ตู้ม!ลูกเหล็กตกลงพื้นและเหล็กเม็ดเล็กๆจำนวนมากกระจายออกมา ใบหน้าของทริชาคลาวด์ เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เธอกลิ้งไปกับพื้นทันทีและดึงเฟลทเชอร์ อีแวนส์ซึ่งยังคงงุนงงอยู่ในขณะนี้ไปซ่อนหลังก้อนหินมีเสียงดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง และก้อนหินก็พังทลายลงอย่างไม่หยุดหย่อนในเวลานี้เองที่เฟลทเชอร์ตระหนักได้ว่าทริชาช่วยชีวิตเขาไว้ มิฉะนั้นเขาคงถูกยิงตายไปแล้ว"ฆ่ามัน! ฆ่านังนั่น!“ฆ่าฮาร์วีย์ ยอร์ก!“ถ้ามันไม่ตาย เราก็ตาย!”เฟล็ทเชอร์กำลังจะคงคลั่ง เขาจับไหล่ของทริชาไว้โดยไม่รู้ตัว และกัดฟันพูดเพี๊ยะ!“ทะลึ่ง!”ทริชาตบเขาลงกับพื้นด้วยท่าทางเย็นชา“นายหญิงคลาวด์ ฆ่าเธอ! ฆ่าฮาร์วีย์เลย!“ตราบใดที่เธอกับฮาร์วีย์ตาย ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณต้องการ!”ทริชาดูเฉยเมยและตบหน้าเฟลทเชอร์อีกครั้ง จากนั้นเธอก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณยังมีประโยชน์อยู่บ้าง ฉันคงฆ่าคุณไปแล้ว!“คุณออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย ไปที่ด้านหลัง มีคนจะไปรับคุณที่นั่น!“อย่ามาเกะกะอยู่นี่!”เห็นได้ชัดว่าทริชารู้ดีอยู่แก่ใจว่าถ้าเธอยังมีภาระอย่างเขาอยู่ในขณะที่เผชิญหน้ากับคอร่า ลอยด์ เธอจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี
เมื่อทริชา คลาวด์คิดว่าเธอกำลังจะชนะ คอร่า ลอยด์ก็กลิ้งไปกับพื้นแล้วลงไปในทะเล จากนั้นเธอก็กดปุ่มที่มือซ้ายแรง ๆ ในตอนที่ตกลงไปแกร๊ง!ด้วยเสียงที่ดังฟังชัด ใบหน้างดงามของทริชาเปลี่ยนไปเล็กน้อย และเธอรู้ในทันทีว่าเธอถูกหลอกจากนั้นเธอก็ก้าวถอยหลัง กัดฟันโดยไม่พูดอะไรเลย“ตู้ม!”เรือที่พวกเธอสองคนอยู่ด้วยกันเมื่อครู่ระเบิดออกในทันที ถ้าเธอช้ากว่านี้อีกนิดเดียว เธอคงถูกแรงระเบิดฆ่าตายไปแล้วในขณะเดียวกัน สาวกของหลงเหมินกว่าสิบคนที่เป็นนักแม่นปืนฝีมือเยี่ยมก็พุ่งเข้ามาพร้อมปืนทริชาขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองดูฉากนี้ เธอหันหลังกลับและดำดิ่งลงสู่ทะเลในวินาทีต่อมา***ครึ่งชั่วโมงต่อมา สถานการณ์ก็ถูกจัดการอย่างเหมาะสม ด้วยสีหน้าเฉยเมยบนของฮาร์วีย์ ยอร์ก เขายืนอยู่บนเศษหินและถือป้ายชื่อไว้ในมือ“หัวหน้าสาขา นี่มัน…”ไอเดน บาวเออร์พยักหน้าและพูด ดูเหมือนจะเข้าใจ“ป้ายชื่อของทหารอเมริกันที่เกษียณแล้ว ตระกูลสมิธคงใช้เงินในการจ้างทหารรับจ้างหลายสิบคนไปมากมาย“ตอนนี้เขาสูญเสียทหารรับจ้างเหล่านี้ไปแล้ว นี่ถือเป็นหายนะอย่างแท้จริงสำหรับเทอร์รี่ สมิธ”ฮาร์วีย์พูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา“แล
คอร่า ลอยด์พูดอย่างไร้อารมณ์ร่วมว่า “นายน้อยยอร์ก คุณอย่าประเมินเทอร์รี่ สมิธต่ำไป“จากข่าวกรองที่ฉันได้มา แม้ว่าเทอร์รี่จะถือได้ว่าเป็นที่พูดถึงน้อยที่สุดในหมู่เจ้าชายทั้งหกแห่งมอร์ดู แต่อำนาจที่แท้จริงของเขาก็ไม่ควรถูกประเมินต่ำ“ยิ่งไปกว่านั้น มีข่าวลือในโลกของนักดาบเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่ามีนายน้อยผู้มั่งคั่งคนหนึ่งจ้างยอดฝีมือไปอยู่เคียงข้างเขามากมาย“ฉันเดาว่าคน ๆ นั้นคือเทอร์รี่ สมิธ“ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ฉันขอแนะนำอะไรคุณสักหน่อย“ระวังเทอร์รี่ สมิธเอาไว้ให้ดี“ถ้าเทอร์รี่ สมิธสู้เหมือนหมาจนตรอก อย่างไม่สนกฎหมาย คุณอาจหยุดเขาไม่ได้”ฮาร์วีย์ยิ้มและพูดว่า “ฉันไม่คิดที่จะเผชิญหน้ากับเทอร์รี่หรอก อย่างน้อยฉันก็จะไม่สนใจเขาถ้าเขาไม่มารนหาที่ตายถึงที่“สิ่งที่ฉันจะทำคือการสะสางความยุ่งเหยิงภายในตระกูลสมิธเท่านั้น“แน่นอน ถ้าต้นตอของความยุ่งเหยิงนี้อยู่ที่เทอร์รี่ ฉันก็ไม่คิดจะบดขยี้เขา ซึ่งเป็นหนึ่งในหกเจ้าชายแห่งมอร์ดูให้ตาย”คอร่าไม่เชื่อ หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็กินราวีโอลี่ชิ้นสุดท้ายอย่างระมัดระวังแล้วลุกขึ้นยืน เธอพูดอย่างเฉยเมยว่า “ระวังตัวด้วย มิฉะนั้นฉันจะไม่ล้างแค้น
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ โทรศัพท์ของเทอร์รี่ สมิธก็ดังขึ้น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองดูชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ แต่เขายังคงกดปุ่มรับสายเสียงที่ไม่แยแสของเฮกเตอร์ ทอมป์สันดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ “เจ้าชายสมิธ ผมเพิ่งทราบข่าวว่าคุณจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ปู่ของคุณในคืนนี้ ผมสงสัยว่าคุณมีกำลังพลพอหรือเปล่า?”เห็นได้ชัดว่าเฮกเตอร์รู้จุดประสงค์ของเทอร์รี่ ดวงตาของเทอร์รี่สั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นายน้อยทอมป์สัน ฉันได้ยินมาว่ามีเรื่องเกิดขึ้นบนเรือสำราญของนาย นายควรจัดการเรื่องนั้นก่อนจะดีกว่า”“ฉันจัดการเรื่องของตัวเองได้”ติ๊ด! เทอร์รี่วางสายหลังจากพูดจบ ร่องรอยของความโศกเศร้าฉายผ่านดวงตาของเขาสักพักก็มีโทรศัพท์เข้ามาอีก คราวนี้เป็นน้ำเสียงไม่แยแสของเซค สมิธที่ดังมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์ทันทีที่กดรับสาย “คืนนี้มีงานเลี้ยงวันเกิดของตาแก่นั่น ฉันจะส่งคนไปรับพี่สาวกับลูกของเธอ“เดี๋ยวฉันจะไม่รู้ว่านายพยายามจะทำอะไร แต่ถ้านายกล้าสร้างปัญหาในงานเลี้ยงคืนนี้ ฉันจะเป็นคนแรกที่ฆ่านาย!”หลังจากพูดได้สองประโยคเซคผู้บัญชาการลำดับที่สองของรัฐบาลมอร์ดูซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง
ฮาร์วีย์ ยอร์กถอนหายใจขณะมองดูคนกลุ่มนั้น เขาอยากที่จะเมินเฉยต่อพวกเขาและกำลังจะมุ่งไปอีกทางแต่ไม่คิดเลยว่าเฮเซล มาโลนจะมองเห็นเขาและจำเขาได้ เธอผงะไปเล็กน้อย “ฮาร์วีย์?!“ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ที่ดินของตระกูลสมิธได้?”“นี่นายมารอเรานานแค่ไหนแล้ว!”“นายกำลังพยายามทำตัวเนียนไปเราและตามเรากลับเข้าไป?”เฮเซลเริ่มตระหนก นี่มันวันอะไร?ถ้าฮาร์วีย์แอบเข้ามาที่นี่จริง ๆ มันคงเป็นเรื่องน่าอายมาก!สำหรับอินฟลูเอนเซอร์เหล่านั้น พวกเธอทุกคนมองดูฮาร์วีย์ด้วยความรังเกียจที่สุดในขณะนี้พวกเธอเป็นคนจากวงสังคมชั้นสูง มันคงเป็นเรื่องน่าละอายที่จะปล่อยให้คนบ้านนอกอย่างฮาร์วีย์มาเกาะแกะกับพวกเธอไม่เลิกแม้แต่แกรี่ ดันเคนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับรู้สึกว่าฮาร์วีย์เป็นคนที่น่าสมเพชฮาร์วีย์ไม่มีทางเลือก เขาทำได้เพียงล็อกจักรยานและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเชยเมยว่า “เลิกพูดเอาดีเข้าตัวสักทีได้ไหม? การที่ผมมาที่นี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกคุณทั้งนั้น!”“ทำไมจะไม่เกี่ยวอะไรกับเรา” เฮเซลเย้ยหยัน “นายต้องการเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดนี้โดยใช้ชื่อของนายน้อยดันเคนอย่างชัดเจน!"ทำไม? อีวอนน์ไม่ได้ส่งการ์ดเชิญ
ก่อนหน้านี้กลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ต่างก็เย้ยหยันเขา แต่เพราะอีวอนน์ ซาเวียร์ปรากฏตัวขึ้นในครั้งก่อนพวกเธอก็เลยกลัวอยู่หน่อย ๆ และพวกเธอก็จำเป็นต้องแสดงความเคารพต่อเขาเล็กน้อยแต่เมื่ออีวอนน์ไม่ได้อยู่แถวนี้ ทำไมพวกเธอยังต้องไว้หน้าไอ้บ้านนอกนี่อีก?ดังนั้นทัศนคติของพวกเธอมีต่อฮาร์วีย์จึงดูหยิ่งผยองมากขึ้น สำหรับเฮเซล มาโลน ตอนนี้เธอรู้สึกขยะแขยงญาติจากบ้านนอกผู้น่าสงสารเหลือทน หวังจะขับไล่เขากลับไปที่บัควู้ดให้เร็วที่สุดแกรี่ ดันเคนพูดอย่างเฉยเมยขณะยืนเอามือไพล่หลังโดยไม่รอให้ฮาร์วีย์พูดอะไร “พอเถอะ คุณมาโลน ไม่มีเหตุผลที่จะต้องต่อความยาวสาวความยืดกับตัวตลกอย่างเขา“งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มแล้ว ไปกันเถอะ"เฮเซลและพรรคพวกของเธอต่างก็พยักหน้าหลังจากฟังคำพูดของแกรี่ จากนั้นเธอก็มองไปที่ฮาร์วีย์อย่างเย็นชาและพูดว่า “ฮาร์วีย์ หยุดตามพวกเรามาสักที!“ไม่อย่างนั้น นายจะเป็นคนที่ต้องอับอายหากถูกขับออกไปในภายหลัง”จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็เดินไปข้างหน้าพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นหลังจากพูดจบโดยไม่สนใจฮาร์วีย์ที่อยู่ข้างหลังอีกเฮเซลและคนอื่น ๆ รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นทั้งสองถนนข้างของที่ดินตร
