ฮาร์วีย์หรี่ตาของเขามองไปยังเคธี่พลางครุ่นคิด จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา“คุณคงลืมไปแล้ว หัวหน้าคอบบ์ ตอนนี้สาขาของวังมังกรอยู่ในมือของผมแล้ว เพราะฉะนั้นผมจึงค่อนข้างมีข้อมูลอยู่ในมือ“แบรนดอนมาจากตระกูลโมเรโน แต่ภูมิหลังของคุณก็น่าประทับใจเช่นกัน“ตามข้อมูลที่สาขาของวังมังกรของเราได้รับ ไม่เพียงแต่คุณจะเป็นหัวหน้าของแก๊งหนานหยาง แต่คุณยังเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลคอบบ์ซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลที่ใหญ่ที่สุดของหนานหยางด้วย“ด้วยทักษะและภูมิหลังของคุณ แบรนดอนเทียบไม่ได้เลย“ถ้าคุณยอมเป็นพันธมิตรกับผม…“ทุกอย่างจะอยู่ในกำมือของคุณแน่นอน“คุณจะบอกว่าผมมีศัตรูในฮ่องกงและลาสเวกัสมากเกินไป? ถึงได้คิดที่จะสู้กับผมให้ตายกันไปข้าง?” ฮาร์วีย์พูดอย่างต้องการที่จะฟังคำตอบจากปากเธอเพราะฮาร์วีย์ไม่ได้มาที่นี่เพื่อเจรจาบอกกันตามตรงเขามาที่นี่เพื่อดูว่าแก๊งหนานหยางเลือกยืนข้างใครหากพวกเขายอมทำตามเขา ฮาร์วีย์ก็จะไม่เล่นงานพวกเขาแต่ถ้าพวกเขาตัดสินใจเดินตามเส้นทางเดิมฮาร์วีย์ก็ไม่ติดขัดที่จะล้างบางพวกเขา“โถ่ที่รัก คุณกำลังทำให้ฉันลำบากใจนะ คุณยอร์ก”เคธี่ถอนหายใจหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์ ก่อ
เคธี่รีบนำทางฮาร์วีย์ลงไปในส่วนลึกของกิลด์ฮอลล์ฮาร์วีย์ยักไหล่กับตัวเองและเดินตามเธอไปอย่างไม่อิดออดมีโอกาสที่เคธี่จะวางแผนฆ่าฮาร์วีย์อยู่ แต่เขาเชื่อว่าเธอเป็นผู้หญิงมีหัวคิดผู้หญิงที่มีหัวคิดจะไม่จมอยู่กับความพยายามที่ไร้ค่าในไม่ช้า ทั้งสองก็เดินผ่านตรอกที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาไปยังลานเล็ก ๆ สไตล์หนานหยางเมื่อทั้งสองเข้าไปข้างใน ผู้หญิงผิวคล้ำคนหนึ่งก็ก้าวออกมาจากมุมลานบ้านและขวางทางฮาร์วีย์ไว้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเธอเย็นชาเธอดูอายุค่อนข้างน้อย ร่างกายซูบผอมมีกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ เธอทำให้ฮาร์วีย์นึกถึงเสือชีต้าที่ว่องไวเพียงแค่ยืนอยู่เฉย ๆ เธอก็สามารถต้านแรงกดดันมหาศาลได้เธอส่งเสียงร้องแปลก ๆ และทันใดนั้น แมลงก็ปรากฏตัวขึ้นและคลานเข้าหาฮาร์วีย์ฮาร์วีย์มองดูผู้หญิงคนนั้นเงียบ ๆ แล้วหัวเราะเบา ๆ เขาปล่อยกลิ่นอายของนักฆ่ารุนแรงแบบในสนามรบออกมาเล็กน้อย และให้มันครอบคลุมไปทั่วทั้งร้านในไม่กี่วินาที ผู้หญิงผิวคล้ำก็ตัวสั่นด้วยความกลัวและเซถอยหลังไปเธอจ้องไปที่ฮาร์วีย์ ดวงตาที่เบิกกว้างของเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่ออย่างที่สุดในเวลาเดียวกัน ตาซ้ายของเธอก็มีเลือดไหลอ
