“ไอ้เด็กผู้หญิงหยาบคาย! เธอกล้าตบฉันเหรอ!”ชายชาวประเทศ J สองคนโกรธจัดในทันทีพวกเขาคุ้นเคยกับการแสดงออกอย่างหยิ่งยโสเมื่อตอนอยู่ในประเทศของตัวเอง ไม่มีใครกล้าโต้กลับเขาแบบนี้แม้ว่าจะรังควานผู้หญิงแบบไหนก็ตาม ไม่เคยเลยสักครั้งในชีวิตที่จะถูกผู้หญิงตบเพียะ!ในเวลาต่อมา หนึ่งในนั้นตบซีนเธียร์กลับไป!“กล้าตบฉันเหรอ! อยากตายหรือไง?”“เราจะไปแจ้งความ! เธอจะต้องชดใช้ความเสียหายของเรา!”อีกคนหนึ่งทุ่มชามกระเบื้องลงพื้นแตกเป็นชิ้น ๆจากนั้นก็โทษความผิดให้ซีนเธียร์จนถึงตอนนี้สถานการณ์เริ่มแย่ลงพนักงานในตลาดของโบราณเริ่มออกมามุงดูชายวัยกลางคนที่เป็นที่ดูเป็นผู้นำขมวดคิ้ว “ผม วอลเลซ ชอว์น เป็นผู้จัดการตลาดของโบราณ ถ้ามีอะไรก็แจ้งปัญหาผมได้ครับ”ทุกคนเรียกเขาทันที “ผู้จัดการ! คนพวกนี้กำลังรุมทำร้ายเด็กสาวคนนี้ พวกเขาเขวี้ยงทิ้งสินค้าและกล่าวโทษเธอทุกอย่าง!”เมื่อวอลเลซรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เขาให้ชายสองคนไปพักผ่อนในเลานจ์ส่วนตัววีไอพี“เชิญคุณผู้ชายเข้าไปพักผ่อนด้านในก่อนนะครับ ผมจะให้คำตัดสินที่ยุติธรรมแก่คุณสำหรับเหตุการณ์นี้”ในสายตาของท
“ไร้ยางอายสิ้นดี!”ซีนเธียร์แทบไม่เชื่อหูของเธอเลย ผู้ชายคนนี้พูดแบบนี้ต่อหน้าผู้คนมากมายได้อย่างไร?“เห็น ๆ กันอยู่ว่าพวกเขารังแกฉันก่อน! ฉันโกรธ ฉันก็ต้องปกป้องตัวเอง!”“ไม่เพียงแต่พวกเขาทำร้ายฉันแต่ยังทำลายสินค้าในร้านอีก คุณยังขอให้ฉันเป็นคนชดใช้ค่าเสียหายอีกเหรอ? คุณยังต้องการให้ฉันไปดื่มกับพวกเขาต่ออีกเหรอ?! คุณมันช่างไร้เหตุผลได้อะไรอย่างนี้?!”“โอ้ โอ้! คุณยอมรับแล้วเหรอว่าคุณทำร้ายพวกเขาก่อน!”“ผมได้ให้คนบันทึกวิดีโอที่คุณทำร้ายพวกเขา!”“ถ้าคุณไม่ยอมรับเงื่อนไขการไกล่เกลี่ยของเรา เราจะแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้!”“แค่จ่ายเงินหนึ่งล้านดอลลาร์ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คุณติดคุกได้นาน!”วอลเลซขู่ซีนเธียร์ชะงักแม้ว่าเธออาจจะดูร้ายกาจไปบ้างในบางครั้ง แต่เธอก็ยังเป็นแค่เด็กนักเรียน เธอไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์อะไรแบบนี้เธอไม่อยากเชื่อเลยว่า วอลเลซ ชอว์น จะทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ต่อคนในเมืองเดียวกับทั้งหมดนี้ทำเพื่อเพียงเพื่อเอาใจและเลียแข้งเลียขาเลียนิ้วเท้าเหม็น ๆ ของพวกต่างชาติอย่างประเทศ J แค่นั้นหรือ?“คุณ คุณ และคุณ…!”“ถ้าคุณยังคิดจะพูดเรื่องเหลวไหลนี่ต่อไป ผมจะแจ้งจับพวกคุณ
