วันถัดมา ณ โรงแรมแกรนด์นิอัมมี่ วันนี้เป็นวันสำคัญของเมืองนิอัมมี่ เป็นงานที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนชั้นสูงทุกคนเนื่องจากเป็นวันที่ตระกูลไนส์เวลล์ที่เป็นที่เคารพนับถือจะจัดงานแสดงวัตถุโบราณในเมืองนิอัมมี่ งานแสดงวัตถุโบราณของตระกูลไนส์เวลล์ไม่ได้จัดขึ้นเป็นประจำและเมื่อจัดแสดงแล้วจะมีการจัดแสดงสมบัติและของมีค่าหายากเสมอและในครั้งนี้โรงแรมแกรนด์นิอัมมี่ได้ปิดบริการต้อนรับลูกค้าใหม่โดยเฉพาะ ตั้งแต่สามวันที่แล้วเพื่อเตรียมจัดนิทรรศการการแสดงวัตถุโบราณนี้และสำหรับวันนี้ไม่อนุญาตให้ใครก็ตามที่นอกเหนือจากตระกูลและบริษัทที่ได้รับเชิญเข้ามาในโรงแรมแม้แต่คนงานในโรงแรมก็ถูกคัดเลือกกันอย่างระมัดระวังเพื่อมาร่วมบริการในงานซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านิทรรศการนี้มีอิทธิพลมากเพียงใดในเมืองนิอัมมี่รถหรูหราหลายสิบคันแล่นเข้ามาในลานจอดรถของโรงแรม และผู้ที่เข้ามาจะต้องเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยกย่องเท่านั้นชาวซิมเมอร์ยังขับรถเบนซ์ S-class เพื่อเข้าร่วมงาน ฌอน แซ็ค ควินน์ และแมนดี้ ก็มาถึงและชาวซิมเมอร์คนอื่น ๆ ทั้งหมดที่เข้าร่วมเป็นผู้ที่มีบทบาทในตระกูลผู้อาวุโสซิมเมอร์ในฐานะผู้นำครอ
“แมนดี้ ผู้ชายคนนั้นยังคงเป็นสามีของเธอ เธอควรแนะเขาว่าควรคุกเข่าต่อหน้าแซ็คยังไง...มันคงเศร้าใจมากถ้าพวกเธอทั้งคู่ถูกไล่ออกจากบ้านเพราะการกระทำของเขา!” ควินน์แนะนำแมนดี้ด้วย ‘ความกรุณา’แมนดี้ยังคงแสดงสีหน้าว่างเปล่าและพูดว่า “มันสำคัญกับฉันยังไงว่าเขาจะอยู่ที่นี่หรือคุกเข่าให้ใคร?”“ว้าว ขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอแล้วเหรอ? แมนดี้เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ๆ ที่จะมาเป็นผู้จัดการตัวน้อยที่น่าสงสาร ใครจะรู้ว่าเธอเริ่มสนใจชื่อเสียงของตัวเองหลังจากเปลี่ยนสถานะ หรือว่าเธอไม่เคยชินกับการที่สามีของตัวเองไร้ค่าหลังจากอยู่กินกันมาสามปีเต็ม” แซ็คหัวเราะเยาะ “แต่อย่าแม้แต่ฝันที่จะหย่ากันเลย การแต่งงานของเธอถูกกำหนดโดยคุณปู่ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ เธอจะกลายเป็นศัตรูของครอบครัวถ้าเธอเมินเฉยสั่งคุณปู่!”แซ็คคิดเรื่องนี้มาแล้วเขาจะไม่ยอมให้แมนดี้และฮาร์วีย์ได้หย่ากันเพราะสถานะของเขาจะได้รับการประกันก็ต่อเมื่อฮาร์วีย์อยู่เป็นภาระเป็นลูกเขยที่ไร้ประโยชน์เท่านั้นที่เพื่อฉุดแมนดี้ต่ำลง“แซ็ค ฉันมีความคิดดี ๆ มันไม่สนุกเลยที่จะให้ผู้ชายคนนั้นคุกเข่าให้นายทุกวัน ทำไมเราไม่สั่งให้ทั้งคู่คุกเข่าต่