“ก่อนทำการสำรวจสุสาน ปู่ของฉันเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในหนานหยาง อันที่จริง เขามีความสามารถเทียบเท่ากับเทพสงคราม!“แต่กลิ่นเหม็นเน่านั่นทำให้เขาเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ!“ฉันพาเขาไปฮ่องกงและตามหาหมอที่จะมารักษาเขาไปทั่ว“โชคร้ายวิชาที่ฉันค้นพบทั้งยาแผนตะวันตกและยาจีนก็ไม่อาจช่วยเขาได้“มีคนบอกฉันว่าเขาไม่ได้ป่วย แต่เป็นเพราะชะตาลิขิตเอาไว้“ฉันรู้ว่าถ้าฉันต้องการจะช่วยเขา ฉันต้องกำจัดกลิ่นเหม็นนั่นออกจากร่างกายของเขาเสียก่อน“ฉันมองหาปรมาจารย์ด้านฮวงจุ้ยทั่วฮ่องกง แต่ไม่มีใครชำนาญพอสักคน“แม้แต่ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ด้านฮวงจุ้ยอันดับหนึ่งในฮ่องกงอย่างจอน เซอร์เรย์ก็ยังได้แต่หน้าดำคร่ำเครียดหลังจากที่เห็นสภาพของคุณปู่ เขาบอกว่าเขาทำอะไรไม่ได้และจากไปโดยไม่แม้แต่จะพยายามด้วยซ้ำ“เขาแนะนำให้ฉันไปวิหารคุณธรรมทั้งห้า เขาบอกว่าคุณปู่ของฉันมีโอกาสที่จะหายป่วยได้ ถ้าเจ้าอาวาสหรือนายหญิงมาช่วย“แต่น่าเศร้าที่เราไม่มีสิทธิ์ขอความช่วยเหลือจากพวกเขา“แต่หลังจากที่ได้พบคุณคืนนี้ ฉันก็นึกย้อนไปถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคุณ เพราะจอน เซอร์เรย์เองต้องประสบกับความระทมเพราะคุณ แถมคุณ
“ก่อนหน้านี้เขาจะฟื้นคืนสติได้ราวสองถึงสามชั่วโมง“แต่เร็ว ๆ นี้ ช่วงเวลานั้นลดน้อยลง“ถ้าเราหาวิธีรักษาปู่ของฉันไม่ได้ เขาก็จะอยู่ได้ไม่นาน” เคธี่พึมพำเบา ๆ“คุณคงเคยประสบเรื่องแบบนี้มาก่อน คุณยอร์ก คุณรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา?”ฮาร์วีย์หรี่ตาลงเล็กน้อย“ดูเหมือนนี้จะไม่ใช่อาการเจ็บป่วย แต่กลิ่นนั่นไม่น่าจะรุนแรงถึงขนาดทำให้เกิดความเสียหายได้ขนาดนี้“ขอผมเข้าไปดูใกล้ ๆ ได้ไหม”เมื่อเห็นท่าทางของฮาร์วีย์ เคธี่ก็ชี้ไปที่ปู่ของเธอ“กรุณาเถอะ คุณยอร์ก”ฮาร์วีย์พยักหน้า โดยไม่สนใจคลื่นความร้อนที่แผดเผาร่างกาย เขาก้าวเข้าไปหาดีนเพื่อวิเคราะห์ชายชราอย่างใกล้ชิดมากขึ้นดีน คอบบ์ผ่ายผอมลงไปมาก ราวกับว่าเขาสามารถตายได้ทุกเมื่อ…พิจารณาจากรูปร่างหน้าตาของเขา ก็จะเห็นได้อย่างง่ายดายว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลามากขนาดไหนขณะที่ฮาร์วีย์เอื้อมมือไปตรวจชีพจรของดีน จู่ ๆ ดีนก็ลืมตาขึ้นในขณะนั้น ออร่าที่ดุร้ายก็พุ่งเข้าใส่ฮาร์วีย์ ซากศพที่กองกันเป็นภูเขาและทะเลเลือดส่องประกายในดวงตาของฮาร์วีย์แวบหนึ่งใครก็ตามที่มีพลังจิตไม่กล้าแข็งจะต้องเสียสติหลังจากได้เห็นภาพเช่นนั้น
“ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าตอนนี้ผมจะมีสภาพแบบนี้ แต่เกรงว่าคงมีเพียงปรมาจารย์ในระดับเทพสงครามเท่านั้นที่สามารถต้านทานการโจมตีเมื่อครู่ของผมได้“เนื่องจากคุณสามารถรับมือกับมันได้อย่างสบาย ๆ เพราะงั้นผมรู้แน่ว่านี่มันหมายความว่ายังไง นายน้อยยอร์ก”ดีน คอบบ์ถอนหายใจและพูดว่า “ผมเคยเรียนประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ยังเด็ก แต่ก็ไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนั้นเลย“เพราะไม่ว่าจะกี่ยุคต่อกี่ยุคประวัติศาสตร์ก็ชี้ให้เห็นเสมอว่าประเทศ H ที่ยิ่งใหญ่คือที่ที่เต็มไปด้วยผู้มากความสามารถ“ต่อมาประเทศ H อันยิ่งใหญ่ถึงได้มีบุคคลในตำนานถือกำเนิดขึ้น“นั่นก็คือหัวหน้าผู้ฝึกสอนของค่ายศัสตราวุธ“การปรากฎตัวของบุคคลผู้นี้ทำให้ผมเข้าใจในความหมายของชะตาลิขิตและประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี!“นอกจากหัวหน้าผู้ฝึกสอนในตำนาน ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีบุคคลอย่างคุณในประเทศ H ที่ยิ่งใหญ่คนอื่นอีก!“เมื่อเวลาผ่านไป ประเทศ H ที่ยิ่งใหญ่อาจกลายเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ในกลุ่มประเทศทรงอำนาจในไม่ช้า!”ดีนถอนหายใจ เห็นได้ชัดว่าเชื่อในตัวฮาร์วีย์ ยอร์กเคธี่ คอบบ์อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองฮาร์วีย์อีกสองสามครั้งปู่ของเธอ
ฮาร์วีย์ ยอร์กยิ้มอยู่ข้าง ๆ และพูดว่า “ขอบคุณสำหรับคำชมที่มีต่อหัวหน้าผู้ฝึกสอนของประเทศ H อันยิ่งใหญ่ ผู้อาวุโสคอบบ์“แต่ว่าหัวหน้าผู้ฝึกสอนพูดไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่าทั้งกองทัพสมควรได้รับความดีความชอบในการทำให้ประเทศ H อันเกรียงไกรของเราชนะสงคราม“ประเทศ H เกรียงไกรสร้างหัวหน้าผู้ฝึกสอนขึ้นมา ไม่มีทางเป็นอื่น”ดีน คอบบ์พยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว หัวหน้าผู้ฝึกสอนของประเทศ H อันยิ่งใหญ่ ไม่เพียงแต่ยอดเยี่ยมทั้งในด้านอุปนิสัยและความกล้าหาญเท่านั้น แต่เขายังปิดบังตัวตนอีกด้วย ดังนั้นจนถึงทุกวันนี้จึงมีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักตัวตนของเขา!“ถ้าผมมีโอกาสได้พบเขา ผมก็คงนอนตายตาหลับแล้ว!“อะแฮ่ม อะแฮ่ม อะแฮ่ม...”ฮาร์วีย์ได้แต่กระแอมไอสองสามครั้งอยากช่วยไม่ได้ 'ตาเฒ่านี่ พอได้แล้ว หยุดเลียแข้งเลียขาสักที'จากนั้นเขาก็เหวี่ยงประเด็นไปและพูดว่า “ผู้อาวุโสคอบบ์ เรามาคุยกันเรื่องอาการของคุณดีกว่า”ดีนชำเลืองมองไปยังฮาร์วีย์และตอบอย่างเคร่งขรึม “พ่อหนุ่ม คุณน่ะทรงพลังอยู่หรอกนะ แต่ก็ยังไม่อาจเทียบเคียงกับหัวหน้าผู้ฝึกสอนได้“แต่ผมเชื่อว่าด้วยความสามารถของคุณ คุณอาจพอแข่งขันกับหัวหน้าผู้ฝึก
