“หากเป็นอย่างนั้น วินซ์ ยอร์กจะต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ของเขาแน่นอนหลังจากที่พวกเขาไปบ่นเรื่องนี้!“และถ้าวินซ์วางแผนที่ต้องใช้เวลานานเพราะเขาคิดว่าคุณรับมือได้ยากเกินไป คนแก่เหล่านั้นก็จะคิดว่าเขาไม่แม้แต่จะพยายามเรียกร้องความยุติธรรมให้พวกเขา“และเมื่อพิจารณาจากชื่อเสียงอันเป็นที่ยอมรับของทั้งสองแล้ว พวกเขาอาจมีโอกาสโน้มน้าวกองกำลังของวินซ์และสร้างปมในใจทุกคน“ถ้าวินซ์ตัดสินใจที่จะลงมือเพราะเหตุการณ์ในวันนี้ เขาจะต้องหลุดให้เห็นรอยร้าวในแผนของเขาอย่างแน่นอน!“คุณอาจมีโอกาสได้จัดการกับเขาอย่างสมบูรณ์เลยก็ได้“แต่จริง ๆ แล้วคุณก็วางแผนทั้งหมดนี้ตั้งแต่ที่เดินเข้าไปในอาคารแล้วใช่ไหมล่ะ?“นี่แหละ ความหมายของการชนะการต่อสู้โดยไม่ต้องเผชิญหน้า…”จากนั้นเลสลี่ คลาร์กก็ยื่นเช็คเงินสดให้ฮาร์วีย์ ยอร์กขณะที่เธอกำลังพูดเธอคิดว่าฮาร์วีย์กำลังทำให้สถานการณ์บานปลายไปไม่น้อยและทำตัวบุ่มบ่ามเกินกว่าจะเป็นผลดีต่อตัวเอง...แต่หลังจากที่ได้รับคำแนะนำจากโทบี้ คลาร์กผ่านข้อความ เลสลี่ก็ต้องตกใจวิธีการของฮาร์วีย์ดูเหมือนจะนอกรีต แต่ทั้งหมดถูกวางแผนมาอย่างรอบคอบ กลยุทธ์ง่าย ๆ แบบนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะ
ฮาร์วีย์ ยอร์กครุ่นคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ จากนั้นก็กล่าวว่า “อีกเรื่องหนึ่ง หาทางกระจายข่าวลือว่าวินซ์ ยอร์กถูกสงสัยว่าสมรู้ร่วมคิดกับประเทศหมู่เกาะและดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินเพื่อขึ้นสู่อำนาจในวันเกิดของคุณย่ายอร์กหน่อย“เราจะสร้างข่าวลือหลาย ๆ รูปแบบก็ได้ เผยแพร่มันออกไปให้ได้หลาย ๆ ช่องทาง อย่าให้ใครสืบมาถึงเราได้ด้วย“เราต้องควบคุมวินซ์ให้อยู่หมัด เขาจะได้ออกมาข้างนอกบ้าง“การคิดแผนในบ้านตลอดเวลาคงจะต้องไม่ดีต่อสุขภาพจิตแน่นอน”วินซ์เป็นคนเจ้าระเบียบเกินไปและเก่งในการรักษาความปลอดภัยของตนเอง หากฮาร์วีย์ไม่บังคับเขาด้วยวิธีนี้ เขาจะต้องคอยรับมือกับกลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาอย่างต่อเนื่องมีเพียงการบังคับวินซ์ด้วยกลยุทธ์นอกรีตเท่านั้นที่ดูเหมือนจะได้ผล“ค่ะ ฉันเข้าใจ ฉันจะรีบจัดการทุกอย่างให้“ไม่ต้องห่วงนะนายน้อยยอร์ก ตระกูลคลาร์กยังคงมีอิทธิพลในฮ่องกงพอสมควร ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเราที่จะจัดการอะไรแบบนั้น”ฮาร์วีย์พยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะกลับไประดมความคิดไม่จำเป็นต้องวางกับดักขนาดใหญ่กับคนอย่างวินซ์เลย ยังไงเขาก็จะรู้ตัวทันทีหากกับดักนั้นชัดเจนเกินไปกลอุบายแบบสุ่มเช่
เคทลิน พาร์สันชะงักไปชั่วขณะก่อนที่จะกลับมามีสติ เธอรู้ว่าวินซ์ ยอร์กพูดถึงใครเธอหัวเราะเบา ๆ“นายน้อยยอร์ก คุณต้องการสองอย่างจากการส่งชายชราสองคนนั้นไป“อย่างแรกคือการทดสอบขีดจำกัดของหลงเหมินและความอดทนของพวกเขาที่มีต่อฮาร์วีย์ ยอร์ก“อย่างที่สองคือการทำลายดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน ตอนนี้ประเทศหมู่เกาะได้สูญเสียครั้งใหญ่หลังจากที่สู้กับฮาร์วีย์ คุณเลยจะใช้ดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินจัดการเขา“ไม่ดีเหรอที่ตาเฒ่าโง่สองคนนั้นถูกเหยียบย่ำอย่างที่คุณปรารถนา?”“ผมวางแผนไว้ให้มันเป็นแบบนี้ แต่แผนการต่าง ๆ ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ” วินซ์ตอบอย่างใจเย็น“บางคนยังไม่ยอมยอมรับตัวเอง เขายังคิดว่าเขาเป็นผู้ควบคุม…”ท่าทางดูถูกเหยียดหยามปรากฏบนใบหน้าของวินซ์“บางคน?”เคทลินกำลังไตร่ตรองคำพูดเหล่านั้นไม่นานนักเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบก็ดังขึ้นที่หน้าห้องโถงเอลเมอร์ อีแวนส์ซึ่งใบหน้าบวมเป่งไปหมด ผลักประตูห้องรับแขกเข้ามาและเดินมาหาวินซ์ก่อนที่จะนั่งลงใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเขาเปลี่ยนสีหน้าไปเรื่อย ๆ ในขณะที่แสดงความไม่พอใจอย่างเต็มที่“เขาคือฮาร์วีย์ ยอร์กเหรอ?!“เขาก็เป็นเพียงหัวหน้
เอลเมอร์ อีแวนส์ชะงักเล็กน้อย“นายรู้อยู่แล้วเหรอว่าไฮเดอร์ บาวเออร์จะสู้ฮาร์วีย์ ยอร์กไม่ได้?“ไฮเดอร์เป็นรองหัวหน้ากองบังคับคดีของหลงเหมินนะ! เขามีอำนาจควบคุมหัวหน้าสาขาทั้งสามสิบหกสาขาของหลงเหมินโดยสมบูรณ์!“ฮาร์วีย์เหยียดหยามคนแบบนั้นได้ยังไง?!”วินซ์ ยอร์กส่งถ้วยชาให้เอลเมอร์ด้วยรอยยิ้ม“ง่าย ๆ เขาไม่ใช่แค่หัวหน้าสาขาของหลงเหมินสาขามอร์ดูเท่านั้น สำหรับเขาตำแหน่งนั้นเป็นเพียงของแถม!“ผมมั่นใจว่าคุณต้องเคยได้ยินตัวตนที่แท้จริงของเขามาก่อนแล้ว!“เขาคือเจ้าชายแห่งเซาท์ไลท์!“แม้แต่เมลิสซา ลีโอก็ต้องสูญเสียครั้งใหญ่เพราะเขาก่อนที่เธอจะถูกบังคับให้กลับฮ่องกง!“ทรัพย์สินของตระกูลชั้นนำตระกูลเดียวของเซาท์ไลท์อยู่ในมือของเขาทั้งหมด“คนแบบนี้จัดการไม่ได้ง่าย ๆ หรอก”วินซ์พูดอย่างใจเย็นในขณะที่แสดงสีหน้าขมขื่นเอลเมอร์ขมวดคิ้วก่อนที่จะจ้องวินซ์อย่างโกรธเกรี้ยว“ถ้าอย่างนั้นทำไมนายไม่บอกพวกเราตั้งแต่แรกล่ะ?!”“ผมบอกแล้วไงว่าอย่าไปยุ่ง แต่คุณฟังผมไหมล่ะ?“ต่อให้ผมจะบอกตัวตนที่แท้จริงของเขา ด้วยความเย่อหยิ่งของคุณและไฮเดอร์ คุณจะฟังผมเหรอ? คุณจะเชื่อผมเหรอ?”วินซ์เอาแต่โยนความผ
