ตอนนี้เลียมเป็นน้องชายร่วมสาบานของไทสัน พูดตามตรงเขาไม่มีสิทธิ์เป็นน้องชายของฮาร์วีย์ มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะมีชีวิตอยู่ เขารู้ว่าเขาควรจะทำอะไรและสิ่งใดที่เขาไม่ควรทำในตอนนี้ฮาร์วีย์ไม่เปิดเผยตัวตนของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเปิดเผยเช่นกัน เขารู้แล้วว่าเขาควรจะจัดการกับตระกูลบรู๊คอย่างไร ถ้าเขาไม่ตอบสนองความต้องการของฮาร์วีย์ในวันนี้ เขานึกไม่ออกเลยว่าจะต้องเจอกับความตายแบบไหน…“กะ...เกิดอะไรขึ้น? เลียม คุณจะทิ้งตระกูลบรู๊คงั้นหรือ?”“เป็นไปไม่ได้! เลียมปกป้องตระกูลบรู๊คมานานหลายปี เรามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมั่นคงต่อกัน เขาจะทิ้งพวกเราแบบนี้ได้อย่างไร?”“เป็นไปได้ไหมที่ฮาร์วีย์เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังนี้?”“ไม่มีทางเขาเป็นขยะไร้ค่านี้แน่ เขาจะทำได้อย่างไร? ฉันรู้สึกว่าเลียมย้ายฝั่งมาเป็นคนตระกูลซิมเมอร์…”“ตระกูลซิมเมอร์เป็นตระกูลเดียวที่ได้ร่วมลงทุนจากท่านประธานคนใหม่ของ ยอร์ก อ็นทอร์ไพรส์และแมนดี้เป็นคนรับผิดชอบโครงการนั้น เลียมต้องทำสิ่งนี้เพื่อให้เกียรติเธอแน่นอน…”“แมนดี้ได้พิสูจน์แล้วว่าเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีและยังมีเอกสิทธิ์ที่ได้รับเงินลงทุนจาก ยอร์ก เอ็นเทอร์
แมนดี้รู้สึกสับสนเล็กน้อยที่เห็นเลียม สโตน ให้เกียรติเธอ เธอคิดไม่ออกว่าทำไมเลียมถึงปฏิบัติต่อเธอด้วยความเคารพอย่างนี้ อาจเป็นเพราะฮาร์วีย์ใช่ไหม?แต่เลียมไม่ได้ปฏิบัติต่อฮาร์วีย์ด้วยอะไรเป็นพิเศษ เธอคิดว่าเธอแค่คิดมากไปเลียมต้องทำแบบนี้เพราะตระกูลซิมเมอร์ในขณะที่แมนดี้ยังคงครุ่นคิดถึงสถานการณ์ตรงหน้า ฮาร์วีย์ก็พูดอย่างเย็นชาว่า “มีคนทำร้ายภรรยาของฉัน และยังคิดที่จะสร้างความหายนะให้กับภรรยาและเพื่อนของเธอ คน ๆ นี้ยังต้องการให้ฉันคุกเข่าและคลานออกไปจากที่นี่…”เสียงอื้ออึงดังออกมาจากฝูงชนฮาร์วีย์พูดแบบเรียบนิ่งและไม่ไยดี เลียมกำลังจะคุกเข่า แต่ไม่กล้าทำเช่นนั้นเมื่อเขาเห็นคำเตือนผ่านแววตาของฮาร์วีย์ เขาจำคำสั่งของไทสันได้ ฮาร์วีย์เป็นคนทำตัวเงียบ ๆ ไม่เปิดเผยตัวตน ถ้าเขากล้าเปิดเผยตัวตนของฮาร์วีย์นั่นเท่ากับว่าเขากำลังรนหาที่ตายหลังจากหายใจเข้าลึก ๆ เลียมก็พูดเสียงเบาว่า “มิสเตอร์ยอร์ก มิสซิมเมอร์ ไม่ต้องกังวล ครั้งนี้เป็นความผิดของผมเอง ผมจะอธิบาย…”จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนหลังจากพูดและจ้องมองเคนและเจมี่ เขาพูดอย่างเยือกเย็น “แกทั้งสองคลานออกไปจากที่นี่ ถ้าแกกล้าที่จะยืนขึ้นโ
