"อะไรนะ?! เธอคือเทรซี่ ฟลอเรสเหรอ?!”การกล่าวถึงชื่อนี้ทำให้ผู้ชายหลายคนตะลึงเทรซี่เป็นนักเต้นชื่อดังที่ได้รับความนิยมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากที่เธอมีชื่อเสียงมากขึ้น ว่ากันว่าเธอได้รับข้อเสนอสำหรับโฆษณามากมาย เธอถูกมองว่าเป็นคนที่ผู้ชายหลายคนปรารถนา แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครแตะต้องเธอได้คนอย่างเธอยังมาตามเอ็ดดี้ต้อย ๆ ที่สำคัญเขากลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอชื่ออะไร?พวกเขาจ้องมองด้วยความชื่นชม ความริษยา และความเกลียดชังต่อเอ็ดดี้ใบหน้าของเทรซี่ชาวาบ เมื่อเห็นว่ามีบางคนจำเธอได้ ดูเหมือนเธอจะไม่ชอบคนต่างชาติเลยแม้แต่น้อยเด็กซ์เตอร์เข้าหาเอ็ดดี้เพื่อจับมืออย่างกระตือรือร้น “คุณยังจำผมได้ไหมครับคุณเอ็ดดี้? เราเคยเจอกันมาแล้ว! ผมเป็นคนจัดการเรื่องข้อมูลรับรองบริษัทของคุณ…”"คุณโฮลท์ แน่นอนผมจำได้ ถ้ามีเวลาเมื่อไหร่เชิญมาดื่มชาที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปบ้างล่ะ” เอ็ดดี้กล่าวเอ็ดดี้พูดตามมารยาทพื้นฐานเท่านั้น แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เด็กซ์เตอร์กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ“ทุกคนได้ยินไหม? คุณเอ็ดดี้จำผมได้แถมยังชวนไปดื่มชาอีกต่างหาก!”"คุณเ
แมนดี้ขมวดคิ้ว เธอไม่ได้โง่นะ คนจากบริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นได้อย่างไร? แล้วเอ็ดดี้จะเรียกเธอมาเพื่ออะไร? อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่สามารถเลือกอะไรได้... ขณะที่แมนดี้กำลังจะลุกขึ้น ฮาร์วีย์ก็เอื้อมมือไปหยุดเธอเอาไว้ เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “บริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ป ไม่มีความหมายอะไรเลย พวกเขามีสิทธิ์อะไรมาบังคับภรรยาของผม?” “มันสมควรแล้วเหรอ?” ในตอนนี้ ความสนใจของทุกคนพุ่งตรงไปที่ฮาร์วีย์ คำพูดที่ออกมาจากปากของสามีที่เอาแต่เกาะชายกระโปรงของแมนดี้ทำให้พวกเขาถึงกับตะลึงงัน 'ที่เขากำลังพูดถึงนั่นคือ บริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปเชียวนะ!' 'กล้าดียังไงถึงได้มาหยามเกียรติบริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้! เขาพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง?!' 'เขากำลังพยายามจะฆ่าตัวตายอยู่แน่ ๆ !' ทุกสายตาจับจ้องไปที่ฮาร์วีย์พรางคิดว่าเขาช่างเป็นคนโง่เขลาอะไรเช่นนี้ ซัคกำลังเดือดดาลด้วยความโกรธ เขาจ้องมองไปที่ฮาร์วีย์ด้วยสายตาอันดุดัน “ประธานแมนดี้! สามีคุณเป็นบ้าอะไร?” “นอกจากเขาจะไม่ยอมแสดงความเคารพแล้ว เขายังกล้าพูดจาดูถูกคุณเอ็ดดี้อีกเหรอ? หร
ดวงตาของเอ็ดดี้ลุกโชนด้วยความโกรธขณะที่เขาจ้องมองไปที่ฮาร์วีย์ซึ่งยังคงนั่งอยู่ด้วยท่าทางไม่แยแสอะไรทั้งนั้น เขาเป็นถึงดยุคในดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน และมีความภาคภูมิใจกับสถานะอันทรงเกียรตินี้เป็นอย่างมาก แต่เจ้าลิงหลอกเจ้าจากประเทศ H ตัวนี้กลับกล้าที่จะไม่สนใจใยดีต่อเขา! ความโกรธของเขาทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นสิบเท่าเมื่อเห็นว่าแมนดี้และแทสซ่ายังคงอยู่ข้างฮาร์วีย์ ผู้หญิงทั้งสองคนมีเสน่ห์มากกว่าเทรซี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาเสียอีก ไม่เพียงแต่จะสง่างามเท่านั้น แต่รูปร่างของพวกเธอยังไม่มีใครสามารถเทียบเทียมได้ อีกทั้งพวกเธอยังแพรวพราวไปด้วยเสน่ห์อีกด้วย ถึงแม้ว่าเทรซี่เองก็ค่อนข้างสวย แต่เธอก็ดูเหมือนผู้หญิงที่เห็นแก่เงินมากจนเกินไป ก่อนหน้านี้เอ็ดดี้ยังคงมองเธอด้วยความรู้สึกพึงพอใจ แต่ทว่าทันทีที่เขาเห็นแมนดี้และแทสซ่า เขาก็เริ่มเปรียบเทียบเทรซี่กับพวกเธอทั้งสองทันที แขกที่มาร่วมงานรู้ว่าสิ่งต่าง ๆ จะไม่จบลงอย่างง่าย ๆ แน่นอนเมื่อพวกเขาเห็นไฟอันลุกโชนในดวงตาของเอ็ดดี้ ซัคจ้องมองไปที่ฮาร์วีย์อย่างเย็นชา เจ้าแมงดาตัวนี้กำลังรนหาที่ตายชัด ๆ ! ‘มันไม่รู้ตัว