เมื่อซีนเธียร์เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฮาร์วีย์ฟัง สีหน้าของเขาก็มืดลงทันทีแต่ก่อนที่ฮาร์วีย์จะพูดอะไรออกไป วอลเลซก็เยาะเย้ยเขา “เดี๋ยวนะ คุณกำลังโทรฟ้องพ่อแม่ของคุณเหรอ?”“ผมขอบอกไว้เลยว่า! อย่าคิดว่าเรื่องจะจบแบบนี้แน่!”“บอกคนจากประเทศ J สองคนนั้นให้ออกไปจากที่นี่ซะ!”ฮาร์วีย์สบถออกมาอย่างเย็นชา“เด็กของคุณไม่รู้จักเคารพผู้อื่นและคุณก็คงไม่รู้เหมือนกัน?”“พวกเขาเป็นแขกคนสำคัญจากต่างประเทศ!” วอลเลซตะโกนอย่างโกรธจัด “คุณกำลังพูดไม่ให้เกียรติพวกเขา”ฮาร์วีย์ตอบกลับอย่างเย็นชาว่า “พวกเขาจะถูกเรียกว่าแขกชาวต่างชาติได้ก็ต่อเมื่อพวกเขามาเยี่ยมเยือนที่นี่ด้วยความสุภาพ ผมมองพวกเขาแล้วคงเรียกได้เพียงแค่เป็นขยะ”“ผมให้เวลาคุณสามวินาที ให้พวกเขาคลานออกมาตรงนี้และขอโทษซะ!”“จะบ้าเหรอ! แกอยากให้แขกคนาสำคัญของเราคลานมาตรงนี้และขอโทษงั้นเหรอ? แกไปได้ความคิดนี้มาจากที่ไหน?”วอลเลซโวยวายฮาร์วีย์พยายามนับถอยหลังอย่างเย็นชา “สาม สอง หนึ่ง…”วอลเลซพูดอย่างดูถูก “แกมันโรคจิต! แกนับจริง ๆ งั้นเหรอ? ต่อให้นับไปถึงร้อยก็ไม่มีใครสนใจหรอก!”“แกรู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน?”“ที่นี่คือถิ่นของตระกูลไน
ฮาร์วีย์ผลักวอลเลซออกไป จากนั้นเขาก็เตะเปิดประตูห้องรับรองวีไอพี สายตาของเขาจับจ้องไปที่พวกชายจากประเทศ J สองคนที่อวดดี ฮาร์วีย์พูดอย่างเย็นชาว่า “พวกคุณเป็นคนทำร้ายเธอและเขวี้ยงชามกระเบื้องนั่นใช่ไหม? แล้วยังบังคับให้ซีนเธียร์ไปกับดื่มต่ออีกด้วย?”พวกชายชาวประเทศ J สองคนลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นฮาร์วีย์“ใช่ ฝีมือพวกเรา แล้วไง? ขยะอย่างคุณจะเอาคืนงั้นเหรอ?”พวกชายชาวประเทศ J สองคนนี้พูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง แต่พวกเขาจ้องไปที่ฮาร์วีย์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกดูก็รู้ว่าพวกเขาเหนือกว่า“คุกเข่าขอโทษซะ” ฮาร์วีย์สั่ง “ผมจะปล่อยผ่านไปแค่ครั้งเดียว”“ขอโทษเหรอ? ไม่มีทาง!”“พวกเราเป็นแขกคนสำคัญ เราจะขอโทษคนที่ด้อยกว่าได้ยังไง?”“แต่คุณ คุกเข่าขอโทษพวกเราแทนซะจะดีกว่า!”พวกชายประเทศ J สองคนนี้หยิ่งผยองในตัวเองมาก แน่นอนว่าในตอนนี้พวกเขาไม่เห็นฮาร์วีย์และซีนเธียร์อยู่ในสายตาของพวกเขาแม้แต่น้อยในความคิดของเขาคนที่ด้อยกว่าทั้งสองคนนี้ไม่มีค่าให้ต้องเสวนาด้วย“รปภ. อยู่ไหน? มันอยู่ที่ไหน?”“เร็วสิและลากไอ้พวกชั้นต่ำออกไป!”“เขาขัดจังหวะเวลาพักผ่อนของเรา!”ชายชาวประเทศ J สองคนยืนขึ้น
วอลเลซรู้สึกใจเต้นแรง เขารู้สึกสับสนเขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น เขาทำได้เพียงส่งเสียง “เอ่อ เอ่อ เอ่อ” ในลำคอเท่านั้นเขามองไปที่ฮาร์วีย์โดยไม่รู้ตัว ดูเหมือนว่าฮาร์วีย์จะเป็นคนโทรไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนแล้วท่านประธานของเขาก็มาจริง ๆ และยังไล่เขาออกภายในเวลาไม่ถึงห้านาทีที่เจอหน้าตอนนี้วอลเลซรู้สึกตัวดีแล้วและอยากจะแย้งอะไรออกไป แต่เชนก็ตบหน้าเขาเต็มฝามือทันที “ไปให้พ้น! ฉันไม่อยากฟังคำอธิบายอะไร! ฉันรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว!”“เดี๋ยวก่อน!”จู่ ๆ ฮาร์วีย์ก็พูดขึ้นวอลเลซยิ้มอย่างมีความสุข เป็นไปได้ไหมที่ชายคนนี้จะรู้สึกว่าการลงโทษนั้นหนักหนาเกินไปและอยากจะช่วยเขา?ทันทีที่วอลเลซนึกแบบนั้น เขาก็โค้งคำนับและเริ่มเดินเข้าไปหาฮาร์วีย์ “ได้โปรดคุณผู้ชาย! ผมขอความเมตตาจากคุณ! ได้โปรดเถอะครับ!”ฮาร์วีย์เมินเฉยต่อคำพูดของวอลเลซ เขากลับชี้ไปที่คนงี่เง่าสองคนที่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้น แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “จำสิ่งที่ผมเพิ่งพูดได้ไหม?”สีหน้าของวอลเลซซีดเผือดราวกับกระดาษในทันทีวอลเลซจะจำไม่ได้ได้อย่างไร? ฮาร์วีย์สั่งให้วอลเลซตบไอ้โง่สองคนนั้นจนกว่าเขาจะสั่งให้หยุดแต่ปัญหาคือเขาไม่กล
“นายน้อยยอร์ก ผมต้องขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ นี่เงิน 1.5 ล้านดอลลาร์เพื่อเป็นชดใช้ความเสียหายให้กับหญิงสาวคนนี้” เชนยิ้มและยื่นเช็คให้ซีนเธียร์ซีนเธียร์เหลือบมองฮาร์วีย์ แต่ไม่เอื้อมมือออกไปรับฮาร์วีย์พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “รับไปเถอะ คุณควรจะได้รับมัน ถ้าคุณปฏิเสธที่จะรับมัน ผมเกรงว่าคืนนี้นายใหญ่ไนส์เวลล์คงจะนอนไม่หลับ”ซีนเธียร์พยักหน้าและรับเช็คนั่นมาพนักงานที่ติดตามเชนต่างตกตะลึงผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่?เขาปฏิบัติและพูดคุยกับเชนราวกับว่าเชนเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาทั่วไปที่สำคัญคือเชนไม่ได้สนใจการกระทำนั้นนั่นหมายความว่าอะไร?นี่เป็นเครื่องบ่งชี้ชัดเจนว่าสถานะของเขาต้องสูงกว่าเชนอย่างแน่นอนต่อหน้าเขา เชนนั้นเทียบได้เหมือนเป็นน้องชาย!พนักงานที่ติดตามเชนมาหลายปีและได้เห็นวิถีของโลกภายนอกพวกเขาจำไม่ได้เลยจะมีใครในเซาท์ไลท์ที่ทำให้เชนเกรงกลัวเชนยิ้มหลังจากเห็นซีนเธียร์รับเช็คไป เขาพูดว่า “นายน้อยยอร์ก คราวหน้าถ้าจะมาที่นี่ก็โทรหาผมก่อน ผมจะมาเป็นเพื่อนคุณที่นี่”“ไม่จำเป็น” ฮาร์วีย์พูดเบา ๆเชนยิ้มอีกครั้งและยังยืนกรานว่า “นายน้อยยอร์ก วางใจได้เลย หลั
