แต่ถึงกระนั้นแดเรียลก็ยังทำเมินเฉยต่อคนในตระกูลนั้นอย่างสิ้นเชิงเขารีบเดินไปอยู่ตรงหน้าฮาร์วีย์ ก่อนโค้งคำนับเขาอย่างให้ความเคารพ“คุณยอร์ก!”“คุณยอร์กเหรอครับ?!'แดเรียลพูดด้วยเสียงไม่ดังแต่ก็ไม่ค่อย...แต่คำพูดเหล่านั้นให้ความรู้สึกเหมือนมีระเบิดดังขึ้นในหัวของพ่อแม่เบย์เลอร์เบย์เลอร์ก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากด้วยบรรดาญาติ ๆ ต่างทำสีหน้าที่ดูไม่เชื่อเป็นอย่างมากในขณะที่มองดูฮาร์วีย์'อะไรกันวะเนี่ย?''คุณยอร์กอีกแล้วเหรอ?''ลูกเขยที่เกาะเมียกินคนนี้น่าประทับใจจริง ๆ เหรอ?'เบย์เลอร์ตัวแข็งทื่อ“ซีอีโอแจ็คสัน! เขาเป็นแค่ลูกเขยที่เกาะเมียกินนะคะ!”แดเรียลทำเมินเฉยต่อเบย์เลอร์อย่างสิ้นเชิง ในขณะที่เขาโค้งคำนับอยู่ตรงหน้าฮาร์วีย์อย่างนอบน้อม“คุณยอร์ก! คุณซิมเมอร์!“ผมไม่คิดว่าจะมาเจอคุณสองคนที่นี่! ช่างเป็นบุญของผมจริง ๆ!“ผมรู้สึกเป็นเกียรติจังเลยครับ!“ผมตื่นเต้นมากเลยเนี่ย!”แดเรียลดีใจมากจนเขาต้องยิ้มกว้างอยู่ตลอดเวลาทุก ๆ คนในตระกูลลีต่างตกตะลึงเมื่อเห็นแดเรียลมีความสุขอยู่ตรงหน้าฮาร์วีย์เบย์เลอร์อ้าปากค้างทันที เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้ในตอนนั้นเธอไม่คิดว่าฮาร
คำพูดของแดเรียลฟังดูเหมือนกำลังตำหนิตระกูลลีอยู่ แต่คำพูดนั้นแฝงความหมายอีกอย่างหนึ่งไว้ด้วยดวงตาของเบย์เลอร์ดูเป็นประกายทันที“คุณไม่ได้ถามนี่คะซีอีโอแจ็คสัน!” เธอตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล“ไม่อย่างนั้นฉันก็คงบอกคุณไปแล้วล่ะ!“คุณต้องการทานข้าวกับฮาร์วีย์เมื่อไหร่ก็บอกฉันได้เลยค่ะ! ฉันจะเป็นคนนัดหมายเขาให้เอง!”เบย์เลอร์เบ่งหน้าอกราวกับเธอเป็นเจ้าของฮาร์วีย์ตอนนี้เธอค่อนข้างมั่นใจแล้วเธอเชื่อว่าฮาร์วีย์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำทุกอย่างตามความต้องการของกาเบรียล เมื่อเขาทำการควบคุมฮาร์วีย์ผ่านทางลิเลียนแดเรียลอดที่จะแตะไหล่เบย์เลอร์เบา ๆ ไม่ได้หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ“ดี! ดี! พรุ่งนี้มาพบผมที่สำนักงานนะ!”ดวงตาของเบย์เลอร์เป็นประกาย เธอคิดว่าเธอกำลังจะได้เลื่อนอันดับอีกแล้วตระกูลลีรู้สึกเบิกบานใจมาก พวกเขารู้สึกประทับใจในความฉลาดของเบย์เลอร์ ที่แอบใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้'ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งได้อย่างง่ายดาย...'“ผมว่าผมไม่รู้จักคุณนะ"ฮาร์วีย์พูดขึ้นด้วยท่าทีสบาย ๆ หลังจากเห็นสีหน้าภาคภูมิใจของเบย์เลอร์ ซึ่งทำลายจินตนาการของเธออย่างสิ้นเชิง
ฮาร์วีย์ทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อมองไปที่แมนดี้ เขาจำไม่ได้ว่าผู้หญิงที่กำลังคุยโทรศัพท์กับเธอคือใครตั้งแต่เธอมาถึงยังโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ เธอก็ได้พบปะกับผู้คนมากมายภาพที่เห็นนั้นคือสัญญาณของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของเธอ“แมนดี้! ผู้ชายคนนั้นคือสามีเก่าในตำนานของเธอใช่ไหม?”ผู้หญิงบนหน้าจอโทรศัพท์ทำสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม เมื่อเห็นฮาร์วีย์ยืนอยู่ข้างหลังแมนดี้“ทำไมเธอถึงยอมให้โอ้โสโครกนั่นเข้ามาอยู่ในห้องเธอล่ะ?”แมนดี้จ้องมองเธอ“ฉันเคยบอกเธอไปแล้วไงอัลม่า ฉันจะแต่งงานกับเขาอีกครั้ง”“เธอล้อเล่นใช่ไหม?”อัลม่าตกใจมาก“เขาเป็นแค่ไอ้ตัวโสโครก! ทุกคนที่นี่รู้ว่าเธอแทบจะกระดิกตัวออกมาจากเขาไม่ได้เลย แล้วทำไมถึงไปหาเรื่องใส่ตัวเองอีกล่ะ?“เธอลืมไปแล้วเหรอ?“ฉันเคยแนะนำเธอให้รู้จักกับพี่ชายของฉันแล้ว! เธอน่าจะเป็นพี่สะใภ้ของฉันนะ!“พี่ชายฉันเป็นคนที่โดดเด่นมากในตระกูลจอห์น! “เธอทั้งคู่น่าจะเป็นคู่รักที่แข็งแกร่งได้นะ!”อัลม่าเผยให้เห็นสีหน้าที่ดูมุ่งมั่นฮาร์วีย์ขมวดคิ้ว เขาไม่ได้คาดหวังว่าแมนดี้จะรู้จักกับใครในตระกูลจอห์นผู้หญิงคนนั้นถึงกับพยายามจะดึงแมนดี้ไปเป็นพวกด้วยหลัง
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร