“ไร้ประโยชน์สิ้นดี!” “พวกแกไม่มีความสามารถแม้แต่จะรั้งใครคนหนึ่งไว้ได้เลยเหรอ?!” “พวกแกมีประโยชน์อะไรบ้าง?!” “ถ้าพวกแกคิดจะเป็นข้ารับใช้ของตระกูลเยตส์จากอเมริกา ก็หัดใช้สมองอันน้อยนิดคิดทบทวนตัวเองเสียบ้างนะ! พวกแกไม่มีความสามารถแม้แต่จะรั้งคนคนหนึ่งไว้ได้แบบนี้น่ะเหรอ?!” พ่อบ้านเยตส์ชี้ไปที่เหล่าตระกูลเยตส์จากบัควู้ดในขณะที่ดุด่าพวกเขาอย่างโกรธจัด เขาตะคอกดุด่าใส่เหล่าตระกูลเยตส์ต่าง ๆ นา ๆ จนพวกเขาหน้าถอดสี แต่พวกเขาก็ไม่มีใครกล้าที่จะโต้เถียงใด ๆ เลย นั่นเป็นเพราะว่าการแสดงออกของนายใหญ่ที่สามของตระกูลเยตส์ในตอนนี้นั้นดูเคร่งขรึมมาก ๆ หากพวกเขากล้าที่จะต่อล้อต่อเถียง พวกเขาอาจจะถูกจัดการโดยนายใหญ่ที่สามของตระกูลเยตส์โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาในฐานะตระกูลเดียวกัน นายใหญ่ที่สามของตระกูลเยตส์กำลังโกรธจนตัวสั่น อกของเขาแทบจะระเบิดออกมา นายใหญ่ที่สามของตระกูลเยตส์เป็นคนแบบไหนน่ะหรือ? เมื่อสมัยที่เขายังเด็ก อำนาจและความมั่งคั่งของเขานั้นหาตัวจับได้ยากมาก เมื่อเขาเกษียณมียังสาวกนับไม่ถ้วนภายใต้การปกครองของเขา ผู้คนมากมายต่างก็เคารพเขาเมื่อเขาเดินไปรอบ ๆ
ในเวลาเดียวกัน ฮาร์วีย์ได้พาผู้อาวุโสออสการ์มาที่กองกำลังทหารของเซาท์ไลท์ เบลลามี่ เบลคได้จัดเครื่องบินทหารเอาไว้และส่งออสการ์ไปยังเซ็นทรัลเพลนส์ทันที เมื่อออสการ์จากไป เบลลามี่ขมวดคิ้วและแสดงสีหน้าเป็นกังวล “หัวหน้าผู้ฝึกสอนครับ เรื่องนี้ผมจะต้องรับผิดชอบ!” “คนเหล่านี้ทำตัวโอหังมากจนเกินงามในประเทศ H ผมต้องหาโอกาสที่จะทำให้พวกเขาได้เข้าใจว่าอะไรที่ควรไม่ควรเสียบ้าง!” ฮาร์วีย์ชำเลืองมองเขาและตอบกลับอย่างใจเย็นว่า “คุณไม่สามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้ด้วยตำแหน่งปัจจุบันของคุณหรอก เรื่องนี้อาจจะกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างสองประเทศหากเราไม่ดำเนินการอย่างระมัดระวัง” “แม้ว่าประเทศ H จะไม่ได้เกรงกลัวประเทศใด ๆ เลยก็ตาม แต่ถ้าเราทำสงครามผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากเหตุการณ์ต่าง ๆ มักจะเป็นเหล่าพลเมืองที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย” “นั่นเป็นเหตุผลที่เราควรป้องกันไม่ให้สิ่งใดบานปลายไปมากกว่านี้ตราบเท่าที่เราสามารถจะทำได้…” เบลลามี่จึงตอบกลับว่า “แต่คนอเมริกันเหล่านี้ทำเกินไปจริง ๆ นะครับท่าน!” “ไม่ใช่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้นนี่สิ ไม่ว่าจะเป็นดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน, เผ่านักสู้, ประเทศหมู่
