ฮาร์วีย์ไม่ได้ตั้งใจอยากที่จะทะเลาะกับเด็กแต่เมสันกำลังทำตัวราวกับว่าเขาเป็นราชาของโลกทั้งใบ แต่ในสายตาของฮาร์วีย์เขาเป็นเพียงแค่เด็กเหลือขอเท่านั้นฮาร์วีย์จะสนใจสักนิดได้อย่างไร?เขายอมคุยด้วยเพียงเพราะเขาหวังว่าเมสันจะหยุดรังควานซีนเธียร์สักทีพูดอย่างปกติ ลืมทายาทร่ำรวยแห่งรีเจนซี่ เอ็นเทอร์ไพรส์ไปได้เลย แม้แต่คณบดีของมหาวิทยาลัยบัควู้ดยังไม่มีสิทธิ์ที่จะคุยกับเขาแต่เมสันพบว่าคำพูดของฮาร์วีย์เป็นการหยามเกียรติอย่างมากเขาชี้ตรงไปที่ฮาร์วีย์อย่างเกรี้ยวกราดและตะโกน “นายคิดว่านายเป็นใครถึงกล้ามาบอกให้ฉันขอโทษ?!”“ฉันขอเตือนนาย! ว่าฉันรู้ทันนาย!”“ฉันต้องการซีนเธียร์และคืนนี้ฉันก็จะนอนกับเธอด้วย! ไม่ใช่แค่นั้นนะ ฉันจะทำให้นายคุกเข่าและมองดูทุกอย่างข้าง ๆ !”สมุนของเมสันเผยการแสดงออกที่เลวร้ายและในทิศทางที่ผิดของคำพูดของเขาโดยปกติแล้วครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทำอย่างนี้แต่คำพูดของเมสันทำให้ฮาร์วีย์โกรธอย่างมากเขายังแทบไม่กล้าที่จะแกล้งน้องสะใภ้ของเขาอย่างนี้เลยแต่คนพวกนี้ยังกล้าที่จะพูดแบบนี้เหรอ?ฮาร์วีย์ก้าวออกไปข้างหน้าอย่างคอแข็งเมื่อเห็นท่าทางของฮาร์วีย์
“เกิดอะไรขึ้น?”“เขาถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินเหรอ?!”เริ่มแรกท่าทีเรียบง่ายและนิ่งสงบของเจคอบก็เปลี่ยนไปทันที เขายืนขึ้นด้วยความโกรธ“ประธานวอร์เนอร์ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” แมนดี้ถามเจคอบตอบกลับด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง “ประธานซิมเมอร์ ผมเกรงว่าเราคงต้องเลื่อนการเจรจาของเราออกไปอีกสองสามวันนะครับ”“ลูกชายของผมถูกทำร้ายอย่างหนักที่มหาวิทยาลัยและถูกส่งเข้าโรงพยาบาลครับ แล้วยังไม่พบคนที่ทำผิดอีกครับ ผมต้องไปตรวจสอบดูสักหน่อย”“เป็นไปไม่ได้ที่ลูกชายของผมจะถูกทำร้ายโดยไม่หวังอะไร ใช่ไหม?”แมนดี้จัดการร่วมมือระหว่างทั้งสองบริษัทด้วยความเคารพอย่างสูง เมื่อฟังเจคอบ เธอพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องไปเยี่ยมกับประธานวอร์เนอร์ด้วยเหมือนกันค่ะ”“ได้ครับ”ไม่นานทั้งสองคนได้เดินทางมาถึงที่โรงพยาบาลเจคอบหน้าเสียทันทีเมื่อเขาเห็นเมสันที่มีผ้าพันแผลอยู่เต็มไปหมดถูกพาออกมาจากห้องฉุกเฉิน “ใครทำให้ลูกอย่างนี้?! ไม่ได้บอกพวกเขาเหรอว่าลูกเป็นทายาทของรีเจนซี่ เอ็นเทอร์ไพรส์?!”ใบหน้าของเจคอบเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น“พ่อครับ ผมบอกเขาแล้ว! แต่เขาไม่ได้สนใจเลย!”“เขายังบอกด้วยว่าเขาจะหักขาของพ่อด้วย
