ฮาร์วีย์ ยอร์กมองไปที่สตีเว่น วอล์คเกอร์อย่างไม่แยแส “เอาล่ะ ถือว่าคุณรับปากแล้ว!”“ฮาร์วีย์ ทำไมคุณถึงเป็นคนแบบนี้นะ?”ใบหน้าสวยของเฮเซล มาโลนเต็มไปด้วยความผิดหวัง “ฉันผิดหวังจริง ๆ ฉันไม่ควรแนะนำคุณเลย!”“การที่คุณมาที่นี่ เป็นเพียงความอัปยศสำหรับฉัน!”“ฉันรู้ว่าคุณชอบกับฉัน อยากจะแสดงความสามารถของตัวเองต่อหน้าฉัน!”“และหวังให้ฉันหันมามองคุณ!“หวังจะเติมเต็มความปรารถนาตัวเอง แถมยังอยากไขว่คว้าในสิ่งที่ไม่คู่ควรอีก!”“แต่อย่าทำตัวแบบนี้ได้ไหม?”“วางศักดิ์ศรีของตัวเองลงเสียที!”“ยิ่งคุณทำตัวแบบนี้ ก็รังแต่จะทำให้ฉันเกลียดคุณ?”“ยิ่งกว่านั้น เมื่อวานฉันบอกคุณไปอย่างชัดเจนแล้วว่าการหมั้นหมายของเราสมัยเด็ก ก็เป็นแค่เรื่องไร้สาระ!”“กาจะเข้าฝูงหกได้ยังไง?!”“คุณอยากจะประสบความสำเร็จโดยอาศัยคำสัญญาบ้า ๆ บอ ๆ พวกนี้งั้นหรือ? คุณคิดว่ามันเชื่อถือได้รึไง? มันเป็นไปได้หรือ?"ในสายตาของเฮเซล ฮาร์วีย์เป็นเพียงปลิงที่คิดแต่จะสูบเลือดสูบเนื้อคนอื่น!ฮาร์วีย์เพิ่งกลายเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านและเพิ่งถูกไล่ออกมา ตอนนี้เขายังคิดดจะมาเกาะแกเศรษฐีนีอย่างเธอขึ้นมาอีกทำไมเขาไม่คิดที่จะตักน้ำ
พนักงานคนอื่น ๆ ต่างตกอยู่ในความงุนงง ในขณะที่มองไปที่ผู้หญิงสองคนเฮเซล มาโลนอึ้ง!สตีเว่น วอล์คเกอร์ก็อึ้ง!นี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?พวกเขาไม่มีทางเชื่อแน่ว่าฮาร์วีย์ ยอร์กจะทำให้ผู้หญิงสองคนนี้มาที่นี่ได้ด้วยการโทรศัพท์เพียงครั้งเดียว!ที่สำคัญที่สุดคือพวกเธอมาภายในเวลาครึ่งชั่วโมงได้จริง ๆ พวกเธอไม่กล้ามาสายเลยแม้แต่น้อย...นี่ นี่ นี่…นี่มันเป็นไปได้ยังไง?สิ่งที่ทำให้เฮเซลรู้สึกรับไม่ได้ที่สุดก็คือการที่ทั้งสองคนพูดกับฮาร์วีย์ด้วยความเกรงใจ ไม่ว่าจะเป็นเฮลีย์ สมิธหรือแอนนา วินทัวร์ราวกับว่าฮาร์วีย์เป็นคนใหญ่คนโตเปลือกตาของสตีเว่นกระตุก “เป็นไปได้ยังไง? เป็นไปได้ยังไง?!”พนักงานสาวสวยกลุ่มหนึ่งก็รู้สึกร้อนเห่อที่ใบหน้าชอบกล แม้ว่าฮาร์วีย์จะไม่ได้พูดอะไร แต่ภาพนี้ก็เป็นการตบหน้าพวกเธออย่างแรง“มาได้สักที”ฮาร์วีย์ยืนขึ้นอย่างไม่ยี่หระและโยนสัญญาไปให้พวกเธออย่างไม่แยแส “นี่คือสัญญาสองฉบับที่ผมได้รับมอบหมายมาหลังจากเริ่มทำงานที่นี่ กรุณาลงนามให้ด้วย”ทำตัวแบบนี้กับลูกค้าได้เหรอ?!เขาควรให้เกียรติอีกฝ่ายมากกว่านี้ไม่ใช่หรือ?ทำไมฮาร์วีย์ถึงทำเหมือนกำลังออกคำสั่งอ
