“คงจะเป็นแบบนั้น!”“ผมเคยได้ยินว่าคนใหญ่คนโตล้วนแล้วแต่เป็นคนสุภาพ!”“โยนาธานเป็นผู้นำตระกูลยอร์ก ผมได้ยินมาว่าเขาเพิ่งได้ตำแหน่งกลับมาดูแลตระกูลเมื่อวานนี้!”“ในสายตาของคนใหญ่โตแบบนั้นคงไม่ใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้!”“ลูกชายของเขาควรมาขอโทษเพราะนั่นคือความผิดของเขา!”ไซม่อนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรู้สึกประทับใจในความมีเมตตาและมารยาทของโยนาธานจากนั้นเขาก็พยักหน้าและพูดว่า “ด้วยการเลี้ยงดูที่ดีจากครอบครัว เวย์นจะมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน!”“ใช่! คงจะดีถ้าเขาได้มาเป็นลูกเขยของเรา!” ทั้งไซม่อนและลิเลียนต่างโพล่งปากพูดออกมาพวกเขาโลภทั้งเงินและยศฐานบรรดาศักดิ์ และพวกเขายังหลงรักผู้มีฐานะสูงแบบนี้แม้ว่าเวย์นจะทำเรื่องแบบนั้นลงไป พวกเขาก็ยังหวังว่าจะได้ใกล้ชิดกับเขามากกว่านี้แมนดี้ขมวดคิ้ว เธอรู้สึกว่าเรื่องต่าง ๆ ไม่น่าจะง่ายดายแบบนั้น แต่เธอก็ไม่สามารถบอกถึงต้นต่อสาเหตุได้ตระกูลยอร์กเป็นตระกูลที่เป็นอันดับสูงสุดในเซาท์ไลท์ เธอไม่คิดว่าตระกูลยอร์กจะจบลงด้วยฝีมือฮาร์วีย์ได้ง่าย ๆ“เอาล่ะ ก็ได้ ปล่อยให้อดีตผ่านไป! มันคงไม่ดีถ้าพวกยอร์กจำพวกเราได้!”“คุณพ่อคุณแม่คะ หยุดคิดเรื่
ลิเลียนชี้นิ้วไปที่ฮาร์วีย์ “แกรู้ไหมว่าการเป็นผู้บัญชาการลำดับสามของมณฑลมันหมายความว่ายังไง?”“มันหมายความว่าถ้าเขาต้องการมัน ตระกูลเยตส์ก็จะเป็นตระกูลอันดับต้น ๆ ตระกูลต่อไปของเซาท์ไลท์!”“ลูกเขยอย่างแกจะไปรู้อะไร แต่แกยังพูดพล่ามเหลวไหลพวกนี้อีก!”“ฉันเตือนแกแล้ว เมื่อเราไปถึงตระกูลเยตส์แกควรระวังปากไว้ด้วย! ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะไม่ปล่อยแกไปง่ายๆ แน่!”แม้ลิเลียนจะมีสีหน้าโกรธจัด แต่ท่าทีของฮาร์วีย์ยังนิ่งไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อใดก็ตามที่ฮาร์วีย์อยู่กับผู้บัญชาการสูงสุดแห่งของเซาท์ไลท์ คนอื่น ๆ จะต้องคำนับให้ความเคารพฮาร์วีย์และแน่นอนผู้บัญชาการลำดับสองแห่งเซาท์ไลท์ก็คงไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับฮาร์วีย์แล้วผู้บัญชาการลำดับสามจะมีค่าให้เขาเกรงกลัวได้อย่างไร?ในขณะนั้นซีนเธียร์ที่อยากจะให้เรื่องทุกอย่างราบรื่นพูดว่า “คุณพ่อคุณแม่คะ เมื่อกี้พี่เขยอาจจะพูดจาไม่สุภาพ แต่เขาก็ยังให้เกียรติตระกูลเยตส์มาก ใช่ไหม?”ฮาร์วีย์พยักหน้า “ใช่ครับ”ความโกรธของลิเลียนก็ลดลง “งั้นก็ดี!”“อย่าลืมเลือกของขวัญที่ดีที่สุด! ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ฉันโทษแกคนเดียว!”ฮาร์วีย์พยักหน้าอีกครั้ง เขาห
