“นายหมายถึงพวกต่างชาติหรือเปล่า? ฉันส่งพวกมันไปลงนรกแล้ว” ฮาร์วีย์ตอบอย่างเย็นชาเขาสังเกตเห็นแมนดี้ผูกติดกับเก้าอี้อยู่ที่มุมห้อง เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกแมนดี้ไม่ได้รับบาดเจ็บ มันยังไม่สายเกินไป“อย่าเข้ามาใกล้! คิดว่าฉันจะไม่กล้าฆ่าเธองั้นเหรอ!” แซ็คร้องลั่นออกมา เขาหยิบมีดบนโต๊ะเตรียมพุ่งเข้าไปหาแมนดี้“อ๊าาาา—!”เสียงกรีดร้องที่ฟังดูเหมือนหมูที่กำลังจะถูกเชือดดังก้องออกมา แซ็คกลิ้งลงกับพื้นร้องคร่ำครวญ“ฉันคิดมาตลอดว่าแกเป็นแค่แมลงตัวหนึ่ง และฉันก็ไม่เคยคิดที่จะฆ่าแก”“แต่ครั้งนี้มันก็พิสูจน์แล้วว่าฉันไม่ควรเมตตาอีกต่อไป ถ้าแกไม่ตาย ก็จะกลับมาแว้งกัดฉันอีก” ฮาร์วีย์พูดพร้อมเหยียบมีดเล่มนั้นร่างกายของแซ็คสั่นสะท้าน เขาคิดว่าเขาฆ่าฮาร์วีย์ได้หลังจากผ่านการฝึกฝนการต่อสู้จากดินแดนต้องห้ามหลังภูเขาของตระกูลฌองเขาไม่คิดเลยว่าใบหน้าของเขาจะถูกเหยียบย่ำด้วยเท้าของฮาร์วีย์แบบนี้“ฮาร์วีย์ ยอร์ก! แกฆ่าฉันไม่ได้!”“แกควรรู้เกี่ยวกับตระกูลฌองแห่งมอร์ดู! ฉันเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลนั้น! ถ้านายกล้าฆ่าฉัน! ตระกูลฌองจะไม่มีวันปล่อยแกให้หลุดมือเด็ดขาด!” แซ็คกรีดร้องออกมาครั้งล่าสุดท
“ฉันไม่รู้ว่าดินแดนต้องห้ามหลังภูเขาคืออะไร แต่ฉันรู้ว่าจะไม่มีใครสามารถหยุดฉันได้ถ้าฉันอยากจะฆ่าใครซักคน” ฮาร์วีย์ตอบกลับไปเขาออกแรงกดที่เท้ามากขึ้น นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าของแซ็คบิดเบี้ยวหัวของแซ็คแทบจะจมลงไปที่พื้น เขารู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิด และอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเขาไม่คิดมาก่อนว่าฮาร์วีย์จะคิดฆ่าเขาโดยไม่ลังเล และไม่คิดว่าฮาร์วีย์จะเหยียบเขาจนตาย!จู่ ๆ หัวคิ้วของฮาร์วีย์ก็ขมวดขึ้นเขาก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วและหลบไปด้านข้างทันทีหลังจากนั้น เขาก็เหวี่ยงกำปั้นของเขาไปข้าง ๆ ตูม!กำปั้นของเขากระแทกเข้ากับไม้เท้าที่ซึ่งเจาะทะลุกำแพงจนสั่นสะเทือน“นายใหญ่! นายใหญ่ นั่นใช่ท่านใช่ไหม? ช่วยผมด้วย!"แซ็คเปิดปากตะโกนขอความช่วยเหลือ ราวกับว่าเขาเห็นเชือกเส้นสุดท้ายที่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ฮาร์วีย์เหล่มองไปที่ทางเข้าโกดังเห็นชายชราสวมชุดสูทเดินเข้ามา แขนเสื้อของเขาพับขึ้นอย่างเรียบร้อยผมของเขาขาวราวหิมะ แต่เขาดูเต็มไปด้วยอำนาจ“นักรบโบราณ จากตระกูลฌองแห่งมอร์ดูงั้นเหรอ?” ฮาร์วีย์พึมพำเมื่อครั้งที่ฮาร์วีย์อยู่ในกองทัพ เขาเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับกลุ
“เหลือไม่กี่คนจากที่เราพามาจากอเมริกา”พ่อบ้านเหงื่อซึมออกมากหากปราศจากกองกำลังอันแข็งแกร่ง ตระกูลเยตส์แห่งอเมริกาจะสูญเสียกองกำลังหลักในบัควู้ดแน่นอนว่านายใหญ่ลำดับสามของตระกูลเยตส์เข้าใจเรื่องนี้ดี เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า “รู้หรือเปล่าว่าเป้าหมายของพวกมันคืออะไร?”พ่อบ้านตอบด้วยอาการสั่น “ผมคิดว่าพวกมันอยากจะต่อต้านท่านครับ”สีหน้านายใหญ่ลำดับสามของตระกูลเยตส์เปลี่ยนไป เขาเป็นที่ชอบโอ้อวด แต่ไม่ใช่คนโง่ไม่ว่าคนของเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์ถ้าเจอคนมากกว่าและบัควู้ดไม่ใช่ถิ่นของเขานายใหญ่ลำดับสามของตระกูลเยตส์ถอนหายใจ“เราไม่ได้พาคนมามากพอ และแชมป์มวยสองคนก็ถูกฆ่าตายไปแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นตระกูลเยตส์แห่งอเมริกาก็ไม่เคยจะกลัวใคร”หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นายใหญ่ลำดับสามของตระกูลเยตส์ก็สั่งออกมา “เก็บของ เราจะไปจากบัควู้ด เราจะกลับไปที่เท็กซัสเพื่อรวบรวมคนของเรา มันไม่จบแค่นี้แน่!”“เราจะขึ้นเครื่องบิน…”“ไม่ พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เราจะลงเรือไปฮ่องกง แล้วไปที่อเมริกา”นายใหญ่ลำดับสามของตระกูลเยตส์มีประสบการณ์มามากมายในสายงานนี้คนในบัควู้ดอาจไม่คิดว่านา
“เกิดอะไรขึ้น? ขับรถไม่เป็นหรือไงฮะ?! ฉันจะฆ่าแก!”พ่อบ้านกำลังเดือดดาลด้วยความโกรธสีหน้าของนายใหญ่เยตส์นั้นดูแย่มาก คนขับเบรกกะทันหันแบบนี้ อาจมีบางอย่างผิดปกติคนขับคนนี้ไม่รู้หรือไงกำลังทำให้คนกลัว?คนขับตอบกลับด้วยท่าทางที่หวาดกลัว “นายท่าน มีคนขวางหน้ารถ”“อะไรนะ? ใครจะกล้าขวางทางฉัน?”นายใหญ่เยตส์เปิดกระจกรถและมองดูมีคนสองสามคนเดินออกมาจากด้านหลังสิ่งกีดขวาง และคนที่เป็นหัวโจกของกลุ่มก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฮาร์วีย์“นาย นายแพ้แล้วยังต้องการอะไรอีก?”นายใหญ่เยตส์ถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นว่าเป็นฮาร์วีย์ตอนนี้เขากลัวเจ้าชายยอร์กมากที่สุด ไม่ใช่ฮาร์วีย์“ในเมื่อคุณมาที่นี่แล้ว งั้นคุณควรจะอยู่ที่บัควู้ดตลอดไป ทำไมคุณถึงกลับออกไปล่ะ?” ฮาร์วีย์ถามอย่างใจเย็นพลางพับแขนเสื้อของเขา“ไม่มีมารยาท! จัดการพวกมันซะ!”นายใหญ่เยตส์จ้องมองอย่างเย็นชา เขาไม่รู้ว่าไอ้ลูกเขยคนนี้รู้ได้ยังไงว่าเขากำลังจะไปไหน แต่นั่นก็จะมาหยุดเขาไม่ได้พวกบอดี้การ์ดของตระกูลเยตส์รีบพุ่งไปข้างหน้าทันทีไทสันซึ่งยืนอยู่ข้างหลังฮาร์วีย์โบกมือ นักเลงตามท้องถนนก็ปรากฏตัวขึ้นรอบตัวเขาตุบ พลัก ปัก!พวกบอ