“นี่คือ…?” แมนดี้มองการแสดงออกของเอลล่าและไม่สามารถอดกลั้นจนตองถามออกมา“จริงสิ คุณทั้งสองยังไม่เคยเจอกันมาก่อน” ฮาร์วีย์ตบหัวตัวเองเบา ๆ เพราะความขี้ลืมของเขาและแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน “นี่คือด็อกเตอร์เกรฟส์จากแผนกฉุกเฉิน เราเคยพบกันมาแล้วครั้งหนึ่ง”“ด็อกเตอร์เกรฟส์ นี่คือภรรยาของผม ผมอยากขอความช่วยเหลือจากคุณ”แม้ว่าสีหน้าของผู้หญิงทั้งสองจะดูผิดปกติ แต่ฮาร์วีย์ก็กังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของแมนดี้มากกว่าและไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องตรงหน้าเมื่อเอลล่าได้ยินคำว่า ‘ภรรยา’ เธอก็ตกใจ ในช่วงเวลาต่อมาเธอสามารถดึงสติและยิ้มออกมาเล็กน้อย “มิสเตอร์ยอร์ก คุณยังหนุ่มและมีความสามารถ แม้แต่ภรรยาของคุณก็ยังสวยจนน่าทึ่ง ไม่ต้องกังวลค่ะ ฉันสัญญาว่าเธอจะไม่มีแม้แต่รอยแผลเป็นหลงเหลืออยู่”“เยี่ยมมาก ผมคงสบายใจมากที่ได้ยินจากปากของคุณ” ฮาร์วีย์ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขามั่นใจกับทักษะทางการแพทย์และจริยธรรมของเอลล่า เอลล่ารับปากกับเขาจึงสามารถผ่อนคลายได้ในไม่ช้า แมนดี้ เซซิเลีย ละแองเจิลก็ถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อรับการรักษาบาดแผลจู่ ๆ ฮาร์วีย์ก็นึกถึงอาการบาดเจ็บของเชน ไนส์เวลล์ แล้วเขาก็ตัด
ผิวของแองเจิลเปลี่ยนเป็นสีซีดเมื่อเธอเห็นฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้าเธอ เธอมองไปที่ท่าทางของแมนดี้ และสัญชาตญาณทำให้เธอต้องพยายามที่จะทำให้ทุกอย่างราบรื่น “เซซิเลีย พอได้แล้ว มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด ด็อกเตอร์เกรฟส์รักษาบาดแผลของเราอย่างดีก่อนหน้านี้ เธอควรจะทำตัวเป็นสุภาพสตรีที่ดี”“แองเจิล เธอออกตัวแทนคนอื่นได้อย่างไร?” เซซิเลียหัวเราะอย่างเย็นชา “ทั้งหมดที่เธอทำก็แค่ใช้ยากับเราและเธอลืมไปหรือเปล่าว่าเราเกือบตายเพราะเศษขยะไร้ค่านี้? ฮาร์วีย์ฉันเตือนนายแล้ว อย่าคิดว่าเราจะลืมมันเพียงเพราะนายพาเรามาโรงพยาบาล”“ถ้าแค่คุณมีความสามารถบ้าง แม้จะเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปเราก็คงไม่ถูกทำร้ายจากนีอาแบบนั้นหรอก ฉันแนะนำให้นายหย่ากับแมนดี้โดยเร็วที่สุด! การที่เธอแต่งงานกับแมวหรือหมาข้างถนนก็ยังดีกว่าแต่งงานกับขยะไร้ค่าอย่างนายเป็นร้อยเท่า!”เธอต้องการแยกฮาร์วีย์จากแมนดี้มาโดยตลอด ที่ผ่านมาเธอใช้วิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการทำเรื่องนี้ แต่เธออยากจะทำให้มันชัดเจนในวันนั้นบรรยากาศความอึดอัดครอบคลุมไปทั่วสีหน้าของฮาร์วีย์ดูไม่พอใจเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาแค่พาแมนดี้และพวกเธอมารับการ
