นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์ยืนอยู่กลางห้องโถงไว้ทุกข์ ออร่าที่น่าสะพรึงกลัวปกคลุมไปทั่ว ๆ ร่างกายของเขา ราวกับเสือที่หลับใหลในถ้ำมามานานแสนนานและกำลังจะกลับมาเผยเขี้ยวอันคมกริบอีกครั้ง การตื่นขึ้นของเสือที่ดุร้ายและแข็งแกร่งย่อมมีกองกระดูกเหมือนภูเขาและเลือดไหลนองเหมือนสายน้ำ ไม่ไกลจากนายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์ อีแวนเดอร์สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เขาดูโดดเดี่ยวและดูหดหู่ แต่ผู้คนที่รู้ว่าเขาเป็นใครก็ยังคงตัวสั่นและไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อนร่างกายของตัวเอง เขาพร้อมที่จะฆ่าเพราะในวันนี้เขาสวมใส่ชุดสีขาวล้วน! ว่ากันว่าอีแวนเดอร์จะฆ่าทุกครั้งที่เขาสวมชุดสีขาว! นี่ไม่ใช่แค่ข่าวลือ มีสงครามนับไม่ถ้วนที่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้ นอกจากนั้น ยังมีเหล่าคนดังมากมายจากวงสังคมระดับสูงของบัควู้ดที่ยืนอย่างไม่เป็นระเบียบมากนักในพื้นที่ว่างบริเวณหน้าห้องโถงไว้ทุกข์ ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนจากบัควู้ดจริง ๆ เสียด้วยซ้ำ พวกเขาทั้งหมดมาจากตระกูลใหญ่ ๆ และเป็นตัวแทนของผู้มีอำนาจในบัควู้ด ที่พวกเขาอยู่ที่นี่ก็เพื่อมาเข้าร่วมการประชุมการลงทุนและการมีส่วนร่วมทางธุรกิจ แต่ทว่าพวกเขาต้องมาร่วมงานศพในวันนี้
นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์ยกมือขึ้นเล็กน้อยเพื่อแสดงให้ทุกคนเงียบ จากนั้นเขาก็พูดขึ้นช้า ๆ ว่า “ฉันอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาสี่ปีเต็ม งานอดิเรกที่ฉันชอบคือท่องคัมภีร์บนภูเขา!” “แต่ฉันไม่คาดคิดเลยว่าจะมีคนโง่เขลาบางคนที่มาเข่นฆ่าคนของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า!” “พวกเราชาวเยตส์จากอเมริกาต้องการเพียงแค่ทำธุรกิจที่นี่ในบัควู้ดเท่านั้น เราไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งใด ๆ เลยแม้สักนิด!” “แต่เราเองก็ไม่มีความกลัวต่อผู้อื่นด้วยเช่นกัน!” “เนื่องจากมีคนต้องการที่จะต่อต้านพวกเรา ฉันจึงมาที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนของตระกูลเยตส์จากอเมริกา!” “พวกเราจะไม่หยุดจนกว่าสกาย คอร์ปอเรชั่นจะถูกทำลาย!” “เราจะไม่หยุดจนกว่าเจ้าชายยอร์กจะตาย!” “เราจะไม่หยุดจนกว่าฮาร์วีย์ ยอร์กจะตาย!” สุนทรพจน์ของนายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์ดังก้องไปทั่วทุกที่ "ตาต่อตาฟันต่อฟัน!" “เลือดแลกด้วยเลือด!” อันธพาลทั้งหมื่นห้าพันคนโห่ร้องพร้อมเพรียงกัน จิตสังหารพุ่งทะยานขึ้นสูงผ่านท้องฟ้า การแสดงอำนาจออกมาเช่นนี้ทำให้ทุกคนในงานรู้สึกสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงขีดสุด ใครจะไปกล้าต่อกรกับตระกูลเยตส์จากอเมริกาบ้างล่ะ? พวกเข
“ถ้าอย่างนั้น กระผมทั้งสองหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะมีเกียรติอย่างเช่นงานในวันนี้ในทุก ๆ ปีของชีวิตนะครับ นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์!” "นี่…" ฝูงชนต่างอ้าปากค้างหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น พวกเขาอยู่ในอาการตกตะลึงจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว คำพูดนั้นมันช่างน่าตกใจมาก! ชายคนนั้นเพิ่งสาปแช่งนายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์ให้มีเกียรติในงานศพลูกของเขาทุกปีโดยการพูดอย่างนั้นออกมาหรือเปล่านะ?! “นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์! สองคนนี้หยิ่งยโสมากจนเกินไปแล้ว! ไม่ต้องรออะไรแล้ว เราจะฉีกสกาย คอร์ปอเรชั่นให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเดี๋ยวนี้!” สายตาของกัสเย็นชาและเต็มไปด้วยตวามดูแคลน พวกเขานี่ช่างรนหาที่ตายเสียจริง ๆ บังอาจมายั่วยุตระกูลเยตส์จากอเมริกา! ในขณะเดียวกันญาติสนิทของตระกูลเยตส์ต่างก็จ้องมองพวกเขาด้วยความเย็นชาด้วยเช่นเดียวกัน พวกคนเหล่านี้ต่างก็มีความภาคภูมิใจในฐานะญาติสนิทของตระกูลเยตส์จากอเมริกา ถึงกระนั้นก็ยังมีคนกล้าดูถูกบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในตระกูลอย่างนายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์! ใครบ้างที่จะไม่โกรธเคือง! “สารเลว! ให้ตายเถอะเจ้าชายยอร์ก
นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์มองดูภาพนั้นอย่างเย็นชา จากนั้นก็พูดอย่างใจเย็นว่า “จัดงานศพต่อไป ส่งลูกชายของฉันไปที่สงบสุข!” “คำนับแรก!” “คำนับครั้งที่สอง!” “คำนับครั้งที่สาม!” “ทำความเคารพบรรพบุรุษ!” ***ขณะนี้ผู้คนนับไม่ถ้วนกำลังมอบช่อดอกไม้อย่างเป็นระเบียบ ภาพเช่นนี้หาดูได้ยากเป็นอย่างยิ่ง การฝังศพของกษัตริย์ในอดีตอาจไม่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เสียด้วยซ้ำ “นายใหญ่ที่สี่ครับ เราควรเริ่มฝังศพเลยดีไหม?” เลย์ตันถามขึ้นเบา ๆ “ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ ฉันต้องการให้เหล่าผู้บริหารระดับสูงในสกาย คอร์ปอเรชั่นทุกคนเป็นคนแบกโลงศพ!” “และฉันยังต้องการที่จะฝังเจ้าชายยอร์กและเจ้าฮาร์วีย์ไว้ใต้โลงศพด้วย!” "ไปจัดการซะ เนื่องจากมีคนต้องการเล่นสนุกกับพวกเรา เราก็จะเล่นกับพวกเขากลับบ้าง!” “ไปที่สกาย คอร์ปอเรชั่น!” “ไปลากคอเจ้าชายยอร์กมาทั้งเป็น!” ผู้คนหนึ่งหมื่นห้าพันคนกำลังคำรามอย่างเดือดดาล พวกเขาทั้งหมดเดือดดาลด้วยความโกรธ บรรดาคนดังของบัควู้ดต่างโทรศัพท์หาญาติ ๆ ของพวกเขาหลังจากเห็นภาพดังกล่าว พวกเขาขอให้ครอบครัวของพวกเขาปิดร้าน และอยู่แต่ภายในบ้านเท่านั้น นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์พร
ฮาร์วีย์มองไปที่โลงศพโบราณแล้วยิ้ม “ตอนนี้นายก็รู้ตัวตนที่แท้จริงของฉันแล้วหนิ ทำไมนายยังไม่คลานเข้าไปในโลงศพนั่นด้วยตัวเองล่ะ นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์?” “เราทั้งสองสามารถเก็บแรงของเราด้วยวิธีนี้!” “หึ หึ หึ หึ…” นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์หัวเราะเบา ๆ “ฉันเตรียมโลงศพไว้ให้นายด้วยเหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันก็ได้รู้แล้วว่าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนยอร์กก็คือเจ้าชายยอร์กนั่นเอง แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!” “แต่นายกับฉันมันต่างกัน ฉันจะไม่ปล่อยให้นายได้คลานเข้าไปเองหรอกนะ ฉันจะโยนนายเข้าไปด้วยมือของฉันเอง!” ฮาร์วีย์หัวเราะ “ขอโทษนะ แต่ฉันยังเด็กไม่แก่หงำเหงือกเหมือนนาย นายก็เหมือนอยู่ในดินลึกถึงเข่าแล้วนะ!” “นอกจากนี้ ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าสำหรับฉันที่จะมีชีวิตอยู่ถ้าเราต้องต่อสู้กันจนตัวตาย” “โลกต้องการให้ฉันอยู่เพื่อรักษาความสงบ!” ฮาร์วีย์ยิ้มอย่างไม่ละอายกับคำพูดนั้น แม้ว่าเขาจะพูดความจริงก็ตาม "แก…" นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์เดือดดาลด้วยความโกรธ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะมาล้อเล่นกับฮาร์วีย์ เขาพยายามหายใจเข้าลึก ๆ และบังคับตัวเองให้สงบลง “ให้ฉันได้ถามนายเถอะ เจ้าชายยอร์ก ใค