“ถ้าผมจำไม่ผิด หลานชายของถูกคลุมถุงชนกับตระกูลคลาร์กด้วยใช่ไหม?“ที่จริงแล้วเขาต้องเป็นคู่หมั้นของเลสลี่ คลาร์ก ถูกไหม?”วินซ์ ยอร์กหรี่ตาลงเอลเมอร์ อีแวนส์นั่งตัวแข็งอยู่กับที่ เขาจำข้อตกลงนี้เมื่อตระกูลคลาร์กยังอ่อนแอได้น่าเสียดายที่หลานชายของเขาช่างเย่อหยิ่งเหมือนเขา เขาดูถูกผู้คนจากประเทศ H และต้องการเป็นลูกเขยของราชวงศ์แห่งดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินเท่านั้นนั่นเป็นเหตุผลที่เขาไปศึกษาต่อที่นั่น หลังจากที่พบแฟนสาวที่เป็นเชื้อพระวงศ์ที่นั่น เขาก็ไม่ค่อยกลับมาที่ฮ่องกงอีกเลยถ้าไม่ใช่เพราะวินซ์ เอลเมอร์คงลืมเขาไปแล้ว“ดูจากสีหน้าของคุณแล้ว ผมเดาว่าผมพูดถูก” วินซ์พูด“ผมได้ยินมาว่าเลสลี่พูดอะไรบางอย่างในทำนองว่าเราต้องผ่านเธอไปหากเราต้องการจัดการกับฮาร์วีย์“จะเกิดอะไรขึ้นกับชื่อเสียงของตระกูลคุณถ้าเรื่องแบบนี้แพร่ออกไป?!“ท้ายที่สุดเลสลี่ก็เป็นคู่หมั้นของหลานชายของคุณ! ตระกูลทั้งสองยังไม่ได้ยกเลิกข้อตกลงนี้ด้วยซ้ำ!“ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะเรียกหลานชายของคุณกลับมาที่นี่และสั่งสอนเลสลี่สักหน่อย ตระกูลคลาร์คจะได้รู้ว่าใครใหญ่!“พอขึ้นสู่อำนาจได้เพียงไม่กี่วัน พวกเขาก็ลืมไปแล้วว
ในวันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์ ซึ่งนอนหลับสนิทในห้องสวีทของโรงแรมทรี ซีซั่น ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงเคาะประตูอย่างกะทันหันเขาเหลือบมองนาฬิกา จากนั้นเดินไปเปิดประตูอย่างไม่เต็มใจ เมื่อเขาเห็นเลสลี่ที่แต่งตัวเรียบร้อยที่ประตู เขาก็ถอนหายใจ “คุณคลาร์ก… นี่เพิ่งจะเก้าโมงเช้าเอง คุณปล่อยให้ผมนอนต่ออีกสักหน่อยไม่ได้เหรอ?!“ขอผมพักผ่อนหน่อยไม่ได้หรือไง?”ใบหน้าของเลสลี่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างสวยงาม แต่สีหน้าของเธอบูดบึ้ง เธอดึงมือเขาแล้วสั่งโดยไม่สนใจคำบ่นของเขาว่า “ไปสนามบินกับฉันเดี๋ยวนี้ เราต้องไปรับใครบางคน!”ในตอนแรกฮาร์วีย์ต้องการที่จะถามรายละเอียด อย่างไรก็ตาม เขาเงียบไปหลังจากที่เห็นสีหน้าที่แย่ของเลสลี่ในไม่ช้า รถปอร์เช่ 911 ของเลสลี่ก็แล่นบนทางด่วนหวนเชงและเข้าสู่ห้องรับรองผู้โดยสารขาออกของสนามบินนานาชาติฮ่องกงสมาชิกตระกูลดอนรออยู่ที่ห้องรับรองผู้โดยสารขาออกแล้วเมื่อพวกเขาเห็นเธอเข้ามา พวกเขาก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยเธอหาที่จอดรถและชี้ไปที่ร้านอาหารตะวันตกพร้อมกันสีหน้าของเลสลี่ยังคงบูดบึ้ง เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างอารมณ์เสียด้วยแอร์เมสในมือฮาร์วีย์ลังเลอยู่พักหนึ่งแต่สุดท้ายก