เหงื่อเย็นไหลอาบหน้าของนายใหญ่เยตส์ ในเวลาแบบนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะแสดงท่าทีอย่างไรออกมาไพ่ที่เขามีตอนนี้เป็นเรื่องตลกต่อหน้าชายคนนี้สิ่งที่เขาพูดออกไปทำให้ตัวเองมีแต่อับอายเท่านั้นทันทีที่พ่อบ้านที่อยู่ด้านหลังได้ยินว่าจริง ๆ แล้ว ฮาร์วีย์เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนและเจ้าชายยอร์ก พ่อบ้านก็ส่งเสียงขออ้อนวอนและคุกเข่าลงกับพื้นอย่างคลุ้มคลั่งในทันทีเขาวางแผนลักพาตัวภรรยาของหัวหน้าผู้ฝึกสอน! นี่เป็นความผิดที่เขาไม่สามารถหลบหนีได้“หัวหน้า…หัวหน้าผู้ฝึกสอน! ผมตาบอดที่มองไม่เห็นความถูกต้อง! ได้โปรดให้โอกาสผมอีกครั้ง ผมจะทำทุกอย่างที่คุณสั่ง และปฏิบัติต่อคุณอย่างดี!”นายใหญ่ลำดับสามของตระกูลเยตส์มีสีหน้าหวาดกลัว เขารู้ขีดจำกัดของตัวเองดี เขายอมแพ้โดยทันทีที่เขารู้ถึงตัวตนของฮาร์วีย์ฮาร์วีย์หัวเราะเยาะ“นายใหญ่เยตส์ คุณเก่งกาจมากที่เอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งทุกคนทั่วอเมริกา ทำไมคุณถึงยอมแพ้ง่าย ๆ ล่ะ?”“ฉันจะให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้าย…”“โอกาสอะไร?”นายใหญ่เยตส์รู้สึกดีใจ เขาคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ ในหัวของเขาใบหน้าของฮาร์วีย์เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยเสียดสี“ฉันได้ยินมาว่านอกจากศิลปะแห่งกา
“นี่คือการโจมตีสายฟ้าทั้งห้างั้นเหรอ?”ฮาร์วีย์ถึงกับพูดไม่ออกเขายืนยันอีกครั้งว่านายใหญ่ลำดับสามของตระกูลเยตส์...เป็นคนงี่เง่าจริง ๆนายใหญ่เยตส์ชะงักเมื่อเห็นใบหน้าที่งงงวยของฮาร์วีย์ เขาโวยวาย “เป็นไปไม่ได้! คุณต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังจากถูกโจมตีด้วยสายฟ้าฟาดทั้งห้าสิ!”“ฉันจะทำอีกครั้ง!”“รับไป!”ฮาร์วีย์ถอนหายใจแล้วยกมือขวาขึ้นเหวี่ยงออกไปเพียะ!นั่นทำให้ใบหน้าของนายใหญ่เยตส์สะบัดหันไปอีกทางจนล้มลงกับพื้น นายใหญ่เยตส์ลุกขึ้น จากนั้นรีบวิ่งพุ่งไปข้างหน้าแล้วเหวี่ยงมืออีกครั้ง“แปลง!”เพียะ!ฮาร์วีย์ฟาดมือออกไปอีกครั้งจนทำให้นายใหญ่เยตส์หมุนไปมา ร่างกายของเขากระตุก“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย!”“ท่าสังหาร! รับไป!”เพียะ!ฮาร์วีย์ตบไปอีกครั้ง คราวนี้ศีรษะของนายใหญ่เยตส์กระแทกกับพื้นหนักกว่าเดิม แววตาของเขาเป็นสีดำมืดหม่น ปากบวมเจ่อนายใหญ่เยตส์พยายามยกศีรษะขึ้น เขามองฮาร์วีย์แล้วพูด “คุณ… คุณมันเล่นทีเผล่อ”“ฉันประมาทเกินไป ฉันไม่ได้หลบ…”“หัวหน้าผู้ฝึกสอน คุณมันไร้ศีลธรรม!”“ฉันหวังว่าคุณจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับคุณ!”ฮาร์วีย์ถึงกับพูดไม่ออก เขาได้ความมั่นใจนี้มาจาก
