เป็นผู้บังคับบัญชาลำดับต้น ๆ จึงต้องระมัดระวังหลายอย่าง ระวังตัวไว้ก่อนก็จะดีกว่า”“หากเราพบว่าเราเข้าใจเขาผิดจริง ๆ เราอาจมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาทีหลังก็ได้ คิดว่าน้องยอร์กคงเข้าใจเรา”ใบหน้าของโยนาขึ้สีเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ก้มหัวลงและพูดว่า “นายท่าน ไม่ต้องกังวล ดิฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง”เบนจามินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ “อ้อ ใช่ มีอีกเรื่องที่สำคัญ เธอต้องหาให้ได้ว่าใครคือคนที่พยายามจะลอบสังหารฉันก่อนหน้านี้”
เจเรมี่ มาโลนมีสีหน้าเย็นชาทันทีที่เขานึกถึงเรื่องนี้ เขาเปิดประตูรถพร้อมกับคาบบุหรี่ไว้ในปากและพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “เอาข้าวของของนายไปใส่ในกระโปรงหลังรถ ระวังด้วย อย่าทำให้มันสกปรก”“แล้วก็ไปนั่งข้างหลัง หลังจากขึ้นรถแล้วก็ถอดรองเท้า ถือไว้ อย่าให้รถสกปรก!”“สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือการที่คนบ้านนอกอย่างนายมาที่นี่เพื่อเบียดเบียนซีอีโอมาโลน บอกไว้เลยนะ ฉันจะไม่ให้โอกาสนายได้ทำอย่างนั้นแน่!”ปัง!ฮาร์วีย์ ยอร์กมีท่าทีเฉยชา เขาเตะเจเรมี่ลงไปกับพื้นในทันทีเจเรมี่โกรธจัด “ไอ้เ*รนี่ แกจะเอาใช่ไหม?!”เพี๊ยะ!จากนั้นฮาร์วีย์ก็ตบหน้าเจเรมี่อย่างแรง ทำให้เขาก็กระเด็นออกไปทันที รอยฝ่ามือสีแดงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาเจเรมี่กุมใบหน้าอย่างไม่เชื่อ เขาไม่เคยคิดว่าฮาร์วีย์จะกล้าทำร้ายเขาแต่คนอย่างเขามักจะรังแกคนขี้ขลาดเสมอ เมื่อเห็นสีหน้าเฉยเมยของฮาร์วีย์ เขาก็สั่นโดยไม่รู้ตัวและพูดว่า “น้องยอร์ก เอาล่ะ ได้โปรด ได้โปรด!”หลังจากถูกฮาร์วีย์ตบหน้า เขาก็ไม่โอหังเหมือนเดิมจากนั้นฮาร์วีย์ก็เข้าไปนั่งเบาะหลังโดยไม่สนใจเจเรมี่ที่ตีหน้าขรึมอยู่ในขณะนี้แน่นอนว่าฮาร์วีย์จำเป็นต้องสอนบทเรียนให้กั
ฮาร์วีย์ ยอร์กตกตะลึงขณะมองดูสถานที่นี้นี่คือร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในปากอ่าวของมอร์ดู ว่ากันว่าร้านนี้มีประวัติยาวนานกว่าร้อยปีสถานที่นี้มีคุณภาพและมีระดับ มันมีบรรยากาศระดับไฮเอนด์ ซึ่งหรูหราและทันสมัยการรับประทานอาหารในสถานที่ดังกล่าว อาหารสักจานอาจมีราคาหลายร้อยดอลลาร์ หากต้องการจองห้องจะต้องมีจ่ายอย่างน้อยสองพันสามร้อยเหรียญเลยทีเดียวราคาดูเหมือนจะไม่น่ากลัว แต่คนจากชนชั้นแรงงานธรรมดา ๆ ไม่อาจใช้จ่ายในสถานที่ดังกล่าวได้เคลลี่ไปได้สวยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และถือว่าเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จแล้วสำหรับจูน ลี ภรรยาของเขาก็มีข่าวลือว่าเธอเปิดเฟรนไชน์ร้านเสริมสวย และธุรกิจก็ไปได้ดี รายได้ปีละหลายแสนเหรียญได้อย่างไม่ยากเย็นตระกูลเช่นพวกเขาเรียกได้ว่าอยู่ในวงชนชั้นสูงแห่งมอร์ดูเลยทีเดียว แต่พวกเขาสูงส่งเกินมาจะมารับประทานอะไรในที่แห่งนี้แล้ว“น้องยอร์ก กรุณาเข้าไป!”เจเรมี่ มาโลนรู้แล้วว่าญาติที่ดูน่าสงสารคนนี้เป็นคนโหดเหี้ยม เขารู้สึกว่าเขาสูงส่งชนิดที่ไม่มีใครเทียบได้ เขาไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับฮาร์วีย์ เขาจึงนำฮาร์วีย์เข้าสู่อาคารแห่งสันติภาพด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“คุณนา
ฮาร์วีย์ ยอร์กขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนเป็นเย็นชา“ฮาร์วีย์ หลานอยู่ที่นี่แล้วเหรอ”น้ำเสียงอบอุ่นดังมาจากด้านหลังในขณะนี้จากนั้นก็มีมือใหญ่ยื่นออกมาและตบไหล่ของฮาร์วีย์“ไอ้หนู หลานโตแล้วจริง ๆ เปลี่ยนไปเยอะเลย แต่ใบหน้าของหลานยังคงอ่อนโยนและบอบบางเหมือนเดิม”“หากเจอกันบนถนน ยังไงลุงก็ต้องจำหลานได้”เคลลี่ มาโลนมองไปยังฮาร์วีย์ด้วยความรู้สึกโล่งใจบนใบหน้าฮาร์วีย์หันศีรษะไปและเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย เขายิ้ม “ลุงมาโลน ผมไม่ได้เจอลุงมาสิบกว่าปีแล้ว”“อืม หลานมาถูกเวลาแล้ว เมื่อที่โทรหาหลานเมื่อวานนี้ ลุงยังกังวลว่าจะได้เจอหลานเมื่อไหร่ ไม่คิดเลยว่าหลานจะมาปรากฏตัวที่นี่วันนี้!“ไหน ๆ ก็มาแล้ว มาสนุกกันเถอะ!“ในมอร์ดูมีสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากมาย คนหนุ่มสาวควรมาที่นี่เพื่อเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น หลานต้องการไปที่ไหนและต้องการซื้ออะไรก็บอกมาได้เลย ลุงจะจัดการให้เอง”เคลลี่หยิบบัตรธนาคารออกมาและกำลังจะมอบให้ฮาร์วีย์เห็นได้ชัดว่าเขาดีกับฮาร์วีย์มากแต่เมื่อเห็นฉากนี้ใบหน้าของจูน ลีก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา จากนั้นเธอก็มองไปที่ฮาร์วีย์ด้วยความรังเกียจ'เพิ่งได้รับโทร