เวลาบ่ายสามโมง บนถนนหลินเจียง อเวนิวห่างจากเพิร์ล ออฟ มอร์ดูไม่ถึงสามกิโลเมตรในขณะนี้ รถปอร์เช่พานาเมร่าสีแดงกำลังแล่นอยู่บนถนนด้วยความเร็วมีหญิงสาวสวยในชุดกี่เพ้านั่งอยู่ที่เบาะคนขับเธอสวมแว่นกันแดดสีดำ ซึ่งทำให้ใบหน้าสวยของเธอดูงดงามยิ่งขึ้นมีผู้หญิงหน้าตาพอไปวัดไปวาได้อีกคนอยู่ในที่นั่งผู้โดยสารผู้หญิงคนนั้นถือปืนอยู่ในมือ แต่เธอคอยหันกลับไปด้านหลังด้วยความหวาดระแวงราวกับว่าเธอกลัวว่าจะมีใครตามมาทันหลังจากดูอยู่พักหนึ่งและยืนยันว่าไม่มีใครตามมาแล้ว ผู้หญิงบนเบาะผู้โดยสารมองไปที่อีวอนน์ ซาเวียร์ขณะขับรถและพูดว่า “คุณหนูซาเวียร์ ทำไมคุณถึงเสี่ยงออกมาแบบนี้?!”“คุณควรรู้ว่าตอนนี้เราถูกกักบริเวณอยู่!”“ถึงเราจะยังสามารถกิน ดื่มและเดินไปมาในสวนได้…”“แต่ถ้ามีใครรู้เรื่องนี้เข้า เราจบเห่แน่!”“อีกอย่าง ตระกูลก็กำลังสืบสวนเรื่องของคุณผู้หญิงอยู่ และคุณหนูก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญเช่นกัน!” “ที่คุณหนูหนีมาอย่างนี้ ไม่ใช่เป็นการยอมรับกลาย ๆ เหรอว่าคุณผู้หญิงเป็นคนทำเรื่องเหล่านั้นจริง ๆ?!”“คุณซาเวียร์ ฟังฉันนะ เราย้อนกลับไปก่อนที่พ่อบ้านอีแวนส์จะรู้เรื่องนี้เถอะ”“ไม่อย
จากนั้นฮันเดลก็แสดงสีหน้าเย็นชาและตอบอย่างเย้ยหยันว่า “โอ้ เมลานี ซาเวียร์ เธอคิดว่าฉันมองไม่ออกจริง ๆ เหรอ?”“เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าฉันไม่เห็นความสงสัยที่ซ่อนอยู่ในใจของเธอและความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะเลียแข้งเลียขานายท่านคนใหม่?”“เราอยู่ในตระกูลสมิธมาก็หลายปีแล้ว เราจะไม่เข้าใจนิสัยของพวกเขาได้ยังไง?”“เธอน่าจะรู้ว่าไม่ว่าเราจะอยู่หรือไป คุณผู้หญิงกับคุณหนูซาเวียร์ก็ยังคงเป็นแพะรับบาปสำหรับข้อกล่าวหาเหล่านั้นอยู่ดี!”“คุณผู้หญิงมีความสามารถมากเกินไป และคุณหนูซาเวียร์เองก็โดดเด่นเกินไป! นี่คือสาเหตุที่เจ้าชายสมิธและคนอื่น ๆ ระวังพวกเธอมาก!”“และตอนนี้นายท่านก็สิ้นชีวิตไปแล้ว เจ้าชายสมิธและคนอื่น ๆ ต่างกำลังคิดหาวิธีที่จะแบ่งปันทรัพย์สินให้เท่า ๆ กันก็แค่นั้น พวกเขาไม่เห็นต้องสนใจด้วยซ้ำว่าความจริงคืออะไร? พวกเขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น”“และนั่นเป็นเหตุผลที่สมควรสำหรับคุณหนูซาเวียร์ที่จะจากมา! หากไม่ทำเช่นนี้ เธอจะกลายเป็นสิ่งของที่ตระกูลสมิธใช้แลกกับผลประโยชน์ก็เท่านั้น!”“ฉันสนับสนุนคุณหนูซาเวียร์!”ฮันเดลไม่รู้ว่าเหตุใดอีวอนน์ ซาเวียร์จึงตัดสินใจออกจากตระกูลสมิธในเวลานี้ แต่เขาร