ณ ตระกูลซิมเมอร์เนื่องจากโครงการซิลเวอร์นิมบัส เมาท์เทนรีสอร์ตของแมนดี้กำลังไปได้ด้วยดี ตอนนี้เธออยู่ท่ามกลางพวกซิมเมอร์ พวกเขาพร้อมทำตามคำสั่งของเธออย่างจริงจังและในตอนนี้ไม่มีตระกูลซิลวาอีกต่อไปแล้ว แซ็คไม่สามารถหาผู้สนับสนุนใหม่ได้ในเวลาอันสั้น ดังนั้น จึงไม่มีใครในตระกูลซิมเมอร์สร้างปัญหาให้กับแมนดี้ ทุกอย่างดำเนินไปตามคำสั่งของแมนดี้ในวันนี้ ชายในชุดสูทส่งจดหมายมาเชิญให้ตระกูลซิมเมอร์ภายในคฤหาสน์ซิมเมอร์ ผู้อาวุโสซิมเมอร์กำลังอ่านรายละเอียดในจดหมายเชิญ เขาพูดอย่างตื่นเต้น “เร็วเข้า! เร็วเข้า โทรหาไซม่อนและครอบครัวของเขามาที่นี่!”ไม่นาน ไซม่อนและครอบครัวของเขาก็มาถึง รวมทั้งฮาร์วีย์ด้วยผู้อาวุโสซิมเมอร์หยิบจดหมายเชิญออกมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไซม่อน ลิเลียน!”“ดูนี่สิ! เป็นบัตรเชิญจากตระกูลเยตส์ ตระกูลชั้นหนึ่งในบัควู้ด!”“พวกเขาเชิญพวกเราซิมเมอร์ไปงานเลี้ยงวันเกิดของตระกูลพวกเขา!”สายตาของผู้อาวุโสซิมเมอร์ที่มองลิเลียนต่างออกไปเมื่อก่อนเขาไม่พอใจลูกสะใภ้คนนี้มาก เขามักจะบ่นอยู่เสมอว่าแม้เธอจะมาจากตระกูลใหญ่ในบัควู้ด แต่เธอไม่ได้นำผลประโยชน์อะไรมาใช้ แม้ว่าจะแต่งง
ลิเลียนยืนขึ้นในทันที เธอชี้นิ้วไปที่แซ็คและตะคอกออกมาว่า “หยุดสร้างเรื่องได้แล้ว พี่สาวของฉันบอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าครอบครัวของฉันได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของคุณย่าเยตส์!”“บัตรเชิญนี้มันคือของเรา!”“เอาล่ะ เอาล่ะ หยุดเถียงกันได้แล้ว!” ผู้อาวุโสซิมเมอร์พูดปัดอย่างไม่ใส่ใจ“ลองดูที่หัวจดหมายของบัตรเชิญสิ”จากนั้นเขาก็เปิดบัตรเชิญด้วยท่าทางตื่นเต้นบางคนในตระกูลซิมเมอร์สแอบเข้ามาแอบดู“ตระกูลซิมเมอร์” เขียนไว้บนหัวจดหมายแซ็คหัวเราะเมื่อเห็นสามคำนี้ “เห็นไหมคุณปู่! ที่ผมพูดไปก็ถูกแล้ว ตระกูลเยตส์กำลังประจบตระกูลซิมเมอร์แน่นอน ไม่ใช่เพราะใครบางคน!”ผู้อาวุโสซิมเมอร์พูดเสริมด้วยความพึงพอใจว่า “ใช่ ตามที่แซ็คพูดไว้”“ตระกูลเยตส์จองที่นั่งให้เราสิบที่นั่งในงานเลี้ยงวันเกิด ถ้ามันเพื่อครอบครัวของคุณอาจริง ๆ อย่างมากพวกเขาคงจะให้จองที่นั่งให้เพียงแค่ห้าที่นั่ง”อันที่จริง ผู้อาวุโสซิมเมอร์ไม่รู้กฎของตระกูลใหญ่ ๆ ในบัควู้ดเนื่องจากตระกูลเยตส์เชิญพวกเขาไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิด ไม่มีที่จะกล่าวถึงใครเป็นพิเศษถ้าบัตรเชิญระบุถึงใครมันคงจะเป็นจะระบุชื่ออย่างชัดเจนด้วยสถา