แมนดี้สูดลมหายใจลึก เธอหน้าถอดสีและดูสัญญาพรางขมวดคิ้วแน่น นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่มีคนแสดงเจตจำนงในการครอบครองรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ ก่อนหน้านี้ก็ตระกูลฌองจากมอร์ดูที่ทำให้เธอได้รับแรงกดดันค่อนข้างมาก สำหรับบริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปนี้ได้เพิ่มแรงกดดันให้เธอเป็นสิบเท่า “ผมจะให้เวลาคุณสามนาที่ในการพิจารณาเรื่องนี้ดู ขึ้นอยู่กับคุณเลยว่าจะเซ็นสัญญาหรือไม่” “แต่ถ้าคุณไม่เซ็น จำไว้ได้เลยว่าบริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปจะไม่มีวันยอมให้คนที่ดูถูกบริษัทลอยนวลอย่างแน่นอน!” เอ็ดดี้หัวเราะอย่างเยือกเย็น บอดี้การ์ดของเขาก้าวมาข้างหน้าด้วยสีหน้าเย็นชาหลังคำประกาศของเอ็ดดี้ ความกระหายเลือดของพวกมันแสดงออกมาอย่างชัดเจนมาก และมันเพียงพอที่จะหยุดฝูงชนทั้งหมดด้วยการเคลื่อนไหวง่าย ๆ เพียงครั้งเดียว ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วสถานที่ ทุกคนหายใจหายคอไม่ค่อยจะสะดวกในสถานการณ์อันน่าอึดอัดเช่นนี้ และไม่มีแม้กระทั่งเสียงลมหายใจเล็ดลอดออกมาท่ามกลางความเงียบนี้เลย พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าการคัดค้านบริษัทมอร์แกน ไฟแนนเซียลกรุ๊ปนั้นไม่เป็นผลดีแน่ พวกเขาทุกคนหันไปหาแมนดี้ที่ในตอนนี้ใ
ฮาร์วีย์เมินเฉยต่อทุกคน แต่หันมามองที่เสื้อผ้าของเขาแทน “ภรรยาของฉันให้เสื้อตัวนี้กับฉัน และฉันชอบมันมาก” “ตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกโกรธ แต่ฉันก็อยากให้โอกาสพวกนาย ไปบอกเอกอัครราชทูตของดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินให้มาคุกเข่าและขอโทษฉันซะ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ปล่อยให้พวกนายหลุดมือไปจนกว่าความคับแค้นใจของพวกเราจะได้รับการล้างแค้น!” "อะไรนะ?! เอกอัครราชทูตของดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน?!” คำพูดของเขาทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่พึ่งจะได้ยิน หลังจากผ่านไปราวสิบวินาที ฝูงชนก็กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง “ฮาร์วีย์ นายบ้าหรือเปล่า? นายรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร?” “นายต้องการให้เอกอัครราชทูตของดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินมาคุกเข่าและขอโทษนายอย่างนั้นเหรอ? แล้วนายถึงจะยอมยกโทษ ถูกไหม?” “หากข่าวนี้ได้แพร่ออกไป จะถือว่ามันเป็นข้อพิพาททางการทูตเลยนะ!” "แกมันบ้าไปแล้ว! แกนี่มันบ้าจริง ๆ !” “แล้วแกคู่ควรแล้วหรือยัง?! แกเป็นแค่แมงดาเกาะผู้หญิงกินไปวัน ๆ ! แกไม่มีสิทธิ์นั้นแม้ว่าแกจะได้รับการสนับสนุนจากเจ้าชายยอร์กก็ตาม!” ซัคและคนอื่น ๆ รู้สึกว่าเรื่องนี้มันช
ฮาร์วีย์เตะไปที่เข่าของเอ็ดดี้ส่งผลให้เข่าของเขาหักในทันที เอ็ดดี้กรีดร้องราวกับหมูที่ถูกเชือด และรีบคุกเข่าลงต่อหน้าของฮาร์วีย์ เปรี้ยง! ฮาร์วีย์เดินไปหาเทรซี่และตบเธออย่างแรงจนเธอล้มลงไปกองกับพื้น การตบนั้นรุนแรงมาก และดูเหมือนว่ามันจะทำให้ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวด้วย ในเวลาไม่ถึงนาที ทั้งสองคนที่เคยอวดอ้างหยิ่งยโสโอหังก่อนหน้านี้กลับคุกเข่าลงต่อหน้าของฮาร์วีย์อย่างเปิดเผย “ฮาร์วีย์? แกรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่?! แกเพิ่งทำร้ายคนจากดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินนะ! มันเท่ากับว่าแกกำลังหาทางส่งตัวเองไปตายอยู่!” “ฮาร์วีย์ แกมันบ้าไปแล้ว!” สายตาของซัคและเด็กซ์เตอร์กลายเป็นเคร่งเครียด แม้ว่าพวกเขาจะต้องการหยุดฮาร์วีย์ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าทำเช่นนั้น ฮาร์วีย์หันมาจ้องมองพวกเขาอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็คว้าขวดไวน์บนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจนัก เพล้ง! เสียงแก้วแตกดังขึ้นพร้อมกับขวดไวน์ที่แตกละเอียดเป็นชิ้น ๆ ตอนนี้หัวของเอ็ดดี้มีหยดเลือดจำนวนมากเริ่มไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย และร่างกายของเขาก็โอนเอียงไปมา “ฉันจะทุบหัวมันทุกครั้งที่พวกนายพูดเรื่องไร้สาระ มาดูกันว่าพวกนายจะพูดได้มากเท่
ฮาร์วีย์หัวเราะเบา ๆ “ทำไมเราต้องหนี?” “ผมต้องรอเอกอัครราชทูตของดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินที่จะมาขอโทษก่อน” “...” ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที รถยนต์หรูที่มีใบอนุญาตทางการทูตก็ปรากฏขึ้นที่หน้าร้านเวสทิน ดินเนอร์ ชายหลายคนรีบลงจากรถมุ่งตรงมายังชั้นสาม เอ็ดดี้รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเมื่อเขาได้ยินเสียงกระทบของรองเท้าคอมแบทจากทางด้านนอก ซัคและเด็กซ์เตอร์รวมถึงคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาด้วยเช่นกัน กลุ่มชายชาวตะวันตกรูปร่างสูงและกำยำผมสีบลอนด์และดวงตาสีฟ้าเดินปึงปังเข้ามาข้างใน พวกเขาสวมเครื่องแบบเต็มยศ และบางคนก็มีวิกผมสีขาวตามแบบฉบับเครื่องแบบของชาวตะวันตกด้วย คนที่เป็นผู้นำกลุ่มคือชายชาวตะวันตกวัยกลางคน มองเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะแยกแยะได้ว่าเขาเคยผ่านสงครามมาแล้ว เขาพกออร่าอันทรงพลังติดตัวมาด้วย เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเอกอัครราชทูตของดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน ไวเคานต์รูเบิร์ตนั่นเอง อีกทั้งเขายังมีอีกตัวตนในชื่อของเขา นั่นคืออดีตรองผู้บัญชาการของอัศวินเทมพลาร์นั่นเอง แต่ตอนที่เขาต่อสู้ในสมรภูมิยูโรอเมริกันก่อนหน้านี้ เขารู้สึกหวาดกลัวชาวตะวันออกอย่างไม่สา
รูเบิร์ตได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากคุกเข่าอยู่เป็นเวลานานสองนาน เขาเงยหน้าขึ้นมองฮาร์วีย์พร้อมด้วยอาการตัวสั่นเทา ทันทีที่เขาเห็นใบหน้าของฮาร์วีย์ เขาก็รีบก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัวอีกครั้ง “ทะ...ท่านสบายดีไหมครับ” ผู้ติดตามของเขาไม่มีความกล้าแม้แต่จะสบตากับฮาร์วีย์เช่นเดียวกับรูเบิร์ต พวกเขาทั้งหมดนั่งตัวสั่นเทาอยู่ที่พื้นด้วยอาการหวาดกลัวอย่างมาก ฮาร์วีย์ตอบกลับอย่างใจเย็นว่า “ฉันสบายดีแต่เหล่าผู้คนจากประเทศของคุณนั้นช่างกล้ามาก” “พวกเขากล้าที่จะบังคับให้ภรรยาของฉันขายรีเจนซี่ เอ็นเตอร์ไพรส์” “แล้วพวกเขาก็กล้ามากที่มาทำเสื้อตัวโปรดของฉันสกปรก” “ฉันควรจะคิดว่าเรื่องทั้งหมดเหล่านี้เป็นการที่ประเทศของคุณกำลังยั่วโมโหฉันอยู่หรือเปล่านะ?” "ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน! ท่านไม่สมควรโดนเช่นนี้! พวกเราไม่ได้ตั้งใจ! ไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น!” รูเบิร์ตคร่ำครวญอยู่ที่พื้น เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัว “ดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดินไม่มีทางอนุญาตให้ทำเช่นนี้! ต้องมีเจ้าคนโง่ที่นี่ที่กำลังพยายามก่อความวุ่นวายอยู่แน่ ๆ !” “ผมจะมอบความยุติธรรมให้แก่ท่านอย่างแน่นอน!”