ในเวลาเดียวกันซีนเธียร์มาถึงตลาดของโบราณที่มีชื่อเสียงในบัควู้ดเมื่อพูดถึงของขวัญที่จะต้องจัดเตรียมให้คุณย่าเยตส์ ของขวัญจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอนซีนเธียร์ถือบัตรที่แมนดี้ให้เธอไว้ ต้องหาของที่ดีที่สุดในตลาดแห่งนี้ไม่นานหลังจากนั้นเธอสนใจชามกระเบื้องบนโต๊ะแคชเชียร์ เธอพิจารณาและกำลังจะถามรายละเอียดเกี่ยวกับชามใบนั้นทันใดนั้นชายสองคนก็เดินเข้ามาหนึ่งในนั้นคว้าชามลายครามที่ซีนเธียร์สนใจ อีกคนพูดกับพนักงานต้อนรับว่า “เราต้องการชามกระเบื้องพวกนี้”“เฮ้! คุณไม่รู้กฎของ ‘มาก่อนได้ก่อน’ ในวงการธุรกิจหรือไง? คุณไม่เห็นหรือว่าฉันต้องการของสิ่งนี้ก่อน?”ซีนเธียร์ตะโกนเสียงดังทันทีชายทั้งสองหันกลับมามอง พวกเขามีใบหน้าเหมือนกับพวกอเมริกัน มีผมเงาและใบหน้าขาวเหมือนแป้งหนึ่งในนั้นมองซีนเธียรหัวจรดเท้าพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงต่างประเทศ “เด็กน้อย ถ้วยชามนี้เป็นสมบัติของประเทศ J ของเรา! เป็นเรื่องปกติที่เราจะซื้อกลับบ้าน!”“พวกคนประเทศ H คงไม่รู้คุณค่าที่แท้จริงของมัน…”ซีนเธียร์ชะงัก ผู้ชายพวกนี้เป็นพลเมืองของประเทศ J งั้นเหรอ?ถ้าพวกเขาต้องการซื้ออะไรก็แค่ซื้อมัน! แต่พวกเขามาบอกสินค
“ไอ้เด็กผู้หญิงหยาบคาย! เธอกล้าตบฉันเหรอ!”ชายชาวประเทศ J สองคนโกรธจัดในทันทีพวกเขาคุ้นเคยกับการแสดงออกอย่างหยิ่งยโสเมื่อตอนอยู่ในประเทศของตัวเอง ไม่มีใครกล้าโต้กลับเขาแบบนี้แม้ว่าจะรังควานผู้หญิงแบบไหนก็ตาม ไม่เคยเลยสักครั้งในชีวิตที่จะถูกผู้หญิงตบเพียะ!ในเวลาต่อมา หนึ่งในนั้นตบซีนเธียร์กลับไป!“กล้าตบฉันเหรอ! อยากตายหรือไง?”“เราจะไปแจ้งความ! เธอจะต้องชดใช้ความเสียหายของเรา!”อีกคนหนึ่งทุ่มชามกระเบื้องลงพื้นแตกเป็นชิ้น ๆจากนั้นก็โทษความผิดให้ซีนเธียร์จนถึงตอนนี้สถานการณ์เริ่มแย่ลงพนักงานในตลาดของโบราณเริ่มออกมามุงดูชายวัยกลางคนที่เป็นที่ดูเป็นผู้นำขมวดคิ้ว “ผม วอลเลซ ชอว์น เป็นผู้จัดการตลาดของโบราณ ถ้ามีอะไรก็แจ้งปัญหาผมได้ครับ”ทุกคนเรียกเขาทันที “ผู้จัดการ! คนพวกนี้กำลังรุมทำร้ายเด็กสาวคนนี้ พวกเขาเขวี้ยงทิ้งสินค้าและกล่าวโทษเธอทุกอย่าง!”เมื่อวอลเลซรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เขาให้ชายสองคนไปพักผ่อนในเลานจ์ส่วนตัววีไอพี“เชิญคุณผู้ชายเข้าไปพักผ่อนด้านในก่อนนะครับ ผมจะให้คำตัดสินที่ยุติธรรมแก่คุณสำหรับเหตุการณ์นี้”ในสายตาของท
