แมนดี้สูดลมหายใจลึก เธอหน้าถอดสีและดูสัญญาพรางขมวดคิ้วแน่น นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่มีคนแสดงเจตจำนงในการครอบครองรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ ก่อนหน้านี้ก็ตระกูลฌองจากมอร์ดูที่ทำให้เธอได้รับแรงกดดันค่อนข้างมาก สำหรับบริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปนี้ได้เพิ่มแรงกดดันให้เธอเป็นสิบเท่า “ผมจะให้เวลาคุณสามนาที่ในการพิจารณาเรื่องนี้ดู ขึ้นอยู่กับคุณเลยว่าจะเซ็นสัญญาหรือไม่” “แต่ถ้าคุณไม่เซ็น จำไว้ได้เลยว่าบริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปจะไม่มีวันยอมให้คนที่ดูถูกบริษัทลอยนวลอย่างแน่นอน!” เอ็ดดี้หัวเราะอย่างเยือกเย็น บอดี้การ์ดของเขาก้าวมาข้างหน้าด้วยสีหน้าเย็นชาหลังคำประกาศของเอ็ดดี้ ความกระหายเลือดของพวกมันแสดงออกมาอย่างชัดเจนมาก และมันเพียงพอที่จะหยุดฝูงชนทั้งหมดด้วยการเคลื่อนไหวง่าย ๆ เพียงครั้งเดียว ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วสถานที่ ทุกคนหายใจหายคอไม่ค่อยจะสะดวกในสถานการณ์อันน่าอึดอัดเช่นนี้ และไม่มีแม้กระทั่งเสียงลมหายใจเล็ดลอดออกมาท่ามกลางความเงียบนี้เลย พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าการคัดค้านบริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปนั้นไม่เป็นผลดีแน่ พวกเขาทุกคนหันไปหาแมนดี้ที่ในตอนนี้ใ
ฮาร์วีย์เมินเฉยต่อทุกคน แต่หันมามองที่เสื้อผ้าของเขาแทน “ภรรยาของฉันให้เสื้อตัวนี้กับฉัน และฉันชอบมันมาก” “ตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกโกรธ แต่ฉันก็อยากให้โอกาสพวกนาย ไปบอกเอกอัครราชทูตของดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินให้มาคุกเข่าและขอโทษฉันซะ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ปล่อยให้พวกนายหลุดมือไปจนกว่าความคับแค้นใจของพวกเราจะได้รับการล้างแค้น!” "อะไรนะ?! เอกอัครราชทูตของดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน?!” คำพูดของเขาทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่พึ่งจะได้ยิน หลังจากผ่านไปราวสิบวินาที ฝูงชนก็กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง “ฮาร์วีย์ นายบ้าหรือเปล่า? นายรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร?” “นายต้องการให้เอกอัครราชทูตของดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินมาคุกเข่าและขอโทษนายอย่างนั้นเหรอ? แล้วนายถึงจะยอมยกโทษ ถูกไหม?” “หากข่าวนี้ได้แพร่ออกไป จะถือว่ามันเป็นข้อพิพาททางการทูตเลยนะ!” "แกมันบ้าไปแล้ว! แกนี่มันบ้าจริง ๆ !” “แล้วแกคู่ควรแล้วหรือยัง?! แกเป็นแค่แมงดาเกาะผู้หญิงกินไปวัน ๆ ! แกไม่มีสิทธิ์นั้นแม้ว่าแกจะได้รับการสนับสนุนจากเจ้าชายยอร์กก็ตาม!” ซัคและคนอื่น ๆ รู้สึกว่าเรื่องนี้มันช
ฮาร์วีย์เตะไปที่เข่าของเอ็ดดี้ส่งผลให้เข่าของเขาหักในทันที เอ็ดดี้กรีดร้องราวกับหมูที่ถูกเชือด และรีบคุกเข่าลงต่อหน้าของฮาร์วีย์ เปรี้ยง! ฮาร์วีย์เดินไปหาเทรซี่และตบเธออย่างแรงจนเธอล้มลงไปกองกับพื้น การตบนั้นรุนแรงมาก และดูเหมือนว่ามันจะทำให้ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวด้วย ในเวลาไม่ถึงนาที ทั้งสองคนที่เคยอวดอ้างหยิ่งยโสโอหังก่อนหน้านี้กลับคุกเข่าลงต่อหน้าของฮาร์วีย์อย่างเปิดเผย “ฮาร์วีย์? แกรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่?! แกเพิ่งทำร้ายคนจากดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินนะ! มันเท่ากับว่าแกกำลังหาทางส่งตัวเองไปตายอยู่!” “ฮาร์วีย์ แกมันบ้าไปแล้ว!” สายตาของซัคและเด็กซ์เตอร์กลายเป็นเคร่งเครียด แม้ว่าพวกเขาจะต้องการหยุดฮาร์วีย์ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าทำเช่นนั้น ฮาร์วีย์หันมาจ้องมองพวกเขาอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็คว้าขวดไวน์บนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจนัก เพล้ง! เสียงแก้วแตกดังขึ้นพร้อมกับขวดไวน์ที่แตกละเอียดเป็นชิ้น ๆ ตอนนี้หัวของเอ็ดดี้มีหยดเลือดจำนวนมากเริ่มไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย และร่างกายของเขาก็โอนเอียงไปมา “ฉันจะทุบหัวมันทุกครั้งที่พวกนายพูดเรื่องไร้สาระ มาดูกันว่าพวกนายจะพูดได้มากเท่
ฮาร์วีย์หัวเราะเบา ๆ “ทำไมเราต้องหนี?” “ผมต้องรอเอกอัครราชทูตของดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินที่จะมาขอโทษก่อน” “...” ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที รถยนต์หรูที่มีใบอนุญาตทางการทูตก็ปรากฏขึ้นที่หน้าร้านเวสทิน ดินเนอร์ ชายหลายคนรีบลงจากรถมุ่งตรงมายังชั้นสาม เอ็ดดี้รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเมื่อเขาได้ยินเสียงกระทบของรองเท้าคอมแบทจากทางด้านนอก ซัคและเด็กซ์เตอร์รวมถึงคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาด้วยเช่นกัน กลุ่มชายชาวตะวันตกรูปร่างสูงและกำยำผมสีบลอนด์และดวงตาสีฟ้าเดินปึงปังเข้ามาข้างใน พวกเขาสวมเครื่องแบบเต็มยศ และบางคนก็มีวิกผมสีขาวตามแบบฉบับเครื่องแบบของชาวตะวันตกด้วย คนที่เป็นผู้นำกลุ่มคือชายชาวตะวันตกวัยกลางคน มองเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะแยกแยะได้ว่าเขาเคยผ่านสงครามมาแล้ว เขาพกออร่าอันทรงพลังติดตัวมาด้วย เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเอกอัครราชทูตของดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน ไวเคานต์รูเบิร์ตนั่นเอง อีกทั้งเขายังมีอีกตัวตนในชื่อของเขา นั่นคืออดีตรองผู้บัญชาการของอัศวินเทมพลาร์นั่นเอง แต่ตอนที่เขาต่อสู้ในสมรภูมิยูโรอเมริกันก่อนหน้านี้ เขารู้สึกหวาดกลัวชาวตะวันออกอย่างไม่สา
รูเบิร์ตได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากคุกเข่าอยู่เป็นเวลานานสองนาน เขาเงยหน้าขึ้นมองฮาร์วีย์พร้อมด้วยอาการตัวสั่นเทา ทันทีที่เขาเห็นใบหน้าของฮาร์วีย์ เขาก็รีบก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัวอีกครั้ง “ทะ...ท่านสบายดีไหมครับ” ผู้ติดตามของเขาไม่มีความกล้าแม้แต่จะสบตากับฮาร์วีย์เช่นเดียวกับรูเบิร์ต พวกเขาทั้งหมดนั่งตัวสั่นเทาอยู่ที่พื้นด้วยอาการหวาดกลัวอย่างมาก ฮาร์วีย์ตอบกลับอย่างใจเย็นว่า “ฉันสบายดีแต่เหล่าผู้คนจากประเทศของคุณนั้นช่างกล้ามาก” “พวกเขากล้าที่จะบังคับให้ภรรยาของฉันขายรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์” “แล้วพวกเขาก็กล้ามากที่มาทำเสื้อตัวโปรดของฉันสกปรก” “ฉันควรจะคิดว่าเรื่องทั้งหมดเหล่านี้เป็นการที่ประเทศของคุณกำลังยั่วโมโหฉันอยู่หรือเปล่านะ?” "ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน! ท่านไม่สมควรโดนเช่นนี้! พวกเราไม่ได้ตั้งใจ! ไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น!” รูเบิร์ตคร่ำครวญอยู่ที่พื้น เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัว “ดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินไม่มีทางอนุญาตให้ทำเช่นนี้! ต้องมีเจ้าคนโง่ที่นี่ที่กำลังพยายามก่อความวุ่นวายอยู่แน่ ๆ !” “ผมจะมอบความยุติธรรมให้แก่ท่านอย่างแน่นอน!”