“ไอ้เมอร์ฟี่สารเลวคนนี้โตที่ดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน เขาได้แฟนเชื้อพระวงศ์แห่งดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน“ถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นข้างนอก มันก็จะไม่ใช่ธุระอะไรของฉัน“ถ้าเขายกเลิกการหมั้นหมายกับตระกูลดอนล่วงหน้า เรื่องนี้ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับเรา“แต่… ลืมเรื่องการยกเลิกการหมั้นหมายกับเราและตระกูลดอนไปเลย! เขายังเอานางผมบลอนด์มาอวดต่อหน้าฉันหลังจากที่ขอให้ฉันมารับอีก“เรื่องนี้ไม่จบดีแน่!”สีหน้าของเลสลี่เยือกเย็น เธอไม่สนใจคู่หมั้นของเธอเลยอย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถทนต่อใครก็ตามที่ทำให้เธอและตระกูลดอนต้องอับอายแวดวงสังคมทั้งในฮ่องกงและลาสเวกัสนั้นกลมมาก หากข่าวเกี่ยวกับการกระทำของคู่หมั้นของเธอแพร่ออกไป ตระกูลดอนอาจกลายเป็นเรื่องตลกในแวดวงนั้นฮาร์วีย์สามารถเข้าใจความรู้สึกของเลสลี่ได้เช่นกัน เขายิ้มและพูดว่า “แล้วคุณจะทำยังไง?“คุณจะไปถามเขาว่าเขาชอบคุณหรือไหมเหรอ? หรือจะถามว่าเขาอยากหมั้นหมายต่อไหม?”“ไม่มีทาง!” เลสลี่ตะคอกอย่างเย็นชาและเด็ดขาดฮาร์วีย์ยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นก็ง่าย ในเมื่อคุณอยู่ที่นี่แล้ว ก็แค่ไปจัดการกับเขาแบบตัวต่อตัว“ในเมื่อคุณทั้งคู่ไม่ได้มีความรักต่อ
เมอร์ฟี่มองเลสลี่ด้วยท่าทางรังเกียจ หลังจากที่เขาฟังคำพูดของสาวผมบลอนด์ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังเขามองเลสลี่อย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงมองไปที่ฮาร์วีย์ด้วยแววตาเหยียดหยาม เขาย่นริมฝีปากขึ้นอย่างไม่พอใจและเย้ยหยัน “ทีนี้ก็ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมหลังจากที่ผมลงจากเครื่องบินเมื่อกี้นี้ถึงได้กลิ่นเหม็นเน่าตีขึ้นจมูก กลิ่นลอยมาจากคุณนี่เอง!“บอกผมหน่อยสิ เลสลี่ คุณรู้ไหมว่าท่านหญิงเพิร์ลกำลังพูดถึงกลิ่นเหม็นประเภทไหน“ก็มาจากคุณนั่นแหละ! คุณทั้งน่าสมเพชแล้วก็มีแต่ตัว!“ตระกูลดอนก็เป็นแค่ตระกูลชั้นหนึ่ง คุณคิดว่าคุณเป็นสมาชิกของวงสังคมชั้นสูงหรือไง? คิดว่าคุณมีสิทธิ์เป็นวงสังคมชั้นสูงของฮ่องกงด้วยเหรอ?“ดูการกระทำที่ไร้ยางอายของตระกูลดอนทำให้ผมขยะแขยง!“โดยเฉพาะกับคุณ เลสลี่ เมื่อเทียบกับท่านหญิงเพิร์ลจากดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน คุณมันไม่มีค่าอะไรเลย!”ดวงตาของเมอร์ฟี่ไม่ได้ซ่อนความเกลียดชังไว้เลยแม้แต่น้อย "ออกไป! มาจากหลุมไหนก็กลับเป็นหลุมนั้นเลย!”“ถ้าไม่มีอะไรสำคัญต่อไปอย่าได้โผล่หน้ามาให้ผมเห็นอีก”“โอ้ใช่ ผมขอให้ปู่ถอนหมั้นให้แล้ว”“แต่มีเงื่อนไขข้อเดียว”“คุณกับ