พ่อบ้านเยตส์ดูเหมือนว่าจะทำอะไรไม่ถูกในขณะที่นายใหญ่ที่สามของตระกูลเยตส์แสดงความโกรธออกมา “นายใหญ่ที่สามครับ ตามข้อมูลที่ผมได้รับจากแหล่งข่าวของผม การที่ตาแก่ออสการ์อยู่ที่เซ็นทรัล เพลนส์แล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ไม่มีทางที่เราจะตามเขากลับมาได้แล้วครับ!” นายใหญ่ที่สามของตระกูลเยตส์สูดลมหายใจเข้าลึกและพยายามที่จะสงบสติอารมณ์อีกครั้ง “พามันกลับมาจากเซ็นทรัล เพลนส์น่ะเหรอ? มีเหล่าคนใหญ่คนโตมากมายที่นั่น! นี่คิดว่าฉันเป็นคนโง่งี่เง่าที่จะไม่รู้เรื่องแค่นี้เลยหรือไง?” “แล้วรู้ไหมว่าใครเป็นคนส่งตาแก่ออสการ์ไปที่นั่น?” “น่าจะเป็นเจ้าฮาร์วีย์ ยอร์กครับท่าน!” พ่อบ้านเยตส์กล่าว “ผมได้ยินมาว่าเจ้าฮาร์วีย์เป็นคนส่งออสการ์ขึ้นเครื่องบินเอง!” เพล้งงงงง! นายใหญ่ที่สามของตระกูลเยตส์เขวี้ยงถ้วยน้ำชาในมือลงพื้นพร้อมกับตะโกนออกมาอย่างโกรธจัดว่า “สารเลว!” “เจ้าสารเลวนี้วอนซะแล้ว!” “ไม่เพียงแต่มันจะทำให้ลูกชายของฉันอยู่ในสภาพที่นอนเป็นผักเท่านั้น แต่มันยังส่งตาแก่ออสการ์ออกไปจากบัตวู้ดอีกด้วย! มันกำลังวอนหางานศพของตัวเองอยู่เหรอ?” พ่อบ้านเยตส์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาว่า “นายใหญ่
ที่สำนักงานของประธานกรรมการบริหาร อีวอนน์ ซาเวียร์ เธอกำลังง่วนกับการแก้ไขไฟล์บางอย่างอยู่ เธอหยุดทำเมื่อเห็นพนักงานจากแผนกต้อนรับกำลังเดินเข้ามาที่สำนักงานด้วยท่าทีกระวนกระวายเพื่อรายงานอะไรบางอย่างกับเธอ “คุณซาเวียร์คะ มีคนส่งการ์ดคำเชิญมาให้ท่านประธานค่ะ” “แต่ว่าเนื้อหาของมันค่อนข้างแปลก ดังนั้นคุณช่วยกรุณาตรวจสอบก่อนนะคะ!” อีวอนน์เหลือบมองการ์ดคำเชิญนั้นและขมวดคิ้วเกือบจะในทันที เป็นเพราะคำเชิญนั้นไม่ใช่คำเชิญที่เป็นทางการ แต่มันกลับเป็นจดหมายห้วน ๆ เนื้อหาภายในนั้นเรียบง่าย ในเนื้อหานั้นระบุว่าเจ้าชายยอร์กมาให้ตรงเวลางานเลี้ยงคืนพรุ่งนี้ ไม่นานหลังจากนั้น บัตรเชิญก็ได้ถูกส่งไปยังโต๊ะของฮาร์วีย์ ยอร์ก เขาถือการ์ดคำเชิญนั้นพร้อมรอยยิ้ม อีวอนน์ที่อยู่ด้านข้างของเขาค่อนข้างงุนงงกับการแสดงออกของเขา “ท่านประธานคะ อย่าบอกนะว่าคุณมีแผนที่จะไปร่วมงานเลี้ยงอะไรนั่น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านายใหญ่ที่สามของตระกูลเยตส์ประพฤติตัวไม่ดีกับคุณ?” ฮาร์วีย์ตอบกลับอย่างใจเย็นว่า “แน่นอน ผมจะไปร่วมงาน จะไม่ไปได้ยังไง? “คุณไม่รู้จริง ๆ เหรอ? ถ้าผมเลือกที่จะไม่ไป มันอาจจะกลายเป็นข้อพิพาทท