ชายชราคนนี้มีนามว่า ชาร์ลส์ ซาราเต้ เป็นประธานสมาคมผู้ค้าวัตถุโบราณแห่งนิอัมมี่ หญิงสาวที่อยู่ด้นหลังเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากโรซาลี ไนส์เอลล์ ในขณะที่ชายหนุ่มอีกคนคือ หลุยส์ ซาราเต้ เป็นนักเรียนของเขาฮาร์วีย์ไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่เห็นเขาเนื่องจากเขามีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมวัตถุโบราณจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะเข้าร่วมงานแสดงวัตถุโบราณในวันนี้ ความสัมพันธ์ของเขากับเชนดูเหมือนจะใกล้ชิดมากในขณะที่นักเรียนหลุยส์สนใจโรซาลีอย่างเห็นได้ชัด สายตาของเขาไม่เคยละจากเธอตั้งแต่วินาทีที่เขาเข้ามาในห้องการแสดงออกทางสีหน้าของโรซาลีเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเธอจ้องมองฮาร์วีย์ สิ่งนี้ทำให้ หลุยส์แปลกใจและตื่นตัวทันทีโรซาลีเป็นสาวงามที่ดูเยือกเย็น ซึ่งดูเหมือนจะเย็นชากับทุกคนที่เธอพบเจอ แต่ดวงตาของเธอกลับอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเธออยู่ต่อหน้ากับคนแปลกหน้าคนนี้แม้จะไม่ได้แนะนำตัวกัน แต่หลุยส์ก็เห็นฮาร์วีย์เป็นคู่แข่งของเขาไปแล้วเชนยืนขึ้นเพื่อจับมือของชาร์ลส์และทักทายเขา “เพื่อนยาก ในที่สุดนายก็มาที่นี่ ฉันคิดว่าครั้งนี้นายจะไม่มาหาฉัน”ชาร์ลส์หัวเราะ “ฉันได้ยินมาว่านายพบวัตถุโบราณมากมายในเมืองนิอัม
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ฮาร์วีย์ก็เหล่ตามอง ดูเหมือนว่าหลุยส์ไม่ได้เป็นมิตรกับเขาเลยเมื่อคิดแบบนั้น ฮาร์วีย์ก็หันไปมองโรซาลี ด้วยรูปร่างหน้าตาของเธอมันทำให้เกิดปัญหาอะไรกับเขาอีก? เมื่อสังเกตเห็นการจ้องมองของฮาร์วีย์ สีหน้าเย็นชาของโรซาลีอ่อนลงและถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มขณะที่เธอขยิบตาให้เขาอย่างซุกซนฮาร์วีย์ยิ้มกลับอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปในขณะเดียวกันหลุยส์ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็กำหมัดแน่น ไอ้เวรนี่ไม่รู้หรือไง่ว่าไม่ควรยุ่งกับสุดที่รักของเขา? เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้!ชาร์ลส์สังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากหางตาของเขาและถอนหายใจ นักเรียนของเขาแพ้ชายหนุ่มคนนี้แล้วเพียงแค่ดูจากความสงบนิ่งและการกระทำแต่แน่นอนว่าชาร์ลส์ต้องช่วยหลุยส์ในฐานะสมาชิกในครอบครัวเขาจึงจ้องไปที่หลุยส์และบอกเขาว่า “หลุยส์ ที่ผ่านมาฉันสอนอะไรนายโดยตลอด? จงถ่อมตัวและอย่าแสดงความเย่อหยิ่งเพียงเพราะความสามารถและทักษะของนาย เข้าใจไหม?”แต่เห็นได้ชัดในสายตาของฮาร์วีย์ว่าแม้ว่าชาร์ลส์กำลังั่งสอนนักเรียนของเขา แต่ความเชื่อและศรัทธาในตัวนักเรียนของเขาก็ไม่สามารถเก็บซ่อนได้ฟังดูจากน้ำเสียงในการพูดข