กลับมาที่เดอะการ์เด้น เรสซิเด้น เสียงพูดคุยดังมาจากด้านในซีนเธียร์และพ่อแม่ของเธอกลับมาจากเลือกหามหาวิทยาลัยซีนเธียร์หยิบชุดสูทออกมาทันทีเมื่อฮาร์วีย์ผลักประตูออกมา “พี่เขย รีบแต่งตัวซะสิ! อาจารย์ที่รับผิดชอบการลงทะเบียนในมหาวิทยาลัยแห่งมอร์ดูจะสัมภาษณ์ฉัน!”“แต่งตัวให้เรียบร้อยสิ!”ฮาร์วีย์ทักทายลิเลียนและไซม่อน แล้วถามด้วยความสงสัย “คุณแม่เลือกมหาวิทยาลัยแห่งมอร์ดูหลังจากที่ออกไปหามาหลายที่เหรอครับ?”“ใช่ แต่เกณฑ์การสมัครมหาวิทยาลัยนั้นสูงมาก ตอนไปสมัครก็บอกว่าจะส่งครูมาสัมภาษณ์”“พี่เขย ในช่วงนี้พี่สาวของฉันยุ่งมาก เธอไม่สนใจฉันเลย! ฉันจะพี่เขยช่วยจัดการเรื่องนี้!”ฮาร์วีย์หัวเราะ เขาไม่ปฏิเสธซีนเธียร์ นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญของเธอในที่สุดพวกเขาก็ให้ฮาร์วีย์เป็นคนติดต่อกับครูที่ดูแลการลงทะเบียนในมหาวิทยาลัยแห่งมอร์ดูไม่นานหลังจากนั้น ฮาร์วีย์ไปที่โรงแรมที่เขาและครูนัดพบกัน“หืม? เป็นคุณนั่นเอง?! ฮาร์วีย์?!”คุณครูเดินไปข้างหน้ามองฮาร์วีย์ด้วยท่าทางสับสนฮาร์วีย์มองใกล้ ๆ แล้วนึกขึ้นได้คุณครูคนสวยที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นครูผู้ช่วยในช่วงเวลาที่เขาเรียนมหาวิทยาลัย เธอคือซาช
เมื่อได้ยินความสงสัยของซาช่า ซีนเธียร์พูดเสริมไปอีกว่า “มิสซาช่า เขาเป็นพี่เขยของหนูเองค่ะ และเขาเป็นคนที่สำคัญที่สุดของหนู หนูคิดว่าเขาสามารถเป็นตัวแทนของครอบครัวหนูได้”“มิสซาช่า ถ้าคุณรู้สึกว่ามันเป็นปัญหา หนูจะให้คุณพ่อคุณแม่มาพูดคุยกับคุณแทนค่ะ”เมื่อได้ยินคำตอบของซินเธีย ซาช่าก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าเขาเป็นพี่เขยของเธอเขาก็สามารถจัดการเรื่องนี้ได้”“โอ้ เธออยู่ด้วยไม่ได้นะ เพราะนี่เป็นการตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับเธอ”ซีนเธียร์พยักหน้าเป็นคำตอบและรีบเดินออกไป พร้อมวางเอกสารจำนวนมากเกี่ยวกับครอบครัวของเธอให้ซาช่าเธอมั่นใจในตัวพี่เขยของเธอ เธอรู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องกังวลตราบใดที่พี่เขยของเธออยู่ที่นี่ด้วยหลังจากที่ซีนเธียร์ออกไปแล้ว ซาช่าก็พลิกดูเอกสารด้วยใบหน้าที่เย้ยหยันจากนั้นเธอก็มองฮาร์วีย์และส่งรอยยิ้มแปลก ๆ “ฮาร์วีย์ ยอร์ก ใครจะคิดว่าเราจะได้พบกันในสถานการณ์แบบนี้!”“ใครจะไปคิดว่าคนที่หยิ่งยโสอย่างคุณจะกลายเป็นลูกเขยที่ดูเหมือนจะไม่มีค่าอะไรเลย?”ซาช่าหัวเราะเยาะ เอกสารระบุอย่างชัดเจนว่าฮาร์วีย์แต่งงานในตระกูลซิมเมอร์ฮาร์วีย์ไม่สนใจและตอบอย่างสบาย ๆ ว่า