คุณย่าเยตส์รู้สึกอิ่มเอมใจกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า ครั้งสุดท้ายที่ตระกูลเยตส์ได้รับเกียรติเช่นนี้คือเมื่อใดกันนะ ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้มีชื่อเสียงมากขนาดนี้ แม้แต่กับคีธ เยตส์ก็ตาม ตระกูลเยตส์ก่อนหน้านี้มีสถานะที่ไม่ได้สูงมากนักในรัฐบาล นอกจากนี้ตระกูลอื่น ๆ ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับพวกเขามากนักเนื่องจากพวกเขาไม่ได้มีทรัพย์สินมากมาย แต่ทุกอย่างดูแตกต่างออกไปมากในตอนนี้ ด้วยแรงสนับสนุนของตระกูลเยตส์จากอเมริกา ทุกคนจะต้องตามใจพวกเขาอย่างไม่มีข้อแม้ ใบหน้าของเบ็น เยตส์เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจขณะที่เขากำลังต้อนรับแขก บรรดาเศรษฐีจากตระกูลใหญ่ที่เคยมองพวกเขาด้วยสายตารังเกียจก่อนหน้านี้กลับแสดงความสนใจอกสนใจพวกเขาอย่างออกหน้าออกตาในตอนนี้ ลูกสาวจากตระกูลที่ร่ำรวยบางคนถึงกับทิ้งช่องทางการติดต่อให้กับเขาและบอกเป็นนัย ๆ ว่าพวกเขาสามารถสานสัมพันธ์มิตรภาพให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นได้ในอนาคต เบ็นรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน ในอีกด้านหนึ่ง ฟีบี เยตส์ก็เป็นที่สนใจของทุกคน ในสายตาของคนเหล่านั้น เธอเป็นผู้หญิงที่กำลังจะแต่งงานกับหัวหน้าผู้ฝึกสอนในไม่ช้า พวกเขาพย
แขกยังคงหลั่งไหลกันเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในไม่ช้างานเลี้ยงก็จะเริ่มขึ้นแล้ว เมื่อแขกในงานนั่งประจำที่กันจนหมดแล้วก็เห็นว่าที่นั่งของเจ้าภาพยังคงว่างอยู่ เมื่อนาฬิกาบอกเวลาสองทุ่มแล้ว ตระกูลเยตส์ทั้งหมดก็มารวมตัวกันที่หน้าห้องโถงและพูดออกมาเสียงดังอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “ยินดีต้อนรับ นายใหญ่ที่สามแห่งตระกูลเยตส์!” ท่ามกลางความสนอกสนใจของฝูงชนในงาน นายใหญ่ที่สามของตระกูลเยตส์ก็เดินออกมาจากห้องโถงด้านหลัง เขาสวมชุดสูทสีเขียวมันดูเรียบ ๆ แต่บนสูทนั้นใช้ไหมสีทองในการปักลวดลายมังกรดูน่าเกรงขาม นายใหญ่ที่สามของตระกูลเยตส์มีราศีของชายผู้ยิ่งใหญ่อยู่อย่างเต็มเปี่ยม เขาเป็นผู้มีอำนาจอิทธิพลอีกทั้งยังมีสถานะทางสังคมอันสูงส่งมาเป็นเวลานาน เพียงแค่การมองของเขามันก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่าฝูงชนลุกขึ้นยืนแสดงความเคารพต่อเขาทันที เหล่าคนใหญ่คนโตบางคนถึงกับหายใจหายคอไม่สะดวกเมื่อพวกเขามองไปที่นายใหญ่ที่สามของตระกูลเยตส์ 'ตามที่คาดเอาไว้เลย นายใหญ่ที่สามของตระกูลเยตส์ ออร่าและกิริยาท่าทางแบบนั้นใครจะเทียบกับเขาได้อีกล่ะ?’ บางคนถึงขั้นคิดว่าตลาดธุรกิจทั้งหมดของบัควู้ดและเซาท์ไลท์จะตกไปอยู่ภา