ห้องฉุกเฉินตกอยู่ในความเงียบงันแมนดี้ตกตะลึงเล็กน้อย ฮาร์วีย์ไม่เคยตะโกนออกมาแบบนี้ไม่ว่าเซซิเลียและแองเจิลจะทำให้เขาอับอายแค่ไหนก็ตาม เขาแสดงท่าทีแบบนี้เพราะอะไร?แมนดี้ทำได้เพียงยืนนิ่งไม่พูดอะไรออกมา แม้ตอนนี้เธอจะไม่เข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของเธอก็ตามเธอบอกไม่ได้ว่าเธอโกรธ อิจฉา หรือกำลังโดนพรากคนรักไปสมองของเธอพร่ำบอกเธอว่าเป็นเรื่องปกติที่ฮาร์วีย์จะมีผู้หญิงอีกคน นั่นเป็นเพราะเธอที่ไม่เคยยอมให้เขาแตะต้องแม้แต่ปลายนิ้วตั้งแต่แต่งงานกันมาสามปีแต่เมื่อมันเกิดขึ้นจริง หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน“เซซิเลีย พอได้แล้ว” แมนดี้หายใจเข้าลึก ๆ “ฉันจะไปส่งเธอทั้งสองกลับบ้าน”จากนั้นเธอก็ยื่นมือออกมาและรับกุญแจจากมือของฮาร์วีย์และออกไปกับเซซิเลียและแองเจิลแมนดี้ไม่เข้าใจว่าเธอจะโกรธทำไม เธอไม่ควรมีความรู้สึกใด ๆ ต่อฮาร์วีย์ฮาร์วีย์ที่ถูกทิ้งก็พูดไม่ออกเมื่อเห็นทั้งสามคนจากไป เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรไม่นานเอลล่าก็เดินเข้ามาหา เธอพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “มิสเตอร์ยอร์ก ฉันขอโทษจริง ๆ ฉันทำให้เกิดความเข้าใจผิด”ฮาร์วีย์เคยช่วยเธอเมื่อเธอกำลังจะถูกทำลาย เขาช่วย
“ไม่อยากจะเชื่อเลย ฉันฝันไปหรือเปล่า? ด็อกเตอร์เกรฟส์อยู่ในชุดลำลองเหรอ?”“นายเห็นใช่ไหม? ฉันคิดว่าฉันตาฝาดเสียอีก”“เอลล่าเสียสติไปแล้วเหรอ? ทำไมเธอไม่นั่งรถสปอร์ต แต่กลับนั่งซ้อนท้ายจักรยานไฟฟ้า มันเป็นรถสาธารณะนะ! ก็แค่สองดอลลาร์ต่อชั่วโมง!”“มันเหมือนกับที่คนเคยพูดไว้ไง บางคนใฝ่ฝันอยากนั่งจักรยานไฟฟ้า มีความสุขมากกว่านั่งรถหรูแต่ต้องแลกด้วยน้ำตา... ”“ถ้ารู้ว่าด็อกเตอร์เกรฟส์ชอบผู้ชายแบบเขา เราคงไม่ซื้อรถตั้งแต่แรก…”ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเจ้าหน้าที่ผู้ชายของโรงพยาบาลเปลี่ยนมาใช้จักรยานไฟฟ้าและไม่ขับรถส่วนตัวไปทำงาน อีกเหตุผลหนึ่งนั่นเพราะไม่มีที่จอดรถเพียงพอในที่จอดรถของโรงพยาบาล ***ในขณะที่อยู่บนท้องถนน เอลล่าบอกว่าเธออยากกินอาหารตะวันตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของโรงแรมแกรนด์นิอัมมี่ ฮาร์วีย์ก็โทรหาอีวอนน์เพื่อให้จองโต๊ะให้พวกเขาเมื่อพูดถึงอีวอนน์เขาก็นึกได้ว่าเขาไม่ได้เข้าออฟฟิศมาสองวันแล้ว แต่เขาก็ไม่กังวลอะไรที่จะปล่อยให้เธอดูแลบริษัทแทนเอลล่าที่นั่งซ้อนท้ายอยู่ด้านหลังสังเกตเห็นว่ามีหลายคนจ้องมองมาที่เธอ เธอรู้สึกไม่สบายใจและพูดว่า “มิสเตอร์ยอร์ก เราค่อยไปทานข้าวกัน
ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะได้รับอาหารตาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เล็ก ๆ เช่นนี้ ประเด็นสำคัญที่สุดคือผู้หญิงแต่ละคนมีไหวพริบของตัวเอง หากพวกเขาสามารถใช้เวลากับพวกหล่อนทั้งคืนได้ พวกเขาก็ยินดีที่จะตัดชีวิตของพวกเขาให้สั้นลงไปคนหนึ่งมีใบสาวอ่อนหวาน การได้เห็นเธอทำให้พวกเขานึกถึงช่วงวัยที่พวกเขามีความรักที่ไร้เดียงสา อีกคนก็เป็นความงามที่สง่างาม อาจถูกดึงเข้าสู่ความฝันได้ทุกเมื่อเมื่อมองไปที่เธอในขณะที่ทุกคนกำลังฝันกลางวัน ฮาร์วีย์ก็ตกตะลึงและพูดออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า “เชอร์ลีย์ ไรอันเหรอ?”ฮาร์วีย์รู้จักสาวงามที่ลงจากรถ MPV เธอเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะทำงานของฮาร์วีย์ในมหาวิทยาลัย เธอเคยออกตัวแทนเขาในระหว่างงานเลี้ยงรุ่น มันเป็นเรื่องบังเอิญมากที่ได้พบเธอที่นี่“ฮาร์วีย์?” เชอร์ลีย์ก็ประหลาดใจเช่นกันเพื่อนมหาวิทยาลัยคนอื่นดูถูกฮาร์วีย์ในตอนที่งานเลี้ยงรุ่นแถมยังเรียกเขาขี้แพ้ เขากลายเป็นลูกเขยที่ไร้ค่าและยากจน เขาเป็นขยะไร้ค่าในสายตาของพวกเขา ตอนแรกเธอไม่เชื่อและช่วยพูดแทนฮาร์วีย์ อย่างไรก็ตามเธอเปลี่ยนความคิดแล้วเมื่อเธอเห็นฮาร์วีย์ในสภาพนี้ในวันนี้“ฮาร์วีย์ ทำไมนายถึง…” เชอร์ลีย์ถอนหายใจและเ
ฮาร์วีย์ยิ้ม “เชอร์ลีย์ ทำไมเธอถึงทำตัวเหมือนกลับมาเรียนมหาวิทยาลัยล่ะ? ให้บทเรียนชีวิตกับผมเหรอ?”“หยุดล้อเล่นน่ะ! เพื่อนของเราคิดแบบนั้นกับนายจริง ๆ ตั้งแต่ล่าสุดที่เราเจอ ทำไมนายไม่หางานที่ดีแทนที่จะมัวทำตัวไร้สาระไปวัน ๆ” เชอร์ลีย์รู้สึกกังวล “นายคิดว่าตอนนี้นายมีความสุขไหม? นายยินดีที่จะรับเงินไม่กี่ดอลลาร์ ทำไมนายไม่หางานที่ดีกว่าเพื่อให้อุ่นใจบ้างล่ะ”เชอร์ลีย์ปฏิบัติต่อฮาร์วีย์เป็นอย่างดี เธอยังคงเป็นห่วงฮาร์วีย์แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพที่น่าหดหู่นี้ก็ตามฮาร์วีย์ตอบสนองแบบเดียวกับที่เขามักจะทำในอดีต เขายื่นมือออกมาและกุมใบหน้าของเชอร์ลีย์ไว้ในมือ “จริง ๆ แล้วผมเสียใจที่ไม่ฟังคุณตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมไม่ได้เรียนรู้บทเรียนนั่นเลย แต่ตอนนี้ผมสบายดี”แม้ว่าเขาจะเป็นลูกเขยที่ไร้ค่ามาตลอดสามปี แต่เขาก็ไม่ได้ละทิ้งตัวตนนี้ไป เขากลายเป็นซีอีโอของ ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพรส์ และไม่เคยไม่มีความสุขเลยสักครั้งเขามีความสุขแม้ว่าเขาจะมีความขัดแย้งบ้างเล็กน้อยกับแมนดี้ที่โรงพยาบาลก่อนหน้านี้“นาย…” เชอร์ลีย์ขมวดคิ้ว “นายไม่มีอะไรดีขึ้นเลย”เชอร์ลีย์รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเธอต้องพูดแบบนี้ เธ