“ให้ตระกูลสมิธชดใช้งั้นเหรอ?”เมลานี ซาเวียร์หัวเราะเบา ๆ ในขณะที่ใบหน้าของเธอแสดงความดูถูกเหยียดหยามออกมา“คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันนี้คุณจะมีชีวิตรอดหรือไม่ แต่คุณกำลังพูดถึงการแก้แค้นพวกเขาเนี่ยนะ?”“คุณหนู คุณเริ่มฝันกลางวันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”ในสายตาของเมลานี หากอีวอนน์ ซาเวียร์มีโอกาสได้กลับมายืนหยัดอีกครั้งและคุณผู้หญิงมีโอกาสที่จะได้ควบคุมกองกำลัง เธอก็ไม่รังเกียจที่จะติดตามพวกเขาไปจนสุดหล้าฟ้าเขียวแต่พลังของตระกูลสมิธเจิดจ้าราวกับกลางวันนักฆ่ากำลังรอที่จะกำจัดทายาทสายตรงของทั้งตระกูลจาเดน สมิธป่วยหนักคุณผู้หญิงถูกคุมขัง และเทอร์รี่ สมิธก็รับช่วงต่อภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น อีวอนน์จะมีโอกาสได้ยังไง?จากปัญหาล้อมรอบตัวเธอ เธอจะทำอะไรได้นอกจากหนีไป?นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมสิ่งเดียวที่เมลานีคิดคือวิธีเลียแข้งเลียขาเทอร์รี่เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เธอมั่งคั่งและได้รับเกียรติยศไปตลอดชีวิตเธอยังต้องหาวิธีป้องกันไม่ให้ตัวเองมาพัวพันไปกับอีวอนน์และสำหรับการหลบหนีที่อาจหาญเช่นนี้…ดวงตาของเมลานีเป็นประกาย จากนั้นเธอก็เริ่มส่งข้อความถึงใครบางคนทางโทรศัพท์โดยไม่พูดอะไ
ฮันเดลมีสีหน้าเคร่งขรึมขณะจ้องมองเมลานี ซาเวียร์อย่างเย็นชาเมลานียิ้ม จากนั้นก็โยนปืนของเธอลงกับพื้นแล้วยกมือขึ้น เป็นสัญญาณให้พวกนั้นรู้ว่าเธอจะไม่ทำร้ายพวกเขาในเวลาเดียวกัน ชายมีหนวดเครากับหญิงสาวเจ้าเสน่ห์สองสามคนก็ก้าวเท้าออกจาก โตโยต้า พราโด้คันสุดท้ายชายคนนั้นสวมแจ็กเก็ตหนัง จากท่าทางของเขาทำให้เขาดูไร้ยางอายและดุร้ายอย่างยิ่งเขาเป็นพ่อบ้านประจำบ้านตระกูลสมิธ เฟลทเชอร์ อีแวนส์!“พ่อบ้านอีแวนส์!”เมลานีรีบเข้าไปหาเฟลทเชอร์ทันทีที่เห็นเขา จากนั้นจึงคำนับด้วยความเคารพ“อีวอนน์ ซาเวียร์และฮันเดลคิดที่จะหนี แต่ฉันจับได้เขาและเธอได้คาหนังคาเขาและหยุดพวกเขาไว้!”“นั่นคือเหตุผลที่ฉันส่งข้อความถึงคุณ! ฉันสัญญาเลยว่าฉันจะให้ความร่วมมือ!”“พ่อบ้านอีแวนส์ คุณต้องให้ยกความดีความชอบเรื่องนี้ให้ฉัน!”เมลานีเข้าใกล้เฟล็ทเชอร์มากขึ้นในขณะที่กำลังพูด เธอกอดแขนซ้ายของเฟล็ทเชอร์และแนบชิดอยู่ข้าง ๆ เขาฮันเดลกัดฟันหลังจากเห็นภาพนั้น อีวอนน์ไม่ได้พูดอะไรเลย เพราะการได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของคน ๆ หนึ่งก็ถือเป็นเรื่องดีเฟลทเชอร์เอื้อมมือไปลูบไล้ร่างกายของเมลานีแล้วยิ้ม“หัวหน้าซาเวียร