“ไร้ยางอายสิ้นดี!”ซีนเธียร์แทบไม่เชื่อหูของเธอเลย ผู้ชายคนนี้พูดแบบนี้ต่อหน้าผู้คนมากมายได้อย่างไร?“เห็น ๆ กันอยู่ว่าพวกเขารังแกฉันก่อน! ฉันโกรธ ฉันก็ต้องปกป้องตัวเอง!”“ไม่เพียงแต่พวกเขาทำร้ายฉันแต่ยังทำลายสินค้าในร้านอีก คุณยังขอให้ฉันเป็นคนชดใช้ค่าเสียหายอีกเหรอ? คุณยังต้องการให้ฉันไปดื่มกับพวกเขาต่ออีกเหรอ?! คุณมันช่างไร้เหตุผลได้อะไรอย่างนี้?!”“โอ้ โอ้! คุณยอมรับแล้วเหรอว่าคุณทำร้ายพวกเขาก่อน!”“ผมได้ให้คนบันทึกวิดีโอที่คุณทำร้ายพวกเขา!”“ถ้าคุณไม่ยอมรับเงื่อนไขการไกล่เกลี่ยของเรา เราจะแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้!”“แค่จ่ายเงินหนึ่งล้านดอลลาร์ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คุณติดคุกได้นาน!”วอลเลซขู่ซีนเธียร์ชะงักแม้ว่าเธออาจจะดูร้ายกาจไปบ้างในบางครั้ง แต่เธอก็ยังเป็นแค่เด็กนักเรียน เธอไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์อะไรแบบนี้เธอไม่อยากเชื่อเลยว่า วอลเลซ ชอว์น จะทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ต่อคนในเมืองเดียวกับทั้งหมดนี้ทำเพื่อเพียงเพื่อเอาใจและเลียแข้งเลียขาเลียนิ้วเท้าเหม็น ๆ ของพวกต่างชาติอย่างประเทศ J แค่นั้นหรือ?“คุณ คุณ และคุณ…!”“ถ้าคุณยังคิดจะพูดเรื่องเหลวไหลนี่ต่อไป ผมจะแจ้งจับพวกคุณ
เมื่อซีนเธียร์เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฮาร์วีย์ฟัง สีหน้าของเขาก็มืดลงทันทีแต่ก่อนที่ฮาร์วีย์จะพูดอะไรออกไป วอลเลซก็เยาะเย้ยเขา “เดี๋ยวนะ คุณกำลังโทรฟ้องพ่อแม่ของคุณเหรอ?”“ผมขอบอกไว้เลยว่า! อย่าคิดว่าเรื่องจะจบแบบนี้แน่!”“บอกคนจากประเทศ J สองคนนั้นให้ออกไปจากที่นี่ซะ!”ฮาร์วีย์สบถออกมาอย่างเย็นชา“เด็กของคุณไม่รู้จักเคารพผู้อื่นและคุณก็คงไม่รู้เหมือนกัน?”“พวกเขาเป็นแขกคนสำคัญจากต่างประเทศ!” วอลเลซตะโกนอย่างโกรธจัด “คุณกำลังพูดไม่ให้เกียรติพวกเขา”ฮาร์วีย์ตอบกลับอย่างเย็นชาว่า “พวกเขาจะถูกเรียกว่าแขกชาวต่างชาติได้ก็ต่อเมื่อพวกเขามาเยี่ยมเยือนที่นี่ด้วยความสุภาพ ผมมองพวกเขาแล้วคงเรียกได้เพียงแค่เป็นขยะ”“ผมให้เวลาคุณสามวินาที ให้พวกเขาคลานออกมาตรงนี้และขอโทษซะ!”“จะบ้าเหรอ! แกอยากให้แขกคนาสำคัญของเราคลานมาตรงนี้และขอโทษงั้นเหรอ? แกไปได้ความคิดนี้มาจากที่ไหน?”วอลเลซโวยวายฮาร์วีย์พยายามนับถอยหลังอย่างเย็นชา “สาม สอง หนึ่ง…”วอลเลซพูดอย่างดูถูก “แกมันโรคจิต! แกนับจริง ๆ งั้นเหรอ? ต่อให้นับไปถึงร้อยก็ไม่มีใครสนใจหรอก!”“แกรู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน?”“ที่นี่คือถิ่นของตระกูลไน