อกสั่นขวัญหนี! นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์และคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้าง พวกเขาตกใจจนแทบสิ้นสติ! ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งมาก! ใคร ๆ ก็รู้ว่าการจะเป็นหัวหน้าแก๊งค์อันธพาลแห่งท้องถนนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้นั้น คน ๆ นั้นจะต้องมีอำนาจมาก ๆ และคนที่อยู่ภายใต้อำนาจของเขาก็จะถูกพิจารณาและผ่านการทดสอบมาแล้วทั้งนั้น แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาทั้งหมดจะถูกจัดการหลังจากเวลาผ่านไปเพียงแค่สามวินาทีเท่านั้น นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์เข้าใจดีแล้วว่าฮาร์วีย์มีชายผู้ทรงพลังอยู่เคียงข้างเขา นั่นคือสาเหตุที่ทหารชั้นสูงทั้งสามของเขาถูกสังหาร ชายที่อยู่เบื้องหน้าของเขานายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์นั้นช่างดูลึกลับ! นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์ถึงกับคิดว่าชายผู้นี้ต้องคู่ควรกับฉายาของเทพสงคราม แต่ความคิดนั้นแวบเข้ามาในหัวของนายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถหันหลังกลับได้แล้ว แล้วตอนนี้นับประสาอะไรกับแค่เรื่องของอีธานถึงจะต้องเข้ามาอยู่ในสายตาของนายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าอีธานเป็นเทพสงครามจริง ๆ เขาก็จะไม่หยุดสงครามครั้งนี้ “ฉันรู
พวกอันธพาลท้องถนนไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต พวกเขาทั้งหมดมองไปที่กลุ่มชายผู้มาเยือน ขณะที่การแสดงออกทางสีหน้าของพวกเขานั้นดูตึงเครียดขึ้นมาทันที พวกเขานั้นดูลึกลับมาก พวกเขาดูแปลกมากไม่ว่าใครจะมองอย่างไร "กองกำลังพิเศษเหรอ? แล้วไง?” นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์โพล่งออกมาด้วยความเย็นชา “ลืมไปหรือเปล่าว่าฉันก็มาจากหน่วยรบพิเศษเหมือนกัน?” “แม้ว่าพวกคนเหล่านี้จะเป็นทหารชั้นสูง พวกนายก็ยังคงต้องฆ่าพวกเขาทุกคน!” “พวกเรามีตั้งหนึ่งหมื่นห้าพันจะกลัวแค่ยี่สิบคนนี้จริง ๆ เหรอ?! ไปจัดการพวกมันซะ!" วินาทีต่อมาพวกอันธพาลทั้งหมดมองหน้ากันแล้วหัวเราะอย่างเยือกเย็น 'นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์พูดถูก พวกมันมีเพียงแค่ยี่สิบคน พวกมันจะสามารถทำอะไรกับพวกเราทุกคนได้บ้าง?' "ลุย!" พวกอันธพาลทั้งหมดต่างก็พุ่งไปข้างหน้า กองกำลังการ์ดมังกรทั้งยี่สิบคนเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงกัน ดาบเหล็กโบราณและอาวุธปืนล้ำสมัยเล็งไปที่ศัตรูในเวลาเดียวกัน ปัง ปัง ปัง! เสียงดังโครมครามไปทั่วทั้งสุสาน พวกอันธพาลที่ต้องการเข้าใกล้ฮาร์วีย์ล้วนนอนราบเป็นหน้ากลองกับพื้นทันที ในเวลาเ
อีธานชักดาบออกจากฝัก ฉึบ! แสงสีขาวราวกับหิมะส่องประกายออกมา สีหน้าของอีแวนเดอร์เปลี่ยนไปอย่างบ้าคลั่ง เขากวาดมีดไปมาต่อหน้า เคร้ง! ทั้งสองโจมตีซึ่งกันและกัน ในวินาทีต่อมาอีแวนเดอร์ก็เซไปชนก้อนหินขนาดใหญ่ ก้อนหินแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากของอีแวนเดอร์ เมื่อเขากำลังพยายามที่จะจะลุกขึ้น อีธานก็มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ตุบ! รองเท้าบู๊ทของอีธานกดลงบนหน้าอกของอีแวนเดอร์ ทันที อั่ก! อีแวนเดอร์พยายามขัดขืน แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งมีเลือดไหลออกมามากเท่านั้น อีธานขยี้น้ำหนักมากขึ้นจนร่างกายของเขากระตุก หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว ทหารชั้นสูงลำดับที่หนึ่งก็มองชายข้างหน้าเขาด้วยดวงตาที่กลมโต เขาแสดงท่าทางที่ไม่อยากเชื่อ แต่เขาได้หายใจเฮือกสุดท้ายแล้ว เทพนักฆ่าในสนามรบไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะตายเร็วและน่าสยดสยองขนาดนี้ เมื่อเทียบกับยอดฝีมือที่แท้จริง เขานั้นแทบไม่มีอะไรเทียบได้เลย น่าทึ่งจริง ๆ !นายใหญ่ที่สี่ของตระกูลเยตส์และสมาชิกระดับสูงคนอื่น ๆ ในตระกูล หลังจากเห็นภาพนี้พวกเขาก็รู้สึกกลัวและจนปัญญา ทหารชั้นสูงลำดับที่หนึ่งในตำนานอย่างอีแวนเดอร์ก็ยังพ่ายแพ้ใ