พรืด!ฮาร์วีย์ ยอร์กที่ตามมาติด ๆ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านั้นอาจกล่าวได้เพียงว่าแกรี่ ดันเคนเกิดมาเพื่ออวดรู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นในประเทศ H นี้เขาคงเป็นคนเดียวที่เป็นเลิศในด้านนี้อย่างแน่นอนมันวิเศษมากที่เขาโอ้อวดตัวเองได้ถึงขนาดที่หลอกตัวเองไปได้ด้วยเฮเซล มาโลนหันกลับมาโดยไม่รู้ตัว หลังจากที่เธอได้ยินเสียงหัวเราะจากด้านหลัง จากนั้นเธอก็เห็นฮาร์วีย์เดินตามกลุ่มของเธอมาอย่างไร้ยางอาย เธอโมโหในทันที “ยอร์ก ทำไมนายไร้ยางอายขนาดนี้?”“ฉันเตือนนายตั้งกี่ครั้งกี่หนแล้ว!“หยุดตามพวกเรามาสักที!“เราจะไม่พานายเข้าไปทำให้งานเลี้ยงนี้พังหรอก!“ทำไมนายถึงอวดดีขนาดนี้”“ทำไมหน้าด้านขนาดนี้”“แค่ไม่ได้เข้าไปหาอะไรกินข้างในจะตายให้ได้เลยหรือไง!"ฉันบอกนายไว้เลยนะ ต่อให้โทรไปฟ้องพ่อฉันก็ไม่มีประโยชน์!“เมื่อเราไปถึงประตู เราจะบอกรปภ.ว่าเราไม่รู้จักนาย ที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับนายแล้วก็อยากจะทำให้ตัวเองอับอายขายขี้หน้าหรือเปล่า!”เฮเซลพูดด้วยท่าทีจริงจัง เธอแค่รู้สึกว่าการมีอยู่ของฮาร์วีย์เป็นเรื่องน่าขายหน้าสำหรับเธออินฟลูเอนเซอร์อีกหลายคนมองฮาร์วีย์ด้วยท่าทางนึกสนุ
ฮาร์วีย์ ยอร์กไม่ได้พูดอะไรให้มากความ เขากลับพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองสามคนแล้วเดินเข้าไปในบริเวณนั้นเฮเซล มาโลน และคนอื่น ๆ ตกตะลึงขณะดูฉากนี้ พวกเขาต้องระงับแผนที่คิดจะเยาะเย้ยเขาลง ใบหน้าของพวกเธอมืดลงทันที นั้นทำให้พวกเธออึดอัดเป็นอย่างมากมีเพียงแกรี่ ดันเคนเท่านั้นที่มีใบหน้าดำคล้ำและพูดอย่างเคร่งขรึม “ให้ตายเถอะ เขาแอบใช้ชื่อของผมจริง ๆ สินะ!“ต้องเป็นอย่างนั้นแน่!“ไม่งั้นทำไมเจ้าหน้าที่ไม่ตรวจบัตรเชิญเขาล่ะ!“ไอ้เวร!”ในขณะนี้แกรี่รู้สึกโกรธ “ไอ้เวรนี่ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาเชี่ยวชาญเรื่องการเสแสร้งและอวดเก่งมากจริง ๆ!“แต่เขาไม่รู้สักนิดเลยเหรอว่าวันนี้มันเป็นงานแบบไหน? ครั้งนี้ฉันโกรธมากจริง ๆ”เมื่อเห็นความโกรธของแกรี่ เฮเซลและคนอื่น ๆ ก็เข้าใจสถานการณ์ในทันที พวกเธอตระหนักว่าฮาร์วีย์ได้รับการต้อนรับอย่างดีเช่นนั้นก็เพราะแกรี่ใบหน้าสวยของเฮเซลดูหม่นหมองเล็กน้อยในขณะนี้ เธอกระซิบว่า “ไม่หรอก ฮาร์วีย์หน้าด้านเกินไป และไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ!“เราต้องไล่เขาออกไป!“ไม่อย่างนั้น นายน้อยดันเคนจะต้องอับอายหากฮาร์วีย์ไปสร้างปัญหาในงาน!”อินฟลูเอน