นาฬิกาที่อยู่ในกล่องไม้เป็นนาฬิกาโบราณสายเหล็กมาตรฐานและมันเป็นนาฬิกา Rolex เห็นได้ชัดว่านาฬิกาเรือนนี้ผ่านการใช้งานโดยหน้าปัดนาฬิกามีสีเหลืองเล็กน้อยซึ่งกลายเป็นสีเหลืองวินเทจสวย ๆ แม้ว่ากรอบจะดูเหมือนมีรอยขีดข่วนเล็กน้อยเนื่องจากการสวมใส่เป็นเวลาหลายปี แต่ก็ยังดูใหม่อยู่หลุยส์ดูจริงจังในทันที เขาหยิบแว่นขยายออกมาและสังเกตอย่างระมัดระวังโดยความหยิ่งผยองจากก่อนนี้จางหายไปแล้วในขณะเดียวกันฮาร์วีย์เพียงแค่ยืนอยู่ห่าง ๆ จากนาฬิกาและมองดูมันสองสามครั้งโดยไม่แสดงสีหน้ามากนัก ดูเหมือนเขาจะมีความเป็นมืออาชีพมากกว่าหลุยส์ทั้งด้วยความสงบและนิ่งเชนพยักพึงพอใจ ในขณะที่โรซาลีจ้องมองพวกเขาด้วยความสนุกสนาน ฮาร์วีย์ดูโดดเด่นเมื่อเทียบกับหลุยส์ ซึ่งดูเหมือนเป็นเพียงช่างซ่อมนาฬิกาอย่างไรก็ตามชาร์ลส์พูดกับตัวเอง คิดว่าทำไมคนหนุ่มสาวสมัยนี้ชอบทำตัวอวดรู้มากอุตสาหกรรมการประเมินวัตถุโบราณต้องใช้ความระมัดระวัง แม่นยำ และช่างสังเกต และทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้องและดีที่สุดหากคนใดคนหนึ่งมุ่งเน้นไปที่การทำให้ดู ‘เท่’ และทำตัวโดดเด่นเหนือคนอื่น และล้มเหลวในภายหลัง เขาจะเสียชื่อเสียงตลอดไปฮาร์วีย์สั
“ถ้าอย่างนั้นหวังว่าคุณจะสามารถพิสูจน์ได้”ฮาร์วีย์มีสีหน้าไม่แยแสใด ๆ “นาฬิกาเรือนนี้เป็นของปลอมเลียนแบบได้เกรดต่ำมาก ใคร ๆ ที่ฉลาดสักหน่อยจะมองออก ไม่จำเป็นต้องมีการพิสูจน์ด้วยซ้ำ”“คุณช่างโง่เขลาจริง ๆ !”หลุยส์อดไม่ได้ ชี้ไปที่ฮาร์วีย์‘นักต้มตุ๋นคนนี้ล้ำเส้นเกินไปแล้ว! เขากล้าพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ได้ยังไง?’โรซาลีมองฮาร์วีย์ด้วยความผิดหวัง‘การพ่ายแพ้ให้กับคนที่เป็นมืออาชีพอย่างหลุยส์ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่การกระทำของฮาร์วีย์ทำให้เขาดูแย่มาก’โรซาลีดูสงสัย ทำไมฮาร์วีย์ถึงให้ความรู้สึกที่แตกต่างเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้? เธอตัดสินเขาผิดหรือเปล่า?ชาร์ลส์เหลือบมองฮาร์วีย์อย่างเป็นกันเองและยิ้ม“เป็นเรื่องดีที่จะแข่งขันเมื่อพวกนายยังเด็ก แต่บางครั้งก็ต้องยอมรับเมื่อแพ้ ไม่เป็นไรที่จะแพ้บ้าง”ชาร์ลส์ยังมั่นใจว่านาฬิกาโบราณนี้เป็นของจริงอะแฮ่มเชนกระแอมอในลำคอขณะมองลึกเข้าไปในดวงตาของฮาร์วีย์และเตือนสติเขา“ฮาร์วีย์ ถ้าคุณคิดว่านาฬิกาโบราณนี้เป็นของปลอมอย่างน้อยก็ต้องให้คำอธิบายที่เหมาะสม”ฮาร์วีย์เหลือบมองเชนอย่างรวดเร็ว จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้รู้คำตอบอยู่แล้ว แต่คงไม่ช่วยเข