“ทำร้ายเหรอ?”อีกด้านหนึ่งของสาย ฮาร์วีย์ได้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นกับเมสันไปแล้ว แต่เมื่อแมนดี้ถามเขา เขาก็นึกขึ้นได้ทันที“ผมไม่ได้ทำร้ายใครเลยนะ ผมแค่สั่งสอนเด็กเอง”“สั่งสอนเหรอ?”แมนดี้ไม่อยากจะเชื่อ“คุณจะบอกว่าคุณแค่สั่งสอนด้วยการทำให้ทายาทของรีเจนซี่ เอ็นเทอร์ไพรส์เข้าโรงพยาบาลเหรอ?!”“ฉันจะบอกคุณไว้เลยนะ! คุณกำลังเจอปัญหาใหญ่แน่!”แมนดี้วางสายอย่างเกรี้ยวกราดเธอสูดหายใจเข้าเพื่อให้ใจเย็นลง ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็โค้งให้เจคอบ “ประธานวอร์เนอร์คะ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเราค่ะ!”“ฉันจะมอบเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นดอลลาร์เพื่อเป็นการชดเชยที่ทำร้ายจิตใจลูกชายของคุณค่ะ พร้อมกับค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดค่ะ”“แล้วเรื่องความร่วมมือของเขา บริษัทของเราจะมอบหุ้นส่วนของเราให้สิบเปอร์เซ็นต์เพื่อเป็นการขอโทษจากฉันค่ะ”แต่คำพูดของแมนดี้กลับทำให้เจคอบหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็นเท่านั้น “เงินเหรอ? คุณคิดว่ารีเจนซี่ เอ็นเทอร์ไพรส์ต้องการเงินเหรอ?”แมนดี้ขมวดคิ้ว“แล้วสิ่งที่คุณต้องการคืออะไรคะ ประธานวอร์เนอร์? เราจะทำทุกอย่างด้วยอำนาจของเราค่ะ ตราบใดที่คุณเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ”
ณ คฤหาสน์ของตระกูลเยตส์เจคอบแวะมาเยี่ยมพร้อมกับของติดไม้ติดมือเขามาด้วย ใบหน้าของเขาย่ำแย่อย่างมาก “คุณเยตส์ บรรยากาศธุรกิจในเซาท์ไลท์แย่ขนาดนี้แล้วเหรอ?”“ผู้คนสามารถไปทำร้ายลูกของอีกฝ่ายเพื่อชนะการเจรจาเหรอครับ?”ด้วยสิ่งนี้ทำให้ท่าทีของคีธ เยตส์เปลี่ยนไป “ใครกันที่ทำพฤติกรรมเกินคนอย่างนี้?!”“วงการธุรกิจของเซาท์ไลท์มีความยุติธรรมและอยู่ในกรอบมาโดยตลอด! ใครที่สร้างความวุ่นวายอย่างนี่มีแต่จะทำให้ชีวิตของเขาอยู่ยากขึ้น!”“คุณไม่ได้บอกอีกฝ่ายเหรอครับว่าผมเป็นคนที่คอยสนับสนุนคุณอยู่เบื้องหลัง?”เจคอยถอนหายใจและตอบกลับ “คุณเยตส์ อาจเป็นเพราะอำนาจของคุณคงจะไม่ยิ่งใหญ่อีกต่อไปแล้ว”“เมสัน ลูกชายของผมได้กล่าวชื่อของคุณไปแล้ว แต่ใครบางคนยังคงกล้าที่จะหักซี่โครงของเขาอยู่ ตอนนี้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลครับ แทบจะทนไม่ไหวครับ!”“อะไรนะ?!”คีธยืนขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด ท่าทีของเขาย่ำแย่มากเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ทำให้สายสัมพันธ์มี่เป็นของตระกูลเยตส์ได้ลดลงไปสามสิบเปอร์เซ็นต์เพื่อครอบคลุมการสูญเสียของพวกเขา ตระกูลเยตส์พยายามตั้งใจที่จะเอาใจรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์แต่ตอนนี้ ลูกน้อง
เจคอบยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นความไม่สบายใจของตระกูลเยตส์ก่อนหน้านี้ เขาได้สืบและค้นพบมาแล้วส่าแมนดี้ ซิมเมอร์เป็นหลานสาวของตระกูลเยตส์แต่เขายังไม่มั่นใจว่าความสัมพันธ์ของเธอกับตระกูลเยตส์เป็นอย่างไร เขาจึงต้องพูดทั้งหมดออกมาเพื่อได้รับข้อมูลจากตระกูลเยตส์ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าตระกูลเยตส์ไม่ต้อนรับแมนดี้ ซิมเมอร์และฮาร์วีย์ ยอร์ก พูดได้ว่าพวกเราจงเกลียดจงชังทั้งคู่!ในเมื่อเป็นเพราะเรื่องนี้ เจคอบก็สามารถดำเนินธุรกิจของเขาต่อได้อย่างไร้ยางอายเขายังสามารถใช้ตระกูลเยตส์เพื่อต่อต้านแมนดี้ ซิมเมอร์ ในเมื่อพวกเขาสนับสนุนเขาอยู่แล้วเขาสามารถบีบบังคับให้แมนดี้ยอมเขาได้!คีธครุ่นคิด“บอกให้ฟินน์กลับมาบ้าน”ไม่นานฟินน์ เยตส์ก็เดินทางกลับมาเขาเป็นผู้บัญชาการลำดับสามของสถานีตำรวจบัควู้ด ตำแหน่งปัจจุบันของเขาตอนนี้คือรองสารวัตรนับได้ว่าเขาเป็นชายที่โดดเด่นแม้ว่าอายุของเขาจะยังหนุ่มก็ตาม“ฟินน์ ไปตามหาฮาร์วีย์ ยอร์กกับประธานวอร์เนอร์และบอกเขาว่าเขาต้องทำอะไร!”“ตลอดเวลาเขาเอาเปรียบคนอื่นโดยไม่มีเหตุผล ถ้าประธานวอร์เนอร์ไม่ได้ต้องการที่จะคุยกับผู้ชายคนนี้อย่างส่วนตัว อย่างนั้นก
ฮาร์วีย์ตอบกลับอย่างใจเย็น “บางคนก็แค่ต่ำเกินไป คุณทำให้พวกเขาเห็นไม่ได้หรอกถ้าไม่จัดการเรียกสติพวกเขา”“ถ้าผมไม่ทำอย่างนั้น เด็กผู้ชายคนนั้นคอยรังควานซีนเธียร์ต่อไปเรื่อย ๆ จากนั้นมีเพียงแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”“อีกอย่าง ผมไม่ได้อยู่กับซีนเธียร์ตลอดเวลาเหมือนกัน”“ใช่! พี่เขยแค่พยายามจะปกป้องฉันเอง หยุดโทษเขาได้แล้ว”ซีนเธียร์ดึงมือของแมนดี้มาพร้อมกับทำสายตาน่าสงสารแมนดี้ถอนหายใจและไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อแต่ปัญหาก็คือเมสันถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลและเหตุผลทุกอย่างก็อยู่ข้างเขาเธอจะรับมือกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?แมนดี้ไม่คิดที่จะยอมรับเงื่อนไขที่อีกฝ่ายได้ตั้งขึ้นหรอกแต่พวกเขาคงไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แน่เรื่องนี้มันชวนปวดหัวสุด ๆ !ในตอนนั้นเองเสียงออดประตูก็ดังขึ้นเจคอบ วอร์เนอร์และฟินน์ เยตส์ อยู่ที่ประตูและพากลุ่มสารวัตรมาพร้อมกันกับพวกเขาใบหน้าของเจคอบเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งฟินน์จับไปที่อาวุธที่ห้อยอยู่ที่เอวของเขาและประกาศอย่างเคร่งขรึม “ฮาร์วีย์ ยอร์กและแมนดี้ ซิมเมอร์! ฉันมาที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนของสถานีตำรวจบัควู้ด”“ฮาร์วีย์ ยอร์ก! นายได้ก่อเหตุทำร้
“ใช่! โดยปกติประธานสภานักศึกษาเป็นราชาแห่งมหาวิทยาลัยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันปกตินะ เพราะเมสันก็มีคุณสมบัติอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ!”“เธอต่างหากที่ไร้ยางอาย! เธอแสดงความรักกับพี่เขยของเธออย่างเปิดเผย เธอถูกทำให้อับอายจนโกรธตอนที่ทุกอย่างเปิดเผยและทำร้ายเมสัน!”ซีนเธียร์หน้าเสีย เธอหันไปหาดเวย์น “รุ่นพี่ฮาริสเต็มใจที่จะยืนหยัดเพื่อเมสันแม้ว่าเขาจะเป็นคนทำร้ายรุ่นพี่เหรอคะ?”ดเวย์นตอบกลับด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง “ซีนเธียร์ เธอหยุดบิดเบือนความจริงสักทีได้ไหม? คนที่ทำร้ายฉันคือฮาร์วีย์ ยอร์ก พี่เขยของเธอนะ!”“ฉันไม่อยากจะทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แต่เธอพูดขึ้นมาเองนะ!”ซีนเธียร์ชะงักเพราะคำสารภาพของดเวย์นเธอไม่เคยคาดคิดว่าดเวย์นจะโยนความผิดไปให้ฮาร์วีย์อย่างนี้ตอนนี้ทำให้ฮาร์วีย์เข้าใจทุกอย่างดีการร่วมมือกันระหว่างเจคอบและตระกูลเยตส์ได้ถูกเตรียมไว้หมดแล้วถึงแม้ว่าพ่อของดเวย์นจะทำงานให้กับรัฐบาลของบัควู้ด แต่เขาเป็นเพียงแค่ลูกน้องที่ไม่มีความสำคัญในสายตาของตระกูลเยตส์เขาจะกล้าขัดคำสั่งเหรอ?นักศึกษาเหล่านี้จะกล้าขัดคำสั่งตระกูลเยตส์และรีเจนซี่ เอ็นเทอร์ไพรส์เหรอ?
คำพูดของฟินน์นั้นทำให้ไซม่อนและครอบครัวของเขาหน้าถอดสีแลดูหวาดกลัวตำแหน่งของฟินน์ในฐานะเจ้าชายของตระกูลเยตส์ไม่ได้มีไว้เพื่อประดับบารมี ว่ากันว่าเขาเคยเรียนในมหาวิทยาลัยที่ก่อตั้งโดยกรมตำรวจเซาท์ไลท์ และเป็นแชมป์การแข่งขันการต่อสู้ของกองกำลังตำรวจสองสามสมัยในสมัยที่เขาอยู่ที่นั่นแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนประเภทที่จะออกตัว แต่หากเขาได้เริมจัดการแล้ว เขาจะทำลายล้างหรือแม้กระทั่งฆ่าคู่ต่อสู้ได้อย่างแน่นอนตระกูลเยตส์ส่งฟินน์ไปช่วยเหลือรีเจนซี่ เอ็นเทอร์ไพรส์และออกตัวในครั้งนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ได้ว่าฮาร์วีย์แพ้แน่นอน!การที่ยอมอยู่เฉย ๆ เหมือนเป็นจะต้องการแสดงชัยฮาร์วีย์อาจถูกจัดการจนต้องพิการไปตลอดบั้นท้ายชีวิต ชะตากรรมเลวร้ายยิ่งกว่าความตายมองดูท่าทีเย็นชาของฮาร์วีย์ ฟินน์ตีความไปว่าฮาร์วีย์คงจะตกใจฟินน์เดินเข้าหาฮาร์วีย์ ตบลงที่แก้มฮาร์วีย์เบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย“เพราะเราเป็นญาติกัน นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายของฉัน”“นายต้องไปที่สำนักงานใหญ่ของรีเจนซี่ เอ็นเทอร์ไพรส์ และแก้ไขปัญหานี้กับท่านประธานวอร์เนอร์ก่อนเที่ยงคืน”“ถ้าไม่อย่างนั้น นายจะได้เห็นเองว่าจะเกิด