ฮาร์วีย์ผลักวอลเลซออกไป จากนั้นเขาก็เตะเปิดประตูห้องรับรองวีไอพี สายตาของเขาจับจ้องไปที่พวกชายจากประเทศ J สองคนที่อวดดี ฮาร์วีย์พูดอย่างเย็นชาว่า “พวกคุณเป็นคนทำร้ายเธอและเขวี้ยงชามกระเบื้องนั่นใช่ไหม? แล้วยังบังคับให้ซีนเธียร์ไปกับดื่มต่ออีกด้วย?”พวกชายชาวประเทศ J สองคนลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นฮาร์วีย์“ใช่ ฝีมือพวกเรา แล้วไง? ขยะอย่างคุณจะเอาคืนงั้นเหรอ?”พวกชายชาวประเทศ J สองคนนี้พูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง แต่พวกเขาจ้องไปที่ฮาร์วีย์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกดูก็รู้ว่าพวกเขาเหนือกว่า“คุกเข่าขอโทษซะ” ฮาร์วีย์สั่ง “ผมจะปล่อยผ่านไปแค่ครั้งเดียว”“ขอโทษเหรอ? ไม่มีทาง!”“พวกเราเป็นแขกคนสำคัญ เราจะขอโทษคนที่ด้อยกว่าได้ยังไง?”“แต่คุณ คุกเข่าขอโทษพวกเราแทนซะจะดีกว่า!”พวกชายประเทศ J สองคนนี้หยิ่งผยองในตัวเองมาก แน่นอนว่าในตอนนี้พวกเขาไม่เห็นฮาร์วีย์และซีนเธียร์อยู่ในสายตาของพวกเขาแม้แต่น้อยในความคิดของเขาคนที่ด้อยกว่าทั้งสองคนนี้ไม่มีค่าให้ต้องเสวนาด้วย“รปภ. อยู่ไหน? มันอยู่ที่ไหน?”“เร็วสิและลากไอ้พวกชั้นต่ำออกไป!”“เขาขัดจังหวะเวลาพักผ่อนของเรา!”ชายชาวประเทศ J สองคนยืนขึ้น
วอลเลซรู้สึกใจเต้นแรง เขารู้สึกสับสนเขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น เขาทำได้เพียงส่งเสียง “เอ่อ เอ่อ เอ่อ” ในลำคอเท่านั้นเขามองไปที่ฮาร์วีย์โดยไม่รู้ตัว ดูเหมือนว่าฮาร์วีย์จะเป็นคนโทรไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนแล้วท่านประธานของเขาก็มาจริง ๆ และยังไล่เขาออกภายในเวลาไม่ถึงห้านาทีที่เจอหน้าตอนนี้วอลเลซรู้สึกตัวดีแล้วและอยากจะแย้งอะไรออกไป แต่เชนก็ตบหน้าเขาเต็มฝามือทันที “ไปให้พ้น! ฉันไม่อยากฟังคำอธิบายอะไร! ฉันรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว!”“เดี๋ยวก่อน!”จู่ ๆ ฮาร์วีย์ก็พูดขึ้นวอลเลซยิ้มอย่างมีความสุข เป็นไปได้ไหมที่ชายคนนี้จะรู้สึกว่าการลงโทษนั้นหนักหนาเกินไปและอยากจะช่วยเขา?ทันทีที่วอลเลซนึกแบบนั้น เขาก็โค้งคำนับและเริ่มเดินเข้าไปหาฮาร์วีย์ “ได้โปรดคุณผู้ชาย! ผมขอความเมตตาจากคุณ! ได้โปรดเถอะครับ!”ฮาร์วีย์เมินเฉยต่อคำพูดของวอลเลซ เขากลับชี้ไปที่คนงี่เง่าสองคนที่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้น แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “จำสิ่งที่ผมเพิ่งพูดได้ไหม?”สีหน้าของวอลเลซซีดเผือดราวกับกระดาษในทันทีวอลเลซจะจำไม่ได้ได้อย่างไร? ฮาร์วีย์สั่งให้วอลเลซตบไอ้โง่สองคนนั้นจนกว่าเขาจะสั่งให้หยุดแต่ปัญหาคือเขาไม่กล