คุณย่าเยตส์ตัวสั่นด้วยความโกรธหลังจากที่ได้ยินคำพูดถากถางของเขา เธอตะโกนออกมาอย่างโกรธจัดว่า “สารเลว! แกจะไปรู้อะไร! พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันกับตระกูลเยตส์จากอเมริกาแล้วนับจากนี้เป็นต้นไป!” “ถ้าแกกล้าที่จะใส่ร้ายคระกูลเยตส์จากบัควู้ดอีกครั้งนะ ฉันจะหาคนมาหักขาแกทิ้งซะ!” ฮาร์วีย์ตอบกลับอย่างใจเย็นว่า “คุณย่าก็รู้ดีอยู่เต็มอกหนิว่าตระกูลเยตส์จากอเมริกาเคยมองคุณในฐานะมนุษย์คนหนึ่งจริง ๆ หรือเปล่า? ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมจำเป็นต้องเตือนคุณย่าด้วยเหรอ?” ฝูงชนรู้สึกงุนงงเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น พวกเขาต้องยอมรับว่าสิ่งที่ลูกเขยไร้ประโยชน์ของเขานั้นพูดความจริง ตระกูลเยตส์จากบัควู้ดไม่ได้มีค่าในสายตาของตระกูลเยตส์จากอเมริกาเลยแม้สักนิด! เบ็นยืนขึ้นและชี้ไปที่ฮาร์วีย์พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฮาร์วีย์ ยอร์ก แกยังกล้าที่จะโผล่หน้ามาให้พวกเราเห็นอีกเหรอ? แกดีเด่นมาจากไหนกัน?” ฮาร์วีย์มองเขาด้วยท่าทางอันสงบ “พวกคุณทุกคนคิดว่าที่นี่คือวัดทองคำหรืออะไรทำนองนั้นเหรอ? ก็แค่กรงสุนัขเท่านั้นเอง ผมจะมาหรือจะไปมันก็เรื่องของผม” “แกมันก็แค่ลูกเขยขยะ ๆ ที่เกาะเมียตัวเองกินไปวัน ๆ ! ตร
“คุกเข่า!”เบ็น เยตส์หัวเราะอย่างเยือกเย็นในขณะที่เดินตรงเข้าไปหาฮาร์วีย์ ยอร์ก เขากำลังที่จะกดไหล่ของฮาร์วีย์ลงเพื่อบังคับให้เขาคุกเข่าลงแต่เป็นไปได้เหรอที่เขาจะกดเขาลงได้?“คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!”เบ็นรู้สึกว่าเขากำลังขายหน้าตัวเองต่อหน้านายใหญ่ลำดับสามแห่งตระกูลเยตส์ ตอนนี้เขากำลังพยายามกดเขาลงอย่างสิ้นท่า“ผัวะ!”อยู่ ๆ ฮาร์วีย์ก็ตบเบ็นเข้าที่หน้าของเขาร่างของเบ็นกระเด็นออก ร่างของเขาบิดเบี้ยวในขณะที่เขาลอยลงมาปะทะลงกับพื้นดินทุกอย่างเงียบไปหมด!เงียบจนถึงขั้นสามารถได้ยินเสียงของเข็มหล่นลงพื้นได้!ทุกคนแทบไม่เชื่อในสิ่งที่พวกเขาเห็นโดยเฉพาะตระกูลเยตส์ที่ตกตะลึงเป็นอย่างมากตัวตนที่พวกเขามีอยู่ตอนนี้มันคืออะไร? สถานะที่พวกเขามีอยู่ตอนนี้คืออะไรกันแน่?‘คนต่ำช้าอย่างฮาร์วีย์กล้าทำร้ายเขาได้ยังไง?!’“กร็อบ”ในขณะที่เบ็นพยายามจะลุกขึ้นอื่น ฮาร์วีย์ก็ได้เดินเข้ามาพร้อมกับเหยียบคอของเขาเมื่อพวกเขาเห็นภาพที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างอ้าปากค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น ใบหน้าของทุกคนแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นเบ็น เยตส์…ตายเหรอ?!นายใหญ่ลำดับสามของตระกูลเยตส์อ้าปากค้างหลังจากเห็นสิ่งท