“คุณล้ำเส้นฉันมากเกินไปแล้ว!”การแสดงออกของอีวอนน์ ซาเวียร์นั้นมืดมนราวกับกลางคืน และใบหน้าของเธอก็ดูน่ากลัว“ฉันล้ำเส้น?”เฟล็ทเชอร์ อีแวนส์ยิ้ม“โถ อีวอนน์ เธอคิดว่าเธอยังคงเป็นคุณหนูซาเวียร์ที่สูงส่งและยิ่งใหญ่อยู่อีกหรือ?”“ฉันจะบอกเธอให้ ตระกูลสมิธจบแล้ว! สถานการณ์ของพวกเขามีแต่จะเลวร้ายลงทุกที!”“แม่ของเธอเองก็อยู่ยังอยู่หลังลูกกรงนั่นต่อไป!”“เธอคิดจริง ๆ หรือว่าตระกูลสมิธจะปล่อยเธอไป ต่อให้ฉันบังคับตัวเองให้ปล่อยเธอไปก็เถอะ!”“หยุดคิดเพ้อเจ้อสักที!”“รับใช้ฉันอย่างเชื่อฟัง แล้วฉันจะได้พูดถึงเธอต่อเจ้าชายได้แง่ดีหน่อย เข้าใจไหม?”เฟลทเชอร์เปล่งออร่าที่แข็งแกร่งและความมั่นใจออกมามาราวกับว่าทุกสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงอีวอนน์ขมวดคิ้ว จากนั้นตอบอย่างใจเย็นว่า “เทอร์รี่ ตระกูลสมิธขอให้คุณจัดการกับฉันเหรอ?”“มีไม่มีก็ไม่เห็นต้องสน”หน้าตาขี้เล่นฉายอยู่บนใบหน้าของ เฟลทเชอร์“สิ่งที่เธอต้องรู้ก็คือเธอกำลังตกที่นั่งลำบาก และฉันก็เป็นคนเดียวที่จะช่วยเธอได้!”“อ้อ ฉันลืมบอกเธอไป สมาชิกตระกูลสมิธหลายคนที่อยู่ข้างเธอถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม”“เธอเป็นคนใจร้ายอีวอนน์ เธอนี่เหม
เฟลทเชอร์ อีแวนส์ยิ้มในขณะที่ดันเมลานี ซาเวียร์ออกไป จากนั้นก็สัมผัสใบหน้าของเขาและมองไปที่ อีวอนน์ ซาเวียร์“อีวอนน์ เธอกล้าตบฉันเหรอ?”“เธอเคยคิดถึงผลที่ตามมาบ้างไหม?”อีวอนน์ตอบอย่างเย็นชาว่า “ฉันตีคุณแล้วจะทำไมล่ะ? คุณเป็นแค่คนรับใช้ ถึงฉันจะทุบตีคุณจนตายก็ไม่มีใครคิดจะช่วยคุณหรอก!”“ฮ่าฮ่าฮ่า! เธอคิดจะทุบตีฉันให้ตายเลยหรือ?”"ต้องยอมรับเลย เธอนี่ฝันกลางวันเก่งจริง ๆ เก่งแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว“ฉันน่ะชอบฝึกม้าป่าให้เชื่องที่สุด”!“เพราะการบังคับคนอื่นถือให้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกนี้!”จากนั้นเฟลทเชอร์ก็เอื้อมมือไปบีบใบหน้าของอีวอนน์ในขณะที่กำลังพูด“ถ้าเธอถอยออกไป ฉันจะยัดกระสุนใส่ตาแก่คนนั้น!”ในขณะนี้ เฟลทเชอร์ดุร้ายราวกับว่าเขาเป็นราชาของโลกใบนี้ เข้าควบคุมทุกสิ่งและทำทุกอย่างตามที่เขาพอใจแม้ว่าเจ้านายและเจ้าชายที่มีชื่อเสียงจากมอร์ดูจะปรากฏตัวต่อหน้าเขา พวกเขาก็ดูด้อยกว่าเฟรทเชอร์“ถ้าคุณแตะต้องเธอแม้แต่ปลายนิ้ว ผมจะลบตระกูลคุณออกจากสารบบของโลกนี้!”ทันใดนั้นเอง น้ำเสียงเย็นชาก็ดังก้องมาจากด้านหลังร่างกายที่แข็งทื่อของอีวอนน์ผ่อนคลายลง เธอรู้ว่าใครมาที่นี่“แ