“เคธี่ ปู่รู้ว่าหลานมัวแต่วุ่นวายกับเรื่องของปู่มาตลอดหลายปี แต่ปู่รู้ตัวดี ยาทั่วไปรักษาไม่ได้หรอก”ดวงตาของดีน คอบบ์ดูอ่อนโยนขณะที่มองไปยังเคธี่ คอบบ์ด้วยความรัก“น่าเสียดายที่ปู่ไม่อาจปกป้องหลานได้อีกต่อไปแล้ว!“เพราะเกรงว่าปู่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่เดือนเดียว“หลานไม่ต้องมาสนใจปู่และเสียเวลาอีกต่อไปแล้วล่ะ“หลานควรคิดให้ดีนะ หลังจากปู่ตายแล้วหลานจะทำอะไร?“แม้ว่าตระกูลคอบบ์จะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ในหนานหยาง แต่ความยิ่งใหญ่นั้นมันมลายหายไปตั้งแต่เมื่อวินาทีที่ปู่ตกอยู่ในสภาพนี้“ความบาดหมางภายในตระกูลตัวเองทวีความรุนแรงขึ้น ญาติ ๆ ของหลานทุกคนคอยจ้องจะฮุบเงินทองและตำแหน่งของหลานอยู่ แถมกองกำลังอื่น ๆ ในหนานหยางเองก็อยากจะได้ตำรายุทธที่ปูเคยฝึกฝนในอดีตจนตัวสั่น“ตอนนี้ เป็นเพราะปู่ยังไม่ตาย เพราะงั้นปู่จึงสามารถใช้ฉายา ‘ปรมาจารย์อันดับหนึ่ง’ ในการยับยั้งคนที่คิดจะลงมือไว้ได้!“แต่พอปู่ตายเมื่อไหร่คนพวกนั้นจะต้องมารุมทึ้งหลานแน่นอน!“เพราะฉะนั้น หลานต้องวางแผนอนาคตให้ดี!“หลานคงไม่อาจกลับไปยังหนานหยางได้อย่างแน่นอน“ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับหลานในตอนนี้ก็คือการหาท
ฮาร์วีย์ ยอร์กครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “กลิ่นเหม็นเน่าในร่างกายนั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น“จุดนี้ทำให้พิษในร่างกายของเขาแพร่กระจายออกไป “ดังนั้น อาการเจ็บป่วยของผู้อาวุโสคอบบ์ไม่ใช่เพราะกลิ่นเหม็นเน่าหรืออาการเจ็บป่วยใด ๆ ทั้งนั้น แต่เป็นเพียงเพราะยาพิษ”“ยาพิษ? จริงหรือ?"เคธี่ คอบบ์ดูไม่มั่นใจและตระหนก “ก่อนหน้านี้เราได้เชิญแพทย์และปรมาจารย์หลายคนมาตรวจร่างกายของเขา และแม้พวกเขาเหล่านั้นจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน แต่ส่วนใหญ่พวกเขาเชื่อว่าคุณปู่ถูกวิญญาณร้ายสิงสู่“มีคนยืนยันว่าปู่ของฉันกลายเป็นแบบนี้เพราะเขาสูดดมกลิ่นเหม็นเน่าที่ถูกหมักบ่มไว้เป็นพัน ๆ ปี“แต่ตอนนี้คุณกำลังบอกว่าปู่ของฉันถูกวางยาพิษแค่นั้นน่ะเหรอ?”เคธี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “นายน้อยยอร์ก คุณควรรู้เอาไว้นะว่าผู้ที่ฝึกยุทธจะพอมีความรู้เรื่องยาอยู่บ้าง ปู่ของฉันตรวจดูอาการของตัวเองดูแล้ว แต่เขาก็ไม่พบว่าตัวเองถูกวางยาพิษเลยแม้แต่น้อย!”ฮาร์วีย์คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถาม “คุณมีมีดผ่าตัดไหม?”เคธี่อึ้งไปครู่หนึ่ง เธอไม่ได้ตอบคำถาม แต่ถึงกระนั้นเธอก็รีบไปนำชุดอุปกรณ์ผ่าตัดมาให้เขาจากนั้นฮาร์วีย์ก็ห