“นี่…”ชาร์ลส์ตัวแข็งทื่อ แม้แต่เขาก็คิดว่านาฬิกาเรือนนี้เป็นของจริง เขาไม่รู้ว่านาฬิกาปลอมสามารถเลียนแบบได้ถึงขนาดนี้ ในขณะนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปชาร์ลส์และหลุยส์รับไม่ได้ พวกเขารู้สึกแย่มากที่ไม่สามารถตรวจดูวัตถุโบราณได้ทั้งในแค่ขั้นตอนที่ง่ายที่สุด ถ้าพวกเขาตรวจดูให้ดี ก็คงจะไม่ตัดสินผิดแบบนี้“ผมไม่เคยประเมินของโบราณด้วยซ้ำ แต่ก็คงจะแยกแยะความถูกต้องได้ภายในไม่กี่นาทีถ้าของอยู่ในมือผม!”หลุยส์กำลังกัดฟันพูดและเขาไม่เชื่อ เขาไม่อยากยอมรับว่าเขาแพ้ในสายตาของเขา การพ่ายแพ้ครั้งนี้นั่นเป็นเพราะกฎที่เชนกำหนด ไม่อย่างนั้นเขาจะเข้าใจผิดว่านาฬิกาปลอมเรือนนี้เป็นของจริงได้อย่างไร?‘ฮาร์วีย์ คนจรจัดที่ดูน่าอนาถคนนี้ชนะเพียงเพราะเขาโชคดีก็เท่านั้น แม้แต่เชนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาก็ทำให้ฉันดูแย่ไปเลย’“อีกรอบ! ไม่มีทางที่ฉันจะแพ้คนนี้แน่!” หลุยส์พูดอย่างมั่นใจเขาต้องพิสูจน์ตัวเองว่าคู่ควรกับโรซาลี ต้องพพิสูจน์ว่าเขาคือเจ้าชายที่แท้จริงคนเดียวของเธอ จากนั้นเขาก็เหมาะสมที่จะอยู่เคียงกับเธอและชายคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขา ไม่มีอะไรมากไปกว่าคนจรจัดที่ดูน่าสมเพช“ได้สิ แต่คุณไม่ต้องกินเจ
“ทำไมผมต้องประสบความสำเร็จในการประเมินโบราณวัตถุด้วย?”ฮาร์วีย์ยักไหล่ไม่สนใจ“ผมต้องเกรงกลัวเขาที่ไปทำให้เขาขุ่นเคืองงั้นเหรอ? เขาควรค่าที่จะกลัวไหม?” ฮาร์วีย์พูดอย่างเป็นธรรมชาติ การประเมินโบราณวัตถุไม่ได้มีอะไรมากไปกว่างานอดิเรก เขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องพวกนี้ในการหาเลี้ยงตัวเอง เหตุใดเขาจึงต้องกลัวที่จะทำให้หน่วยงานภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวขุ่นเคืองเชนดูแข็งขึ้น เชนพยายามตรวจสอบประวัติของฮาร์วีย์หลังจากที่เขาเคยปฏิเสธข้อเสนอของเชนมาก่อน แต่ก็ไม่พบว่ามีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเขามีความเป็นไปได้เพียงสองอย่างหนึ่งฮาร์วีย์ ยอร์ก เป็นเพียงคนธรรมดาและสองประวัติของฮาร์วีย์นั้นพิเศษมากจนแม้แต่ตระกูลไนส์เวลล์เองก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบประวัติของเขา นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่พบอะไรเลยเชนไม่คิดว่าคนอย่างฮาร์วีย์จะเป็นแค่คนธรรมดา ดังนั้นจึงน่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง“ยอร์ก ตระกูลยอร์กแห่งเซาท์ไลท์หรือ? ไม่มีใครเคยได้ยินเรื่องแบบนี้ในตระกูลยอร์กมาก่อน”เชนไม่สามารถคิดหาคำตอบกับความลึกลับนี้ได้แต่ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องปกติ ฮาร์วีย์ถูกตระกูลยอร์กเนรเทศออกมาเมื่อสามปีก่อนและลบร่องรอยทั้งหมดที่เกี