ตัวตนที่แท้จริงของฮาร์วีย์เป็นแบบไหนกันแน่?! แม้แต่รองประธานจากบริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปก็ยังกลัวเขา! พระเจ้า! มันช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ! ไม่มีใครสามารถเดาตัวตนของฮาร์วีย์ได้เลยด้วยซ้ำ ฮาร์วีย์พูดอย่างใจเย็น “ลืมมันไปซะเถอะ อย่าลากครอบครัวของพวกเขาเข้ามาเกี่ยวข้องเลย ขอเพียงแค่ผู้ที่ก่อเรื่องทั้งหมดนี้ออกมาชี้แจง และไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง” "ได้ครับ! แน่นอน! ผมจะให้คำชี้แจงที่ยุติธรรมแก่ท่านอย่างแน่นอน! ได้โปรดรอก่อนนะครับ!" ชาร์ลี คลานเข่าและสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่เอ็ดดี้ซึ่งนอนเป็นผักอยู่ที่พื้น "เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่คืออะไร? ฉันให้แกเป็นตัวแทนของบริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปเพื่อที่แกจะได้รับผลประโยชน์จากเรามากขึ้น ไม่ใช่ให้แกมาสร้างปัญหามากมายขนาดนี้!” “แกรู้บ้างไหมว่าการกระทำของแกในวันนี้จะทำให้พวกเราประสบความสูญเสียที่ไม่อาจเอาชนะได้เลย? บางทีอาจทำให้เราถึงขั้นล้มละลายเลยก็ได้ รู้บ้างไหม?!” เอ็ดดี้ตัวสั่นด้วยความกลัว "นี่มันไม่ช่างยุติธรรม! เขาคือใคร?! ทำไมเขาถึงได้มาเหยียบย่ำฉันแบบนี้?” “ไม่ยุติธรรมอย่างนั้นเหรอ?!” ชาร์ลีหัวเราะอย
ในเวลาต่อมา ชาร์ลีและรูเบิร์ตก็ได้จากไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับคนอื่น ๆ งานเลี้ยงตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนต่างก็ตัวสั่นเทาไปหมดขณะที่พวกเขาจ้องมองไปที่ฮาร์วีย์ด้วยความกลัว พวกเขาไม่ใช่คนโง่เง่า ฮาร์วีย์สามารถจัดการกับคนจากดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินได้อย่างง่ายดาย และในเมื่อเป็นเช่นนั้นเพียงแค่คำพูดของเขามันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าเขาสูญเสียทุกอย่าง ฮาร์วีย์ยิ้มและมองไปที่ซัค น้ำเสียงของเขาเย็นชามาก “ฉันได้ยินมาว่านายทำตัวนอกลู่นอกทางอยู่บ่อย ๆ เพื่อก่อความวุ่นวายในสถานที่ทำงานของภรรยาของฉันเหรอ คุณซัค?” “นั่นเป็นโครงการปรับปรุงเก่าสามโครงการที่ได้รับอนุมัติโดยโยเอลเอง แต่นายก็ยังกล้าหาญที่จะก่อความวุ่นวายอีกเหรอ? นายกล้าที่จะหยุดโครงการจริง ๆ เหรอ?” เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นบนใบหน้าของซัค เขารู้ดีว่าชายตรงหน้าของเขานั้นมีสถานะที่ไม่ธรรมดาแน่ ๆ หนำซ้ำเขายังรู้สึกอยากที่จะคุกเข่าลงในตอนนี้เสียด้วยซ้ำ แต่ในฐานะข้าราชการ เขาเข้าใจดี ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่สามารถคุกเข่าได้! เขาต้องต่อสู้ด้วยเหตุและผลถึงแม้ว่าเขาจะต้องใช้ความพยายามเจียนตายก็ตาม ไม่อย่างนั้นชีวิตขอ
หลังจากนั้นไม่นาน รถคันหนึ่งก็มาจอดที่หน้าทางเข้าโรงแรมเวสทิน ชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมลงจากรถด้วยสีหน้าอันเศร้าหมอง เมื่อซัคเห็นชายคนนั้น เขาก็เปี่ยมช้นไปด้วยความสุข เขารีบรุดไปหาชายคนนั้นทันที "พ่อ! ในที่สุดพ่อก็มาถึงแล้ว! พ่อต้องช่วยผมทวงคืนความยุติธรรมนะ!” ริชาร์ดพ่อของซัคนั้นฟุ้งไปด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์อย่างแรง เห็นได้ชัดว่าเขาเพิ่งดื่มมา เขามองไปที่ซัคแล้วถามว่า “มันเป็นใครล่ะ?! มีคนกล้าดูหมิ่นฉันในบัควู้ดแห่งนี้ได้อย่างไร?!” ซัคยังคงสงบนิ่ง เขาชี้ไปที่ฮาร์วีย์และกระซิบว่า “คนนั้นแหละพ่อ แต่ตัวตนของเขาดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเลยทีเดียว” "พิเศษเหรอ?" ริชาร์ดมองสำรวจฮาร์วีย์แล้วเสียงอันสุดแสนจะเย้ยหยันก็ออกมาจากแกของเขา “ฉันทำงานให้กับรัฐบาลมาหลายปีแล้ว ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนที่อายุน้อยเท่านี้มาก่อนในรัฐบาล!” “ไม่ว่าจะมีสถานะสูงเฉียดฟ้าเพียงใด พวกเขาล้วนแล้วเป็นขยะเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ของรัฐ!” ซัคเริ่มระเบิดความกล้าอีกครั้งหลังจากได้ยินคำพูดของพ่อ ในตอนแรกเขาสันนิษฐานว่าฮาร์วีย์คงเป็นเพียงแค่ผู้มีอำนาจในรัฐบาลบัควู้ด ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่รู้สึกสะทกส